บทที่ 1.1 - เจ้านาย หรือ เจ้าชีวิต (หวงน้องก็บอก)

1142 Words
เป็นเวลากว่าเที่ยงคืนที่ร่างบางกลับถึงบ้าน… ป่านนี้ป้านวลคงเข้าห้องนอนหลับไปนานแล้ว พรรณนิการ์พยายามทำให้การมาเยือนของตนเป็นไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ หญิงสาวจัดการชำระล้างร่างกายเตรียมตัวเข้านอน พรุ่งนี้มีสอบวิชาสุดท้ายก่อนปิดเทอมเล็ก เธอศึกษาอยู่ชั้นปีที่สี่ คณะบริหารธุรกิจ อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว อนาคตที่วาดฝันอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม เรียนจบเมื่อไรเธอจะหางานทำและพาป้านวลย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ไม่อยากทนอยู่ให้คุณชายประจำบ้านคอยพูดจาดูแคลนเหยียดหยาม ถึงคุณผู้หญิงกับคุณท่านจะดีต่อเธอและป้านวลมากเพียงใด สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเข้าข้างลูกชายตัวเองอยู่ดี เกิดวันหนึ่งเธอทนนิสัยแย่ๆ ของแดนนี่ไม่ไหวแล้วมีปากเสียงกันขึ้นมา คนที่จะถูกต่อว่าไม่ใช่เขาแต่เป็นเธอ พรรณนิการ์ปิดสมุดจดบันทึกเก็บใส่ไว้ใต้ลิ้นชักตามเดิม ร่างบางก้าวขึ้นเตียงเพราะทนอาการง่วงซึมไม่ไหว เปลือกตาคู่งามปิดปรือ สมองปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ ทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่นานคนที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันก็ก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราแสนหวานท่ามกลางความหนาวเย็นของเครื่องปรับอากาศชั้นดี แดนนี่ส่องกระจกมองความหล่อเหลาของตัวเองผ่านกระจกเงาบานใสอย่างชื่นชม หนุ่มลูกครึ่งเลือดผสมไทย-อังกฤษ ไม่ทำให้สาวเล็กสาวใหญ่ผิดหวัง เขาเป็นเจ้าของใบหน้าเฉี่ยวคมดุจเทพเจ้ากรีก มีดวงตามาดร้ายเสมือนราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่ จมูกโด่งลากยาวรับกับเรียวปากหยักลึกรูปหัวใจ เหนือขอบปากทรงเสน่ห์เป็นพื้นที่ของไรเคราที่ถูกตัดเล็มเป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายการค้าที่ส่งให้แดนนี่อยู่ในลุคผู้ชายดิบเถื่อนน่าค้นหา เขามีพร้อมทั้งรูปโฉมและคุณทรัพย์ที่มนุษย์ทุกคนพึงปรารถนาอยากมีสักครั้งในชีวิต “วันนี้มีข้าวต้มปลานะคะคุณแดน” “ขอบคุณครับป้านวล” แดนนี่ส่งยิ้มสุภาพให้แม่นมที่เขาเคารพเสมือนมารดาคนที่สอง ไม่แบ่งแยกชนชั้นวรรณะว่านายหรือบ่าว “แล้วนี่หลานสาวสุดที่รักของป้าไม่ขึ้นมาด้วยหรือครับ” เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องอาหารก็ไม่พบร่างบางในชุดนิสิตเหมือนเช่นเคย ปกติพรรณนิการ์จะขึ้นมาดูแลเจ้านายบนตึกใหญ่พร้อมกับคนเป็นป้าเสมอ ทำไมวันนี้ไม่เห็น… “ไปเรียนแล้วค่ะ” หญิงกลางคนตอบโดยไม่นึกสงสัยอะไร ผิดกับคนฟังที่ขมวดคิ้ว ขยับข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนหรู “เพิ่งจะหกโมงเช้าเองนะครับ ทำไมรีบไปจัง” “เห็นบอกว่าจะรีบไปสอบ เมื่อคืนก็ติวหนังสือจนดึกดื่น โชคดีที่มีเพื่อนขับรถมาส่ง” คนเป็นป้าแจกแจงตามประสา แดนนี่กระตุกยิ้มมุมปาก “เพื่อนหรือแฟนครับ” ไม่ว่าจะเพื่อนหรือแฟนเขาก็ไม่ชอบให้พรรณนิการ์อยู่ใกล้ชิดผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น เห็นแล้วมันหงุดหงิดพานให้อารมณ์ขุ่นหมอง อยากกระชากแม่ตัวดีออกห่างภมรผู้ทุกตัวแล้วนำไปกักขังให้อยู่กับเขาแต่เพียงผู้เดียว “เพื่อนค่ะ หวานบอกกับป้าว่าจะขออยู่เป็นโสดเพื่อดูแลป้าไปตลอดชีวิต” ป้านวลพูดด้วยความปลาบปลื้มใจ พอได้รู้ถึงความคิดของหญิงสาวแดนนี่ก็อมยิ้ม รู้สึกโล่งอกที่หล่อนยังไม่คิดมีใครมาเคียงกาย “คิดได้แบบนั้นก็ดีครับ ผู้หญิงสมัยนี้เรียนยังไม่ทันจบก็อยากหาห่วงผูกคอถมไป ผมพูดเพราะหวังดีนะครับ ไม่อยากให้หลานสาวของป้าเป็นแบบผู้หญิงพวกนั้น” “ในชีวิตเราสองคนป้าหลานเห็นทีจะมีแต่คุณผู้หญิง คุณท่าน แล้วก็คุณแดนที่หวังดีกับเราอย่างแท้จริง” ป้านวลซาบซึ้งในบุญคุณของครอบครัวชายหนุ่มเสมอมา… “สอบเสร็จแล้วเราไปเดินห้างฯ กันนะ หาอะไรกินฉลองกันหน่อย” ณรักษ์… เพื่อนชายเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ช่วงเวลาแห่งความเครียดผ่านพ้นไปแล้ว ต่อไปนี้คือช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหย่อนกายและปลดปล่อยความสุขอย่างเต็มที่ “อยากกินชาบูไปกินชาบูกันนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” ริสา… เพื่อนสาวสุดห้าวรีบยกมือเสนอเมนูโปรดของทุกคนทันที “แกสองคนไปเถอะฉันต้องรีบกลับบ้าน” พรรณนิการ์ปฎิเสธดื้อๆ ทำเอาบรรยกาศสนุกสนานห่อเหี่ยวลงถนัดตา “อ้าว… ทำไมล่ะ” ริสาทำหน้ามุ่ย “ขาดแกไปคนหนึ่งมันก็ไม่อร่อยดิ ชาบูมันต้องกินกันหลายๆ คนถึงจะได้อรรถรส” ณรักษ์เองก็เสียดาย ไหนๆ ก็สอบวิชาสุดท้ายของภาคเรียนแรกเสร็จสิ้นแล้ว เขาอยากให้เพื่อนพ้องได้ฉลองพร้อมหน้าพร้อมตา “อรรถรส นี่แกไปติดคำพูดสาวสองมาจากที่ไหนเนี่ย ดูซีรีย์เยอะแน่ๆ ช่วงนี้” ริสาอดแซวไม่ได้ ณรักษ์ถอนหายใจอย่างรำคาญก่อนกลับมาที่ประเด็นของพรรณนิการ์อีกครั้ง “เรื่องของฉันเถอะน่า ว่าแต่หวานจะไม่ไปกับพวกเราจริงๆ เหรอ” “อืม ช่วงนี้ป้านวลไม่ค่อยสบาย ฉันอยากรีบกลับบ้านไปช่วยงานป้า” พรรณนิการ์อยากหาเวลาพูดคุยตามประสาป้าหลาน หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอมัวแต่ยุ่งกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ เจอหน้าป้าก็แค่ช่วงเช้าก่อนออกมาเรียน ทักทายกันสองสามคำก็ต้องรีบเร่งให้ทันเวลา “งั้นไปวันอื่น รอครบคนค่อยไป” ณรักษ์เสนอ “ไม่ได้! ฉันอยากกินวันนี้ยังไงก็ต้องไปกิน” ริสาไม่ยอม “แต่หวานไม่ว่างไป” ณรักษ์เท้าเอวจ้องหน้าเพื่อนสาวจอมรั้น “เราก็ไปกินกันก่อนไง วันไหนหวานว่างค่อยไปอีกรอบก็ได้ แต่วันนี้ฉันหิวและอยากกินหมูหนักมาก พาฉันไปกินหน่อยนะรักษ์ น้าๆ” ริสาเขย่าแขนเพื่อนชายพลางออดอ้อนทำตาปริบๆ พรรณนิการ์ส่ายหน้าหัวเราะ นิสัยเพื่อนเธอคนนี้เหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด “แกสองคนไปเถอะ ไว้วันหลังเราค่อยนัดกันใหม่ สัญญาว่าจะไม่เท” พรรณนิการ์ให้คำมั่นสัญญา “ก็ได้ๆ” ณรักษ์จำต้องยอมในที่สุด “ไชโย! ไปเร็วๆ เลยค่ะคุณเพื่อนขา อิฉันหิวจนไส้จะขาดแล้ว” ริสาจับมือจูงณรักษ์เดินไปที่รถยนต์กะทัดรัดอย่างไว “โอ๊ย! นี่มีเพื่อนหรือมีลูกวะเนี่ย ไปๆ” พรรณนิการ์หัวเราะให้กับความน่ารักของเพื่อน สองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยเฟรชชี่ คนหนึ่งพูดยั่วยุอีกคนก็ชอบกวนประสาท เปรียบเหมือนลิ้นกับฟันที่กระทบกระทั่งกันตลอดเวลา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD