"ป้าสุดใจ ไออุ่นล่ะคะ ไออุ่นไปไหนคะ " ฉันรีบวางแก้วกาแฟลงแล้วหันไปย้ำถามหาไออุ่นจากป้าสุดใจอีกครั้ง สีหน้าของป้าดูไม่ดีเลย มือไม้ของฉันมันสั่นไปหมด ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
"คือป้า ป้าแค่หันไปหยิบของในกระเป๋า หันมาก็ไม่เห็นน้องแล้วค่ะ" ใจฉันกระตุกวูบเชื่อว่าสิ่งที่ป้าสุดใจพูดคือความจริง ท่านเองก็ทำท่าจะเป็นลมอยู่เหมือนกัน
"ป้านั่งพักก่อนนะคะ อิงจะไปประชาสัมพันธ์ อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นลม"
"ได้ค่ะๆ คุณอิงป้าขอโทษนะคะ น้องเพิ่งหายไปเมื่อกี้ค่ะ" น้ำเสียงสั่นเครือนั่นทำให้ฉันแอบน้ำตาคลอไปด้วย ห่วงทั้งป้าสุดใจและลูกสาวเพียงคนเดียว
"ไม่เป็นไรค่ะ ไออุ่นคงซนตามประสา เดี๋ยวอิงกลับมานะคะ ป้ารออยู่ตรงนี้นะคะเผื่อไออุ่นกลับมา"
"ได้ค่ะๆ "
ฉันรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบิน โดยไม่ลืมจะหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาพี่ตฤณ พอพี่ตฤณรู้เรื่องก็ร้อนใจไม่ต่างจากฉัน
"ใจเย็นๆ แล้วตอนนี้กำลังจะไปไหน"
"ประชาสัมพันธ์ค่ะ ถ้าวิ่งหากันคงไม่เจอ พี่ตฤณน้องกลัว ฮึก" ฉันกลัวตามหาลูกไม่เจอ กลัวไปหมด สนามบินทั้งใหญ่และกว้างขนาดนี้วิ่งตามหาวันก็คงไม่เจอ ไออุ่นหายไปไหน? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉันซ้ำ ๆ ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาสนามบินคือมาส่งไคล์ หลังจากนั้นฉันก็ย้ายไปอยู่ไร่พี่ตฤณไม่เคยออกไปไหนอีกเลย
ฉันเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง แต่ก็ยังพอจำได้ว่าประชาสัมพันธ์ของสนามบินอยู่ตรงไหน
"ไม่ต้องกลัวนะ ใจเย็น ๆ "
"อิงถึงประชาสัมพันธ์แล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่ตฤณ"
"เสร็จแล้วโทรกลับมาหาพี่ด้วย พี่จองตั๋วแล้ว พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ" ฉันพยักหน้าและตอบรับคำสั่งของพี่ชาย
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะคุณผู้หญิง ไหวมั้ยคะ แตงมียาดมมั้ย" ทุกคนวิ่งกันให้วุ่นเข้ามาประคองฉันที่กำลังจะหมดแรงล้มลงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ฉันพยายามหายใจเข้ายาว ๆ สูดออกซิเจนและกลิ่นยาดมเข้าปอดให้ได้มากที่สุด
"โอเคค่ะ ฉันโอเคขึ้นแล้ว ช่วยใช้เสียงประกาศตามหาเด็กให้หน่อยได้มั้ยคะ ลูกฉันหายไปค่ะ"
"ได้ค่ะๆ "
"น้องชื่อ ไออุ่นค่ะ เด็กหญิงไออุ่น อักษรศิลากุล อายุ 3 ขวบ ใส่ชุดกระโปรงสีฟ้า น้องมัดผมแกะสองข้างค่ะ ช่วยประกาศให้หน่อยนะคะ" ฉันพยายามบอกข้อมูลของไออุ่นอย่างละเอียดเท่าที่สมองจะประมวลผลได้ในตอนนี้ให้กับพี่พนักงาน
"ได้ค่ะๆ สักครู่นะคะ แตงพี่ฝากด้วยนะ อย่าเพิ่งลุกนะคะคุณ" อาการของฉันน่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้วนะ
"หน้าคุณเหลืองมากเลยค่ะ" ขนาดนั้นเชียว! ภาวนาขออย่าให้ตัวเองเป็นอะไรไปตอนนี้ ไออุ่นคงกำลังขวัญเสีย ลูกกำลังต้องการฉัน อาการของฉันแย่ขนาดนี้แล้วป้าสุดใจจะเป็นยังไงบ้าง ออกจากบ้านยังไม่ถึงวันก็เกิดปัญหาซะแล้ว
ประชาสัมพันธ์ใช้เสียงประกาศชื่อ ข้อมูลที่ฉันให้ไปประมาณสามรอบอีกทั้งยังแจ้งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินช่วยกันตามหาอีกแรง ฉันไม่โทษป้าสุดใจ ไม่โทษลูกที่ชอบวิ่งซน ไม่โทษใครทั้งนั้นในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขและตามหาไออุ่น
ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีวี่แวว แต่ว่าอยู่ ๆ ก็มีสายจากเบอร์ปริศนาเข้ามาในเครื่องของฉัน
"ฮัลโหลค่ะ"
"แม่อิงขา ไออุ่นเองนะคะ แม่อิงอยู่ไหนคะ" ฉันหลับตาแล้วถอนหายใจ พยายามกลั้นเสียงสะอื้นแล้วรีบให้คำตอบลูกสาวในสายทันที
"แม่อยู่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ค่ะ อุ่นอยู่ไหนลูก ปลอดภัยใช่มั้ยคะ" ในความโชคร้ายก็ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ฉันทำป้ายคอนแท็กคล้องคอให้ไออุ่น มีเบอร์โทรและชื่อที่อยู่ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
"ปลอดภัยค่ะ อุ่นขอโทษนะคะ แม่อิงอย่าร้องไห้นะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย ไออุ่นกลับมาหาแม่นะคะ แม่ขอคุยกับเจ้าของโทรศัพท์ได้มั้ยคะ"
"ได้ค่ะ" ฉันอยากขอบคุณ คุณพลดีมากจริง ๆ ถ้าไม่ได้เขาป่านนี้ฉันคงเป็นลมอีกรอบ
"สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ"
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
สายถูกตัดไปหรือว่าเขาตั้งใจวางสาย สรุปเขาคือพลเมืองดีหรือว่าคนร้ายความกังวลใจเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
สายเข้า
-พี่ตฤณ-
"ขอโทษค่ะพี่ตฤณ พอดีว่าอิงหน้ามืดไปซะก่อน" ฉันรีบรับสายพี่ชายพร้อมบอกเหตุผล
"เป็นยังไงบ้าง"
"มีพลเมืองดีเจอตัวไออุ่นแล้วค่ะ" ฉันรีบรายงานเรื่องไออุ่นทันที พี่ตฤณโทรมาเพราะเรื่องนี้ฉันรู้
"แล้วเราล่ะ เป็นยังไงบ้าง จะให้พี่ขับรถไปหาตอนนี้เลยมั้ย โอเคหรือเปล่า"
"อิงยังโอเคค่ะ แต่ป้าสุดใจตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง"
"พี่โทรไปหามาแล้วเมื่อกี้ ป้าแกโอเค นั่งรออยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน " ได้ยินแบบนั้นฉันก็วางใจ ตอนนี้แค่รอ รอให้พลเมืองดีคนนั้นพาไออุ่นมาส่ง
"อิงค่อยสบายใจหน่อยค่ะ"
"เจอไออุ่นแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะ ไลน์มาก็ได้ อย่าลืม ดูแลตัวเองด้วยนะพี่เป็นห่วง" น้ำเสียงของพี่ตฤณฟังดูรีบ ๆ งานที่ไร่คงเยอะ ปกติก็เยอะทุกวันอยู่แล้ว
" ค่ะพี่ตฤณ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อิงจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด" ถึงเวลาที่ฉันต้องเข้มแข็ง เมื่อก่อนและตอนนี้พี่ตฤณก็ยังเป็นทุกอย่างให้กับฉันและไออุ่น พออยู่ห่างกันแล้วเกิดปัญหารู้สึกเคว้งยังไงก็ไม่รู้
"คุณผู้หญิงมี รปภ. แจ้งว่าพบน้องผู้หญิงตามข้อมูลที่คุณผู้หญิงให้มาค่ะ"
"อ่อ ค่ะ เมื่อกี้มีสายจากพลเมืองดีโทรเข้ามาเหมือนกันค่ะ"
"แม่อิง" ฉันรีบหันไปตามเสียงเรียกทันที เด็กผู้หญิงชุดกระโปรงสีฟ้าวิ่งเข้ามากอดฉันเต็มแรง อาการหน้ามืดเวียนหัวที่มีอยู่เมื่อสักครู่หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้กลิ่นและได้กอดลูกสาวสุดที่รัก
"ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะคนดี หายไปไหนมาคะแม่เป็นห่วงแทบแย่"
"อุ่นปวดฉี่ค่ะ " ฉันกอดลูกสาวแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอีก
"ทีหลังต้องรอนะคะ ห้ามหายไปเองแบบนี้รู้มั้ย" ฉันดันไออุ่นออกจากอก ปาดน้ำตาที่กำลังไหลของตัวเองออกอย่างลวก ๆ
"ขอโทษนะคะ" ฉันไม่เคยโกรธเขาเลย น้ำเสียงไร้เดียงสานั่นเยียวยาจิตใจฉันได้ดีมากๆ เลยล่ะ
"ใครที่พามาส่ง คนไหนเอ่ย บอกแม่ได้มั้ยคะแม่จะได้ขอบคุณ"
"คุณลุงคนนั้นค่ะ" ไออุ่นชี้ไปที่ผู้ชายร่างสูง เขาใส่หมวกสีดำ ปิดแมสเห็นแต่ดวงตา แต่งกายพรางตัวเหมือนพวกดาราเกาหลีหนีออกนอกประเทศทำนองนั้น
"ขอบคุณนะคะที่พาไออุ่นมาส่ง ขอบคุณมากๆ ค่ะ" เขามองฉันนิ่ง ภายใต้แมสสีดำนั่นฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังยิ้ม หรือเม้มปากเป็นเส้นตรง
"คุณลุงใจดีบอกว่าจะพาอุ่นไปกินไอติม"
"เธอร้องไห้นี่" น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ได้โปรดสนใจคำขอบคุณของฉันก่อนได้มั้ย
"อุ่นหาแม่กับป้าสุดใจไม่เจอนี่คะ" ไออุ่นก้มหน้าทำท่าจะร้องไห้ฉันก็เลยดึงลูกมากอดปลอบอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรนะคะ แม่อยู่นี่แล้วนะ"
"มีลูกแล้วทำไมต้องหนีกันด้วย" เสียงผู้ชายคนนั้นทำให้ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง คุณพลเมืองดีดึงแมสที่ใส่ออก ภายใต้แมสที่ใส่ริมฝีปากของเขากำลังเหยียดเป็นเส้นตรง บ่งบอกถึงความไม่พอใจเอามาก ๆ
"คุณไคล์ " ตามมาด้วยเสียงกระซิบของพนักงานประชาสัมพันธ์แถวนั้น
"ไคล์"
" มีเรื่องต้องคุยกันนะอิง" ฉันมองหน้าเขาสลับกับไออุ่น ลูกไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอีกอย่างไคล์ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ฉันที่เป็นกุญแจสำคัญจะหลุดความลับออกมาไม่ได้เด็ดขาด
"เรื่องอะไร ก็เห็นแล้วนี่ว่ามีลูกแล้ว"
"ทำไมต้องหนี ทำไมไม่ติดต่อมา ทำไมหายไปแบบนั้น ทำไมวะ"
"ไคล์ ต่อหน้าลูกอิงพูดแบบนี้ไม่ได้นะ" ไออุ่นขยับเข้ามากอดฉันทันที
"ขอโทษที ขอคุยด้วยได้มั้ย ร้านไอติมก็ได้" ถ้าฉันหนี ไคล์จะสงสัยมากกว่านี้ ไหนๆ ก็หนีไม่พ้นแล้ว
"ขอเข้าโรงแรมเช็กอินก่อนนะ ไออุ่นคงอยากพัก อิงมีพี่เลี้ยงลูกมาด้วยแกก็คงอยากพักด้วย"
"ได้สิ เดี๋ยวโทรหา " พอพูดจบไคล์ก็รีบเดินหายไปทันที ซุปตาร์อ่ะเนอะ อยู่นานได้ที่ไหน
--------