“มาแล้วค่ะ” เสียงหวานดังมาก่อนตัว พรรณนิการ์ในชุดเดรสลูกไม้สีขาวสวยน่ารักสะดุดตา
“หลานสาวของป้าวันนี้นึกครึ้มอะไรถึงลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตัวล่ะหืม” ป้านวลแปลกใจที่เห็นหลานรักลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวผิดแปลกไปจากทุกวัน
“หรือว่าเป็นเพราะคุณธาม” คนสูงวัยมองหน้าอย่างรู้ทัน พรรณนิการ์อายแก้มแดง เบือนหน้าหนีสายตาจับผิดของป้า
“หวานเอ๋ย ป้ารู้นะว่าเราคิดยังไงกับคุณธาม แต่ป้าขอพูดตรงๆ นะลูก เรากับเขา…”
“หวานรู้จ้ะป้า หวานไม่เคยคิดอยากครอบครองเขา สถานะของเราสองคนมันต่างกันเกินไป หวานรู้ว่าหวานไม่คู่ควร”
ดวงตาสดใสพลันหม่นหมอง ป้านวลสงสารหลานสาวจับใจ
“แต่หวานขออยู่ตรงนี้ อยู่ในมุมมืดต่อไปได้ไหมป้า” เสียงหวานร้องขอพลางสวมกอดป้าอันเป็นที่รัก
“ดีแล้วที่เรารู้จักตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหวานยังมีป้าอยู่ข้างๆ เสมอนะลูก” อ้อมกอดจากคนในครอบครัวคือยาวิเศษที่เยียวยาหัวใจอันบอบช้ำที่ดีที่สุด
“ตายๆ แต่งหน้าแต่งตัวซะสวยพริ้งแล้วจะร้องไห้ทำไม หยุดร้องเถอะลูก เดี๋ยวเครื่องสำอางค์ก็เลอะเทอะกันพอดี”
สองมือเหี่ยวย่นบรรจงเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มนุ่ม
“ป่านนี้คุณๆ บนตึกใหญ่คงรอทานข้าวกันแย่แล้ว เรารีบไปดูแลพวกท่านดีกว่าจ้ะ” พรรณนิการ์รีบเปลี่ยนเรื่อง วันนี้เป็นวันดี เป็นวันที่เธอจะได้พบกับเขาในรอบหนึ่งปี เธออยากให้ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความสุข
“ไปลูกไป” สองป้าหลานเดินประคองกันขึ้นตึกใหญ่เพื่อไปทำหน้าที่ดูแลเจ้านายสำหรับอาหารมื้อค่ำแสนวิเศษ
บรรยกาศภายในครอบครัวช่างอึมครึมไม่สนุกสนานอย่างที่คิด ประมุขของบ้านนั่งประจำที่หัวโต๊ะเหมือนทุกวัน อายุที่มากขึ้นตามวัยไม่ได้ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มลดทอนความน่ามองลงแต่อย่างใด
แดเนียล นั่งหลังตรงกวาดสายตามองเหล่าสมาชิกครอบครัว หัวคิ้วกระตุกนิดๆ หลังไม่เห็นบุตรชายคนเล็ก
“แดนไปไหน?” สุรเสียงเข้มขรึมเอ่ยถามภรรยา
“สงสัยคงติดงานค่ะคุณ” คุณกรองแก้วพยายามตอบด้วยท่าทีนิ่งๆ ไม่แสดงพิรุธให้สามีรู้ว่าเธอกังวลเพียงใด
“คุณไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้ธามกลับบ้าน” คุณแดเนียลเริ่มเคือง คุณกรองแก้วปั้นหน้าไม่ถูก
“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ แดนคงติดงานด่วนมาไม่ได้จริงๆ”
ธนาธร หรือ ธาม ออกตัวช่วยคุณกรองแก้วที่ส่งสายตามาทางเขา ถึงเป็นแค่ลูกเลี้ยงแต่เขาก็รักและให้ความเคารพยำเกรงท่านดุจมารดาผู้ให้กำเนิด
“งานอะไรจะมาสำคัญไปกว่าคนในครอบครัว”
คุณแดเนียลหัวเสียกัดฟันกรอด ไม่เชื่อว่าลูกชายจอมหัวรั้นจะติดงานจริงอย่างที่ใครๆ พยายามช่วยพูด
“เอาไว้น้องว่างเราค่อยนัดทานข้าวกันใหม่ก็ได้ครับ”
ธนาธรกล่าวเสียงสุภาพพร้อมรอยยิ้ม พรรณนิการ์ยืนมองเขาด้วยความชื่นชม โครงหน้าคมสันผสมผสานความเป็นไทยและความเป็นผู้ดีแบบชาวอังกฤษได้อย่างลงตัวทุกกระเบียดนิ้ว รอยยิ้มอ่อนโยนของเขาคล้ายมีมนต์สะกดหลอกล่อให้ลูกกวางน้อยอย่างเธอหลงใหล
ชายหนุ่มรับรู้ถึงปฏิกิริยาบางอย่าง เขาเหลือบหางตาชำเลืองมองร่างแน่งน้อยในชุดลูกไม้สีขาวน่ารัก หัวใจเต้นรัวดุจกองเพล
ชุดนั้น… เป็นชุดที่เขามอบให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้วก่อนบินไปอเมริกา
‘ถ้าพี่กลับมา หวานต้องใส่ชุดนี้รอต้อนรับพี่นะคะ’
แล้วเธอก็สวมใส่มันเพื่อรอต้อนรับเขากลับบ้านจริงๆ ธนาธรปลาบปลื้มที่เห็นพรรณนิการ์ให้ความสำคัญต่อเขามากถึงเพียงนี้
อาหารมื้อค่ำผ่านพ้นไปด้วยดี สองพ่อลูกที่ไม่ได้พบหน้าคร่าตากันร่วมปีต่างพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ธนาธรรายงานถึงความคืบหน้าของธุรกิจครอบครัวที่บิดามอบความไว้วางใจให้อยู่ในกำมือของเขา ซึ่ง
ชายหนุ่มก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นำพาองค์กรก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของทวีปเอเชียและเป็นที่สามของโลกได้อย่างภาคภูมิ
ร่างบางยืนรอเขาอยู่ที่สวนน้ำพุหลังตึกใหญ่ เธอมั่นใจว่าเขาต้องมา ณ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ของเขาและเธอ เป็นความทรงจำอันสวยงามตั้งแต่เล็กจนโต
“หวาน” เสียงนุ่มทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ดึงความสนใจจากร่างบางที่กำลังทอดมองดอกกุหลาบให้หันมาสบตาผู้มาเยือน เรียวปากอิ่มคลี่รอยยิ้มส่งมอบให้เขา ดวงตากลมโตเปล่งประกายความสดใส คงความบริสุทธิ์เอาไว้เสมือนวันแรกที่พบเห็น
“มานานหรือยัง” เขายืนทิ้งระยะห่างเล็กน้อย การกลับมาเจอกันในรอบหนึ่งปีทำให้รู้สึกประหม่า
“สักพักแล้วค่ะ” ตอบในท่าทีเอียงอาย หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ พยายามควบคุมจังหวะการหายใจไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้
“หวานโตขึ้นมากเลยนะ” ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงปีเดียวหล่อนจะเติบโตและสวยงามถึงเพียงนี้ เห็นครั้งแรกทำเอาเขาอึ้งจนแทบก้าวขาไม่ออก ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็ก รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม ผิวพรรณขาวผ่องเป็นยองใย เรียกได้ว่าสวยไร้ที่ติทุกมุมมองจริงๆ
“แล้วก็สวยมากด้วย” เขาหยอดคำหวานให้สาวเจ้าได้อาย พรรณนิการ์แก้มร้อนผ่าว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะถูกเขาชมซึ่งๆ หน้า
“ขอบคุณค่ะ” ร่างบางช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวโตพลางอมยิ้ม
การที่คนสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งท่ามกลางความทรงจำเก่าๆ ยิ่งสร้างความอิ่มเอมต่อหัวใจ พรรณนิการ์เผลอมองเสี้ยวหน้าคมคายของคนที่ยืนห่างจากเธอออกไปไม่กี่ก้าวด้วยแววตาปลื้มปริ่ม