“คุณจอดรถทำไม”
เสียงหวานหวาดหวั่นเห็นได้ชัด เขาจอดรถตรงปากซอยทั้งๆ ที่แค่เลี้ยวเข้าไปก็ถึงที่หมายแล้ว ทำแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
แดนนี่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาปลดสายนิรภัยออกจากตัวแล้วโน้มร่างเข้าหามอบจุมพิตร้อนแรงบดขยี้กลีบปากนุ่มอย่างรวดเร็ว นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง สติหลุดลอยไปชั่วขณะ
“อื้อ! อื้อ!”
พอได้สติกลับคืนก็ระดมกำปั้นทุบหน้าอกเขาไม่ยั้ง จิกข่วนลำคอแกร่งหวังให้เขาปล่อยหากไร้ประโยชน์ แดนนี่กำลังหลงใหลรสชาติหอมหวานที่ได้สัมผัส เขาใช้ความชำนาญเลาะเล็มเรียวปากล่างจนเธอต้องยอมเผยอเส้นทางให้ลิ้นร้ายเข้าไปดื่มชิมน้ำผึ้งละมุนภายใน เขาร้ายกาจกว่าที่คิด เพียงระยะเวลาไม่ถึงนาทีก็ทำให้สาวน้อยจอมพยศอ่อนระทวยหอบหายใจหนักหน่วง พรรณนิการ์มึนงงไปกับรสชาติหวานปนดุ สมองน้อยๆ ขาวโพลนแทบไร้ความคิดใดๆ มาเกาะกวน โสตประสาทรับรู้เพียงแต่เสียงดูดกลืนของเรียวปากหยักที่ตะโบมจูบซ้ำๆ จนหนำใจ
แดนนี่ค่อยๆ ถอนจูบออกแต่ฝ่ามือยังคงประคองกรอบหน้าเล็กเอาไว้ สายตาพิฆาตจดจ้องพานให้แก้มนวลแดงระเรื่อ ต่อมสัญชาตญาณของสตรียามใกล้ชิดบุรุษเพศส่งความร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
ไม่อยากชอบ ไม่อยากหวั่นไหว แต่หัวใจดวงนี้กลับเต้นแรงไม่หยุด
“ฉันจูบเธอไม่ใช่เพราะหึงหวง แต่ฉันจูบเพราะโกรธที่เธอคิดว่าฉันพาเธอไปให้เพื่อนดูถูก ฉันไม่เคยคิดดูถูกเธอเลยสักครั้ง จำไว้!”
เขาโกรธจริงดั่งปากว่า แววตาของเขามันบอกเช่นนั้น
จุดประสงค์ที่เขาพาเธอไปด้วยคือต้องการอวดให้เพื่อนฝูงได้เห็นว่าดอกไม้ที่เขาหมายปองงดงามและหอมหวานเพียงใด แต่ไม่คิดว่าความสวยสะพรั่งของร่างบางจะทำให้เพื่อนของเขากล้าทำท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ยใส่ทั้งๆ ที่มีเขาขนาบข้างไม่ห่าง หลังจากนี้คงต้องมีการคิดบัญชีเรียงตัว
โทษฐานที่บังอาจยุ่งกับผู้หญิงของเขา!
“คุณ…” พรรณนิการ์พูดไม่ออก สมองรวนไปหมดแล้วตอนนี้
“แล้วจำไว้ อย่าดูถูกตัวเองว่าเป็นแค่หลานคนใช้ให้ฉันได้ยินอีก ป้านวลเองฉันก็นับถือ เธอเป็นหลานป้านวลดังนั้นเธอมีความสำคัญกับคนในบ้านหลังนี้ไม่แพ้ป้านวล เข้าใจไหม?”
เขาชี้หน้ากำชับเสียงเข้ม พรรณนิการ์นั่งอึ้ง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินประโยคเหล่านี้ออกจากปากของเขา
“ถามว่าเข้าใจไหม นิ่งแบบนี้เอาอีกสักทีไหมหะ?!” กัดฟันพูดอย่างมันเขี้ยวแล้วแกล้งก้มหน้าทำท่าจะจูบอีก
“รู้แล้วค่ะ รู้แล้ว!”
สาวเจ้ารีบตอบพลางเบือนหน้าหนีหลับตาปี๋ หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มือเท้าเย็นเฉียบราวกับยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นบนขั้วโลกเหนือ แดนนี่ยกยิ้มพอใจกับอาการกลัวตัวสั่นเหมือนลูกแมวน้อย ไม่บ่อยนักที่เขาจะข่มขวัญหล่อนได้ สีหน้าแววตาตื่นตระหนกดูน่ารักน่ามองไปอีกแบบ
ผู้หญิงอะไร สวยไร้ที่ติจริงๆ
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะเดี๋ยวฉันลงเดินไปเอง”
พรรณนิการ์ไม่กล้าสบตาเพราะอายจนทำตัวไม่ถูก คำขอนั้นถูกมองข้ามราวกับสายลมพัดผ่านหู แดนนี่ขับรถเข้าจอดเทียบหน้าคฤหาสน์จากนั้นก็ลงเดินไปเปิดประตูให้ร่างบางเสร็จสรรพ
“คุณไม่น่าทำแบบนี้” ดวงตากลมโตกวาดมองเหล่าคนงานอย่างระมัดระวัง พรรณนิการ์ไม่ต้องการให้ใครมองว่าเธอหวังสบายทางลัดคิดจับเขาทางอ้อม ทุกวันนี้ก็พากันพูดเสียๆ หายๆ มากเกินพอแล้ว
“ทำอะไร จูบเธอน่ะหรือ” เขารู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไรแต่จงใจแกล้งย้ำเตือนให้คนตัวเล็กได้อาย สองแก้มนวลขับเลือดฝาด แววตาสั่นระริกและหวนนึกถึงเหตุการณ์หวาบหวามเมื่อครู่
“คนบ้า!”
ร่างบางกระแทกเสียงฮึดฮัดก่อนรีบเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังตึกเล็ก อาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงโดยที่ทำอะไรเขาไม่ได้นานทีจะมีให้เห็น ชายหนุ่มยืนมองจนกระทั่งหญิงสาวลับสายตาจึงเดินเข้าบ้าน ชำเลืองเห็นสาวใช้นำของว่างไปเสิร์ฟที่ห้องรับแขก น่ากลัวจะเป็นเพื่อนพ้องของคุณแม่ แดนนี่รีบวิ่งขึ้นห้องอย่างไว กลัวว่าถ้ามารดาเห็นเขากลับมาจะเรียกให้เข้าไปร่วมวงสนทนา เขาไม่อยากไปนั่งปั้นหน้ายิ้มทั้งๆ ที่ใจไม่ยินดี
เจ้าของห้องทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้างพลางหลับตาพริ้มนึกถึงรสจูบแสนหวานที่เขาช่วงชิงมาจากหญิงสาว กลีบปากอวบอิ่มของหล่อนช่างนุ่มนวลดุจครีมเค้ก ทำให้เขาซาบซ่านยามประทับรอยจูบ แดนนี่ยกมือแตะริมฝีปากของตัวเองลูบไล้ไปมา เพ้อพกถึงร่างแน่งน้อยที่เขินอายยามถูกเขาต้อนเข้าสู่วังวนเสน่หา
“พรรณนิการ์… เธอหวานสมชื่อจริงๆ”
แค่จูบยังทำให้ผู้ชายร้อนรักอย่างเขาหลงใหลได้ถึงเพียงนี้ ชักอยากรู้เสียแล้วสิว่าเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมกรุ่นจะหวานอบอวลชวนชื่นใจสักเพียงใด พรรณนิการ์งดงามขึ้นทุกวัน ถือเป็นสตรีในฝันของบุรุษทุกคน น่ารักน่า
ทะนุถนอม อีกทั้งน้ำเสียงยังหวานไพเราะชวนฝัน ถึงแม้เวลาพูดกับเขาจะชอบกระแทกแดกดันก็เถอะ หากตั้งใจฟังดีๆ จะรู้ว่าเนื้อเสียงที่เปล่งออกมานั้นใสกังวานเพียงใด ผู้หญิงอย่างพรรณนิการ์หากตกลงปลงใจกับชายใดสักคน บุคคลผู้นั้นก็เปรียบเสมือนได้เพชรล้ำค่าไปครอบครอง
แต่อย่าหวังว่าชายอื่นจะได้แตะต้องเนื้อนวล เพราะเจ้าของร่างบางที่แท้จริงคือเขาคนเดียวเท่านั้น คนอื่นน่ะหรือ…
ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด!