“คุณแดนขับช้าๆ หน่อยค่ะ”
พรรณนิการ์บอกเสียงสั่นเพราะเกรงกลัวความบ้าคลั่งของสารถีหนุ่มเลือดร้อน ตั้งแต่เขาลากเธอขึ้นรถมากับเขายังไม่มีแม้คำพูดใดๆ เล็ดลอดผ่านเรียวปากหยัก มีเพียงสายตามาดนิ่งที่จับจ้องท้องถนนราวกับความยาวอันไม่สิ้นสุดเป็นศัตรูคู่แค้นที่ต้องการเข่นฆ่า มือเรียวกำสายนิรภัยแน่น เหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือและกรอบหน้าหวาน ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกลำคอแห้งผาก ตัวเกร็งยามเขาปาดซ้ายแซงขวารถสิบล้อแบบไม่กลัวความตาย แดนนี่ปรายหางตาคมมองร่างน้อย มุมปากยกยิ้มสะใจ ยิ่งเจ้าหล่อนแสดงท่าทีหวาดกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นมากเท่านั้น
สมน้ำหน้า อยากระริกระรี้ตอนอยู่กับไอ้ธามดีนัก!
“คุณแดนคะ ขะ ขับช้าลงกว่านี้หน่อยได้ไหม ฉัน… กลัว”
คำว่ากลัวแทบจมหายไปในลำคอ น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ร่างบางสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงลมหายใจหอบสะท้าน แดนนี่เห็นท่าไม่สู้ดีจึงหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าซอยบ้านคนแล้วดับเครื่องเพื่อดูอาการของเธอ
“หวานเธอเป็นอะไร หวาน”
เขาเอี้ยวตัวตบแก้มนิ่มซีดเผือด ปลดสายนิรภัยออกเพื่อให้เธอสบายตัวมากขึ้น จับมือน้อยกอบกุมก็พบว่ามันเย็นยะเยือกจนน่าตกใจ
“ฮึก ฉันกลัว” พรรณนิการ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น หัวใจดวงน้อยเต้นรัวคล้ายจะหลุดออกจากอก
“เวรฉิบ!” แดนนี่สบถคำหยาบ เขาอยากต่อยหน้าตัวเองให้สาสมกับความบ้าระห่ำนักเชียว โกรธจนพานมาลงกับเธอจนได้
“ลืมตามองฉันหวาน ฉันไม่ได้ขับรถเร็วแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มต่ำไร้ความเดือดดาล พรรณนิการ์พยายามรวบรวมสติที่แตกกระเจิงกลับคืนสู่ร่าง เปลือกตาบอบช้ำค่อยๆ ปรือมองรอบกาย บัดนี้เธอไม่ได้อยู่บนท้องถนนแห่งความตายอีกแล้ว
“ฉันขอโทษ” แดนนี่รู้สึกผิดที่ทำให้เธอกลัวจนร้องไห้ แววตาของเขาไร้พิษสง พรรณนิการ์มองหน้าเขาอย่างหวาดระแวง
เขาจะมาไม้ไหนอีก เธอไม่กล้าวางใจจริงๆ
“ฮึก”
เสียงสะอื้นเล็ดลอดริมฝีปากอวบอิ่ม ทั้งๆ ที่มั่นใจมาตลอดว่าเป็นคนเข้มแข็ง แต่อารมณ์ร้ายกาจของแดนนี่ปลุกความอ่อนแอจนไม่อาจกลั้นหยาดน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป พรรณนิการ์ไม่อยากเสียน้ำตาต่อหน้าคนใจร้าย ไม่อยากให้เขาหัวเราะเยาะ ทว่านาทีนี้ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ ข้างในตะโกนบอกว่าอยากร้อง ร้องให้สาสมกับที่เขาพาเธอมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้
“หวาน” หัวใจของคนนิสัยเสียแทบขาดรอน นิ้วโป้งแกร่งบรรจงเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มคนตัวเล็ก สัมผัสแผ่วเบาราวปุยนุ่น พรรณนิการ์ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าเธอตอนนี้จะเป็นคนๆ เดียวกับที่ลากเธอขึ้นรถ
“ขอโทษ” แดนนี่คว้าร่างบางกอดแนบอก ฝ่ามือหนาลูบเรือนผมสลวยอย่างอ่อนโยน
“ขอโทษที่ทำให้กลัว อย่าโกรธกันนะครับ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มปลอบประโลม พรรณนิการ์สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่นาน และอาจเป็นเพราะความกลัวบวกกับความอ่อนเพลียร่างบางจึงสลบไป แดนนี่ประคองศีรษะทุยอย่างทะนุถนอม เขาปรับเบาะรถให้เจ้าหล่อนนอนเอนกายสบายมากขึ้น นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาบนผิวแก้ม ความรู้สึกผิดท่วมท้นหัวใจ เพียงเห็นเธอยิ้มและพูดคุยกับพี่ชายด้วยความสนิทสนมราวกับโหยหากันมานานเขาก็เกิดความริษยา ทำไมใครๆ ต่างก็รักและเทิดทูนแต่ธนาธร ไม่ว่ามันจะทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องน่าชื่นชมของทุกคนไปเสียหมด
โดยเฉพาะพรรณนิการ์… ดูหล่อนจะรักใคร่ใยดีมันซะเหลือเกิน ตั้งแต่เล็กจนโตอะไรๆ ก็เรียกหาแต่พี่ธามๆ เคยมีสักครั้งไหมที่จะพูดถึงเขา
“เธอไม่เคยรู้อะไรเลย” ไม่เคยรู้ว่าเขารักและถวิลหาเพียงใด เขาไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนเหมือนธนาธร รายนั้นรู้จักวิธีเข้าหาผู้หญิงด้วยท่าทีนุ่มนวลชวนฝัน ผิดกับเขาที่ปากร้ายป่าเถื่อน หวงเจียนคลั่งก็แสร้งปั้นหน้าว่าไม่รู้สึกอะไร เก็บอาการไม่อยากให้ใครรู้ ไม่ต้องการให้ใครมาสมเพชและมองเขาเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี
เพราะแอบรักอยู่ฝ่ายเดียว หล่อนไม่เคยมีเขาอยู่ในหัวใจ ไม่เคยมี…
“ติดต่อคุณแดนได้ไหมคะ” ป้านวลรีบเอ่ยถามหลังเห็นธนาธรลดเครื่องมือสื่อสารลงแนบข้างลำตัว สายตาของเขาเครียดจัด
“ยังเลยครับป้านวล แดนปิดเครื่องไปแล้วด้วย” เขาลองกดโทร. อีกครั้งก็พบว่าแดนนี่ปิดเครื่องมือสื่อสารหนีการติดต่อไปเสียแล้ว
“โธ่หวาน…” ป้านวลเป็นห่วงหลานสาวสุดหัวใจ รู้ๆ กันอยู่ว่าแดนนี่เป็นคนอารมณ์ร้อน ทะเลาะกับคุณท่านคงหาที่ลงไม่ได้จึงเลือกระบายกับหญิงสาวตาดำๆ อย่างพรรณนิการ์
“ป้านวลใจเย็นๆ นะครับ แดนไม่ทำอะไรหวานแน่นอนผมรับประกัน” ธนาธรพูดอย่างมั่นใจ ถึงจะไม่ชอบนิสัยอันธพาลของน้องชายแต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกกับเขาว่าพรรณนิการ์จะปลอดภัย ตราบใดที่หล่อนอยู่กับแดนนี่
“แต่คุณแดนเธอ…” ป้านวลมองหน้าประมุขของบ้านผู้เคร่งขรึม ข้างกายมีคุณกรองแก้วคอยลูบแขนเพื่อให้สามีคลายโทสะร้อน
“ถ้าเจ้าแดนมันทำอะไรหวาน ฉันนี่แหละจะฆ่ามันเอง!”
คุณแดเนียลโพล่งขึ้น น้ำเสียงดุดันน่าเกรงขาม
“คุณคะ แดนคง…”
“เลิกเข้าข้างมันได้แล้ว!” เจอสามีตวาดใส่คุณกรองแก้วถึงกับสะดุ้งโหยง ธนาธรและป้านวลก็พลอยรู้สึกกลัวไปด้วย
“รักลูกฉันไม่ว่าแต่อย่าเข้าข้างจนหูตามืดบอด แดนมันนิสัยเป็นอย่างไรเธอก็น่าจะรู้ดีที่สุด” คุณแดเนียลต่อว่าก่อนสะบัดหน้าเดินขึ้นห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว