"ทำงานดีมาก เร็วมาก อะไรวะเนี่ยอิง" ผมทั้งโกรธ โมโห แล้วก็ดีใจในเวลาเดียวกัน ผมถูกอิงโกหกเรื่องท้องในวันนั้น ผิดที่ผมด้วยแหละที่ไม่เช็กให้ชัวร์ยอมปล่อยอิงไปง่าย ๆ เด็กที่ชื่อไออุ่นเป็นลูกของผม
ลูกของผมกับอิง ผลผลิตจากในคืนนั้นที่เราพลาดด้วยกันทั้งคู่
ตอนนี้เขาอายุสามขวบแล้ว ให้ตายสิกว่าจะรู้ว่าตัวเองมีลูกใช้เวลาเกือบสามปีเลย ผมพลาดหลายๆ อย่างไปเยอะมาก
"ผมช่วยได้เท่านี้นะครับ"
"ที่เหลือผมจัดการเอง เอาล่ะค่าจ้างที่เหลือผมจะโอนเข้าบริษัทให้ ทิ้งเลขบัญชีคุณไว้ให้ผมด้วย"ทำงานดีแบบนี้ไม่ให้พิเศษได้ยังไง และนี่คือเหตุผลที่ผมรีบโทรหาอิงแล้วนัดออกมาคุยข้างนอก แม้ว่ามันเสี่ยงมากก็ตามแต่ผมก็ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่อง
หลังจากกลับจากสนามบินผมก็ร้อนใจเรื่องของอิงกับเด็กคนนั้นมาก รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง แล้วก็มีจริง ๆ นักสืบโทรมารายงานเรื่องอิงให้ผมฟังอย่างละเอียดพร้อมส่งข้อมูลเท่าที่หามาได้เข้าไลน์ หลังจากวางสายผมก็โทรนัดอิงส่งโลเคชั่นไปให้แล้วนั่งมองรูปเด็กน้อยตากลมโตไปด้วย รอยยิ้มนั่นเหมือนอิง ไออุ่นคือลูกสาวของผม เธอน่ารักมาก มีบางส่วนที่เหมือนผม ปากมั้งไม่แน่ใจ
โรงแรม K IN
ผมกับอิงนั่งรถโรงแรมกลับมาด้วยกัน อิงนั่งเงียบไม่ยอมคุยกับผมเลยสักคำ ผมก็ไม่ได้โกรธขนาดนั้น เอาจริง ๆ ก็โกรธนั่นแหละ โกรธมากด้วย ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามแต่อิงไม่ควรโกหกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงกล้าทำ ผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างแต่ทำไมถึงเลือกโกหกไม่พูดความจริง
แต่เอาเถอะแค่เห็นหน้าลูก รอยยิ้มลูกความโกรธที่มีอยู่ในใจก็หายไปเกือบหมด ผมมั่นใจนักสืบของตัวเองพวกเขาทำงานไม่พลาดแน่นอน
พอถึงโรงแรมอิงก็เดินนำหน้าโดยไม่รอ ให้ตายสิ ต้องเป็นผมมากกว่าที่ทำแบบนั้น
"อิง"
"อิง หยุดก่อนดิวะ" แล้วผมก็ต้องเดินตาม เพราะผมกลัวว่าอิงจะพาลูกหนีไปอีก
"มีอะไร"
"ทำไมไม่บอก เรื่องลูก ทำไมถึงต้องปิดบัง ใจร้ายมากเลยรู้ปะ"อิงยืนนิ่ง เธอก้มหน้าไหล่ไหวจนผมต้องเข้าไปโอบประคองพาไปนั่งห้องรับรองที่ปลอดคน
"อิงก็แค่ไม่อยากให้ไคล์ทิ้งงาน หมดอนาคต ตอนนั้นอิงคิดแค่นี้เว้ย " เธอฟูมฟายพร้อมพูดเหตุผล มันน้ำเน่าแต่ทัชใจผมมากๆ อิงรู้ว่าผมตั้งใจกับงานที่จีนมากแค่ไหน แต่ผมไม่ได้ต้องการถ้ามันทำให้ผมพลาดโมเม้นสำคัญๆ ในชีวิตของลูกไป
"อิง นั่นเด็กทั้งคนนะ จะไม่ให้เขารู้จักไคล์เลยเหรอ ไคล์เป็นพ่อเขานะ คืนนั้นเราพลาดแต่ไคล์ก็พร้อมรับผิดชอบเว้ย ถ้าวันนั้นอิงบอกว่าท้องไคล์พร้อมทิ้งงาน จำไว้นะว่าไคล์พร้อมทิ้งงานแล้วเลือกลูกกับอิง"
"ฮึก อิงรู้ว่าไคล์ตั้งใจกับงานที่จีน "
"บ้านไคล์ก็รวยปะวะ หนีหายไปแบบนี้คิดเหรอว่าไคล์จะทำงานเป็นสุข" อิงเป็นเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวของผม ชีวิตอิงมีอะไรตั้งมากมายที่ทำให้ผมเป็นห่วงมาก ๆ เราเรียนมาด้วยกัน ช่วยเหลือกันทุกเรื่อง ไม่เว้นเรื่องเล็กน้อย อยู่ๆ อิงก็หายไปจากชีวิตคิดเหรอว่าผมจะมีสมาธิทำงาน เป็นอะไรก็ควรบอกกันบ้างไม่ใช่หายไปแบบนี้
"เป็นเพราะอิงใช่มั้ยที่ทำให้ไคล์เลิกทำงานที่่จีน"
"เออ"
"จริงเหรอ"
"เลิกเบะได้แล้ว หยุด ๆ เบื่อด้วยแหละอยากกลับมาช่วยป๊าม๊าทำงาน" ผมอยากคุยเรื่องต่อจากนี้มากกว่าว่าเราจะทำยังไงกันต่อ ไออุ่นคือสามขวบแล้ว เขาจะยอมให้ผมกอดมั้ย ผมอยากอุ้มลูกมากๆ อีกเรื่องเขาจะยอมเรียกผมว่าพ่อหรือเปล่าความผูกพันของเราไม่มีเลยแล้วเมื่อไหร่ผมจะเข้ากับลูกได้
"อิงเครียดมากเลยรู้มั้ย"
"เครียดเรื่องจะหนีไคล์ยังไงให้ได้ตลอดไปงั้นสิ"
"เอาจริงๆ นะ" อิงมองหน้าผมสายตาแน่วแน่นั่นกำลังพยายามจะบอกอะไรสักอย่างกับผม
"อิงกลัวไปหมดเลย กลัวไคล์โกรธแล้วใช้ข้อกฎหมายแย่งไออุ่นคืน"สีหน้ากังวลของอิงทำผมเชื่อสนิท ผมเชื่อว่าเธอรักไออุ่นมาก เธอกำลังทำหน้าที่แม่ แล้วเธอก็ทำมันออกมาได้ดีมาก
"ทำไมกลัวแบบนั้น"
"เพราะอิงเป็นคนผิด อิงตั้งใจปิดบังไคล์เรื่องลูก" ผมยกมือขึ้นลูบหัวของอิงเบา ๆ ทั้งเอ็นดูแล้วก็เห็นใจที่ผ่านมาอิงคงเหนื่อยมาก
"สัญญาว่าจะไม่ทำ ไออุ่นจะอยู่กับอิงต่อไป แต่ว่าไออุ่นจะต้องทำความรู้จักกับไคล์ด้วย โอเคมั้ย" อิงรีบพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผม จะทำให้เป็นเรื่องยากทำไมกัน อดีตก็คืออดีตเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มองวันนี้และวันต่อๆ ไปดีกว่า
"อิงต้องบอกพี่ตฤณก่อน"
"ใคร? "
"พี่ชายอิงเอง พี่ชายคนละแม่ที่อิงไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย" แบบนี้นี่เอง อย่างน้อยๆ ก็มีพี่ชายช่วยซัปพอร์ตดูแล ค่อยยังชั่วหน่อย
"พาไปเจอหน่อยได้มั้ย" อิงทำตาโตแล้วส่ายหน้ารัวๆ สีหน้ากังวลกลับมาอีกแล้ว พี่ชายต่างแม่ของอิงผมไม่เคยเห็นและทำความรู้จักมาก่อนเพราะอิงไม่เคยพูดถึงเลย
"กลัวอะไร เขาดุเหรอ"
"ไม่ดุ พี่ตฤณใจดีมาก"
"แล้วจะกลัวอะไร"
"แค่ยังไม่พร้อมน่ะ พี่ตฤณรักและเป็นห่วงเราสองคนมาก ดูแลเราดีมากๆ เลยล่ะ" ได้ยินแบบนี้ผมก็ใจชื้น อิงกับลูกไม่ได้ลำบากยังมีพี่ชายต่างแม่ที่คอยดูแล แต่ผมก็ยังอยากดูแลพวกเขาทุกช่วงเวลาอยู่ดี
"ก็ดีแล้วไง ยังไงไคล์ก็ต้องคุยกับพี่ชายอิง"
"เข้าใจ พรุ่งนี้พี่ตฤณคงมาถึงแต่เช้า อิงขอคุยกับพี่ตฤณก่อนนะ"
"ได้อยู่แล้ว ยังไม่ได้กินข้าวนี่ หิวมั้ย"
"หิว" อิงพยักหน้าตอบด้วยน้ำเสียงหมดแรง
"รอแป๊บนะ ให้พนักงานเอาไปอุ่นให้ใหม่"
"ไม่ต้องก็ได้"
"กินร้อน ๆ อร่อยกว่า"
พนักงานยกถาดอาหารมาเสิร์ฟ ผมสั่งอาหารกับเครื่องดื่มเพิ่มให้อิงด้วย กลัวไม่อิ่ม แล้วก็นั่งมองอิงเงียบ ๆ เธอไม่ได้สนใจผมแล้วตอนนี้ อาหารตรงหน้ามีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด ไม่นานอิงก็วางช้อนกับส้อมแล้วยกน้ำส้มคั้นสดขึ้นดื่ม
"อร่อยมั้ย"
"อร่อยมากแล้วก็อิ่มมากด้วย" ได้ยินแบบนี้ก็ทำผมยิ้ม อิงยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไออุ่นได้แม่ของเขามาเต็ม ๆ
"ก่อนจะทำความรู้จักกับลูก ช่วยเล่าเรื่องลูกให้ฟังหน่อยได้มั้ย" ผมอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับไออุ่น ทุก ๆ อย่างเลย นั่งฟังทั้งคืนยังได้ถ้าอิงโอเคที่จะนั่งเล่าให้ผมฟัง
"ได้สิ อยากฟังตั้งแต่ตอนไหนล่ะ เพิ่งหัดคว่ำ เริ่มคลานได้ หรือว่าหัดเดิน มีหลายช่วงเวลาเลย"
"ตั้งแต่อิงรู้ว่าตัวเองท้อง ตั้งแต่ตอนนั้นเลยได้มั้ย" อิงพยักหน้า ทำผมยิ้มและรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ
ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่ต้องแทนตัวเองว่าพ่อและเรียกเด็กหญิงตัวเล็กว่าลูก ช่วงเวลาที่ขาดหายต่อจากนี้ผมจะพยายามเข้าไปเติมเต็มและทำความคุ้นชินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ตอนห้าเดือนนะ จั๊กจี้ท้องมากเลย" ผมนั่งฟังเรื่องเล่าจากแม่ของไออุ่นแล้วยิ้มไม่หุบเลย
"แล้วยิ่งตอนใกล้คลอดนะ ทรมานอย่าบอกใคร นอนก็ลำบาก บางครั้งต้องนั่งหลับอะ" บางเรื่องก็ทำผมยิ้มไม่ออกแต่คนเป็นแม่หัวเราะซะงั้น ตอนนั้นคงทรมานน่าดูแหละ
"ตอนไออุ่นคลอดออกมานะ อิงมองหน้าลูกแล้วกลั้นขำ ลูกคือเบะปากคงอยากพูดแหละเอาหนูออกมาทำไม จะนอน" เราสองคนหัวเราะเสียงดังออกมาพร้อมกันเพราะมีรูปภาพประกอบจากมือถือของอิง
"ตอนนี้หน้าเหมือนไคล์ว่ามั้ย นี่ๆ ต้องดูตอนห้าเดือน ปากถอดไคล์มาเลย" แบบนี้สิที่ผมต้องการ มันสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
"แล้วนี่ หัดเดิน ป้าสุดใจเผลอแป๊บเดียวหนีออกจากคอกกั้น " ผมแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ได้แต่ยิ้มและตั้งใจฟังสิ่งที่แม่ของลูกตั้งใจเล่าให้ฟัง
"อ่ะ แล้วนี่อีก รู้มั้ยว่าไออุ่นชอบฟังเสียงไคล์ร้องเพลงด้วยนะ อิงบันทึกวิดีโอเอาไว้ทัน เขายืนนิ่งเลย" ผมนั่งมองภาพของลูกสาวที่กำลังยืนมองหน้าจอทีวีแล้วน้ำตาคลอ อยากจะบอกลูกเหลือเกินว่านั่นคือพ่อเอง
"ลูกบอกว่าชอบไคล์มากนะ"
"อิง"
"ฮึ"
"เรามาลองคบกันมั้ย"
-------------------