“กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ คงเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายสินะ”
เสียงเข้มดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงสง่าจะปรากฏตัวท่ามกลางความมืดสลัวตรงพุ่มไม้ ดวงตาคมกริบกวาดมองร่างบางระหงในชุดนิสิตเรียบร้อยสะอาดตา เรือนผมสีดำขลับถูกมัดเป็นมวยเกล้าขึ้นกลางศีรษะ ประดับปิ่นหยกอันเป็นสมบัติของรักของหวงของมารดาที่ติดกายมาตั้งแต่เกิด อวดใบหน้ารูปไข่งดงามที่มาพร้อมดวงตากลมโตดุจพระอาทิตย์ยามเช้า ริมฝีปากอวบอิ่มแต่งแต้มสีชมพูระเรื่อพอมีสีสันสดใส พวงแก้มนวลสุกปลั่งน่าสัมผัส ผิวกายขาวเนียนละเอียดคล้ายปุยเมฆบนสรวงสวรรค์
หล่อนงามเหลือเกิน ชายหนุ่มเพ่งมองอย่างชื่นชม
“ใครมาส่งอีกล่ะคืนนี้” กระตุกยิ้มเยาะหยัน คนฟังรวดร้าวความรู้สึกแต่ด้วยนิสัยไม่ยอมใครจึงเชิดหน้าตอบอย่างถือดี
“ไม่ซ้ำคืนก่อนๆ แน่นอนค่ะ อย่าห่วงเลย”
“ปากดีนักนะ!”
แดนนี่ กัดฟันกรอดยามได้ยินถ้อยคำประชดประชัน เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวนักศึกษาวัยใสแล้วรวบเอวบางรั้งคนปากเก่งเข้าหาตัว
“คุณจะทำอะไร นี่! อย่าทำบ้าๆ นะ”
พรรณนิการ์ รีบยกมือดันแผงอกกำยำเอาไว้แล้วร้องถามเสียงหลง ดวงตากลมโตเลิ่กลั่กมองซ้ายขวาเพราะเกรงว่าจะมีใครมาเห็นการกระทำไม่สมควรที่เขาเป็นผู้ก่อ แดนนี่หัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ได้แกล้งข่มขวัญกวางน้อยแสนพยศมันช่างสะใจยิ่งนัก เขาไม่ยอมปล่อยร่างบางหลุดมือซ้ำยังกอดรัดแน่นจนใบหน้าเนียนอยู่ใกล้ปลายจมูกโด่ง กลิ่นหอมธรรมชาติปลุกกระตุ้นความดิบเถื่อนในกาย เลือดบุรุษร้อนรุ่มแล่นพล่าน เขาต้องกัดฟันข่มความปรารถนาอันซ่อนเร้น
ยิ่งโตก็ยิ่งสวย น่าจับกินทั้งเนื้อทั้งตัวนักเชียว
“ฉันไม่คิดเลยนะว่าเด็กที่ฉันเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นมาจะทำตัวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายไม่เลือกหน้าแบบนี้”
“คนหยาบคาย จะพูดจะจาอะไรกรุณาให้เกียรติกันบ้าง ถึงฉันจะเป็นแค่หลานคนใช้ในบ้านของคุณ แต่ป้านวลก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่นมที่เลี้ยงดูคุณมาตั้งแต่เกิด จะล่วงเกินอะไรฉันก็ช่วยนึกถึงหน้าคนที่ป้อนข้าวป้อนน้ำคุณด้วย!”
แดนนี่ยกยิ้มมุมปากพึงพอใจวาจาต่อว่าต่อขานของหล่อน ชายหนุ่มไหวไหล่นิดๆ ก่อนยอมปล่อยเหยื่อแสนหวานออกจากอ้อมแขน
“กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นดีดดิ้น ทีกลับบ้านกับผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ ไม่เห็นทำท่าทีหวงเนื้อหวงตัวแบบนี้เลย สองมาตรฐานเกินไปเลยหรือเปล่าแม่นักศึกษา” เขากอดอกแล้วแสร้งพูดยั่วเย้า
“คนเราทุกคนมีมาตรฐานจำแนกแยกไว้ใช้กับบุคคลนั้นๆ ใครดีมาฉันดีตอบ” ถึงเกรงกลัวแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้เขาคุกคามรังแกโดยไม่คิดตอบโต้ เธอไม่ใช่นางเอกละครหลังข่าวที่จะยิ้มรับทุกคำดูถูก
“งั้นเหรอ” แดนนี่พยักหน้า แววตาซ่อนเล่ห์ร้ายที่สาวเจ้าไม่ทันสังเกตเห็นเปล่งประกาย “แปลว่าถ้าฉันทำดีกับเธอ เธอก็จะพูดจาดีๆ ด้วยใช่ไหม”
“ไม่ทราบสิคะ คุณไม่เคยทำดีกับฉันสักครั้ง คงยากถ้าจะต้องตอบคำถามนี้” พรรณนิการ์แสยะยิ้ม นัยน์ตาหวานปานน้ำผึ้งคล้ายหลอกล่อแมลงร้ายให้ติดกับ ท่าทีที่หล่อนแสดงมันคือความท้าทายที่ผู้ชายอย่างเขาหมายจะช่วงชิงมาไว้ในกำมือ ยิ่งต่อต้านยิ่งน่าค้นหา ทั้งชีวิตมีแต่สตรีรายล้อม เพียงกระดิกนิ้วพวกหล่อนเหล่านั้นก็พร้อมก้าวขึ้นเตียงทำตามที่ใจปรารถนาโดยไม่มีข้อแม้
เงินมาผ้าหลุด คำๆ นี้ยังใช้ได้ดีในยุคปัจจุบัน
แต่หาใช่กับคนตรงหน้าไม่ พรรณนิการ์คือกรณียกเว้น นอกจากหล่อนจะไม่แยแสต่ออำนาจเงินของเขาแล้วนั้น หล่อนยังเมินเฉยและมองด้วยหางตาราวกับเขาเป็นเพียงผู้ชายตัณหากลับที่แวะเวียนหาเรื่องแต๊ะอั๋งเด็กสาววัยแรกแย้ม ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ก็พานหงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ”
หมุนตัวหันหลังเตรียมเดินไปยังเส้นทางที่จะนำพาไปสู่เรือนหลังเล็กอันเป็นที่พักอาศัย ทว่าเสียงเข้มๆ เป็นเหตุให้สองเท้าบางหยุดชะงัก
“เดี๋ยว!” แดนนี่สืบเท้าเข้าไปใกล้ โน้มตัวกระซิบชิดใบหูเล็ก
“อย่าให้ฉันเห็นว่ามีผู้ชายมาส่งดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้อีก”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉัน” พรรณนิการ์หันกลับมาจ้องหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ
“ตอนนี้อาจยังไม่มี แต่วันข้างหน้า…” เขาไม่พูดต่อ หากแต่ใช้สายตาโลมเลียหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เรียวปากอิ่มเม้มแน่น ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นลูกชายของผู้มีพระคุณต่อเธอและป้าล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้ลอยหน้าลอยตาใส่เธออยู่แบบนี้
“เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันบอกถ้าไม่อยากเจอดี”
พรรณนิการ์มองตามเรือนร่างกำยำเดินหายเข้าไปในตึกใหญ่ เกลียดนักพวกชอบวางอำนาจ สองสามปีมานี้เขาตามติดชีวิตเธอเป็นเงา อยู่ที่ไหนทำอะไรเขารู้หมด แล้วก็ดักเจอเพื่อแสดงกิริยาหาเรื่องไม่เว้นวัน คอยพ่นคำพูดให้ร้ายดูแคลนตามประสาผู้ชายปากเสีย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ
“สักวันฉันจะไปจากบ้านหลังนี้ เราสองคนจะได้ไม่ต้องพบเจอกันอีก!”
เป็นเวลากว่าเที่ยงคืนที่ร่างบางกลับถึงบ้าน… ป่านนี้ป้านวลคงเข้าห้องนอนหลับไปนานแล้ว พรรณนิการ์พยายามทำให้การมาเยือนของตนเป็นไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ หญิงสาวจัดการชำระล้างร่างกายเตรียมตัวเข้านอน พรุ่งนี้มีสอบวิชาสุดท้ายก่อนปิดเทอมเล็ก เธอศึกษาอยู่ชั้นปีที่สี่ คณะบริหารธุรกิจ อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว อนาคตที่วาดฝันอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม
เรียนจบเมื่อไรเธอจะหางานทำและพาป้านวลย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ไม่อยากทนอยู่ให้คุณชายประจำบ้านคอยพูดจาดูแคลนเหยียดหยาม ถึงคุณผู้หญิงกับคุณท่านจะดีต่อเธอและป้านวลมากเพียงใด สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเข้าข้างลูกชายตัวเองอยู่ดี เกิดวันหนึ่งเธอทนนิสัยแย่ๆ ของแดนนี่ไม่ไหวแล้วมีปากเสียงกันขึ้นมา คนที่จะถูกต่อว่าไม่ใช่เขาแต่เป็นเธอ
พรรณนิการ์ปิดสมุดจดบันทึกเก็บใส่ไว้ใต้ลิ้นชักตามเดิม ร่างบางก้าวขึ้นเตียงเพราะทนอาการง่วงซึมไม่ไหว เปลือกตาคู่งามปิดปรือ สมองปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ ทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่นานคนที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันก็ก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราแสนหวานท่ามกลางความหนาวเย็นของเครื่องปรับอากาศชั้นดี