ตอนที่ 2 วิญญาณไร้จุดหมาย

1970 Words
ท่ามกลางเม็ดฝนที่กำลังโปรยปรายลงมาหนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ หลินจินเว่ยทนยืนมองภาพที่ชายโฉดกับหญิงชั่วใช้ผ้าพรมผืนนั้นพันเอาร่างของตัวเธอเอง แล้วนำออกมาโยนไว้ยังคลองน้ำตื้นข้างถนน เม็ดฝนทะลุผ่านร่างกายโปร่งแสงของตนเม็ดแล้วเม็ดเล่าล้วนไร้ความรู้สึกใด ๆ ไม่มีความเจ็บปวดบนร่างกายหลงเหลือ แม้แต่บาดแผลที่ถูกแทงก็ไม่มีอยู่บนลำตัวของเธออีกต่อไป แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือความรู้สึกในห้วงลึกของจิตสำนึก ที่แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงมวลของวิญญาณไร้ที่ไปแต่กลับล่องลอยไปตามชายโฉดหญิงชั่วทั่วทุกที่ บางครั้งก็วนเวียนกลับมาที่ร่างซีดเซียวของตัวเอง “รีบไปกันเถอะ อย่าอยู่ที่นี่นานนักเลย เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า” หลี่เหวินปิงพูดขึ้นด้วยอาการร้อนรน ตอนแรกก็ไม่ได้กังวลมาก ทว่าอยู่ ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังเหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา “คุณจะกลัวอะไรคะเป็นผู้ชายแท้ ๆ ทำไมทุกอย่างต้องให้ฉันมีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยตลอดเลย แค่เอามันมาทิ้งยังต้องให้ฉันมาด้วย ฉันหนาวจะแย่อยู่แล้วรีบไปกันเถอะ” เสวี่ยอิงฮวาตอบโต้กลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวไม่แพ้กัน ไม่สามารถทำอะไรคนชั่วทั้งสองได้เลย นอกจากยืนมองร่างของตนเองที่ไร้แล้วซึ่งลมหายใจ บนใบหน้าซีดไร้สีเลือดมากขึ้นทุกขณะ ยิ่งตอกย้ำว่าตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่วิญญาณ และร่างที่นอนอนาถอยู่ตรงนั้นหมดโอกาสแน่นอนแล้วที่จะลุกขึ้นยืนติดตามไปทวงแค้นคนที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้ “เป็นเพราะฉันเอง เพราะฉันมันโง่เหลือเกิน” โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด แม้จะมานึกเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องไห้ที่ออกมาจากจิตวิญญาณความรู้สึกผิด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนกระทั่งเธอมองดูตำรวจซึ่งตามมาพบร่างของเธอได้อย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ ยังมีชาวบ้านที่ผ่านไปมาในละแวกนั้นด้วย ทุกคนให้การกับเจ้าหน้าที่เป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครรู้เห็นการตายของเธอ หรือแม้แต่ที่มาของศพแม้แต่คนเดียว สิ่งที่ทำให้หลินจินเว่ยรู้สึกสะเทือนใจที่สุด ก็คือเธอไม่ได้รับการเหลียวแลใด ๆ จากชายหนุ่มที่เธอเคยรักและเพื่อนที่สนิทที่สุดก็ไม่แม้แต่จะมาแสดงละครเสแสร้งอะไรต่อหน้าร่างไร้วิญญาณของเธอเลย หลินจินเว่ยล่องลอยไปตามเส้นทางที่คนเหล่านั้นนำพาร่างของเธอกลับไปยังที่เก็บศพชั่วคราว ผ่านไปหลายวันกว่าจะมีคนมาถึงสถานที่รับศพ แน่นอนว่าไม่มีวี่แววของหลี่เหวินปิงหรือเสวี่ยอิงฮวา แต่เป็นพ่อแม่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจที่เข้ามาแล้วพบว่าเป็นศพของหลินจินเว่ยจริงๆ “ใช่ลูกสาวของคุณหรือไม่ครับคุณหลิน คุณเฉียว ถ้าใช่ก็กรุณาตามมาที่ห้องทะเบียนด้วย เรายังมีเอกสารและข้าวของ ของผู้ตายที่ติดตัวมาในวันที่เราไปพบศพด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ระบุตัวตนของศพเห็นว่าญาติมองเห็นชัดเจนแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น “ใช่ค่ะ เธอคือหลินจินเว่ยลูกสาวของฉันจริง ๆ ต่อให้เธอจะดูไม่น่ามองแค่ไหนแต่ฉันก็จำได้ว่าเป็นเธอแน่นอน ใครทำให้ลูกสาวฉันต้องอยู่สภาพนี้คุณมีรายละเอียดไหม” เฉียวเยี่ยนฟางผู้เป็นมารดาน้ำตาไหลอาบแก้มทันทีที่เห็นใบหน้าซีดเซียว สภาพร่างกายถูกห่อด้วยผ้าสีขาว “ทางตำรวจตามสืบคดีนี้ได้มากแค่ไหนแล้วครับ ผมไม่ยอมให้ลูกสาวต้องตายอนาถแบบนี้เด็ดขาด คนชั่วต้องถูกลงโทษ!” หลินต้าคุนบิดาของร่างไร้วิญญาณสบถเสียงดังทั้งน้ำตา ทั้งโกรธแค้นทั้งเสียใจ หลินจินเว่ยพยายามกรีดร้องออกมาสุดเสียงแต่กลับไม่มีใครได้ยิน เธอพยายามตะโกนบอกพ่อและแม่ของเธอว่าเกิดอะไรขึ้นและใครเป็นคนทำ ทว่าก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครรับรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้เลย ‘เป็นมันค่ะคุณพ่อเป็นผู้ชายชั่วคนนั้น เป็นหลี่เหวินปิงที่สมคบกันกับเสวี่ยอิงฮวา!’ ไม่ว่าจะตะโกนดังแค่ไหน โกรธแค้นมากเท่าไหร่ สุดท้ายทุกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นกลับไม่มีใครได้ยินเสียงเธอแม้แต่คนเดียว พ่อและแม่ของเธอเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปด้วยอาการเสียใจอย่างที่สุด ทว่าเบื้องหลังของประตูยังมีใครอีกคนที่ยังไม่ได้เดินเข้ามาภายในห้องเก็บศพห้องนี้ เมื่อประตูบานนั้นปิดลง ทุกคนเดินผ่านพ้นออกไปจนหมดแล้ว รูปร่างสูงใหญ่ของหยางฮ่าวเทียนก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีสงบ ทันทีที่หลินจินเว่ยหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นอดีตสามีที่เธอเคยทรยศต่อความรักของเขากำลังเดินเข้ามา วิญญาณโปร่งแสงถึงกับตกตะลึง หญิงสาวรอดูว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอต่อไป ในความคิดของเธอ เขาคงจะมาตะโกนด่าทอหรือสมน้ำหน้าแน่ ๆ แต่ผิดคาด... สิ่งที่ชายหนุ่มแสดงออกมากลับบีบหัวใจของคนที่มองเห็นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเธอตอนนี้เหลือเกิน “คุณเจ็บมากไหม หนาวมากหรือไม่ ทำไมพวกเขาถึงกล้าทำแบบนี้กับคุณ ผมสาบานว่าพวกมันจะต้องชดใช้!” แม้น้ำเสียงจะฟังดูเหมือนดุดัน แต่เจ้าของที่พูดอยู่นั้นกลับกำลังร้องไห้ หลินจินเว่ยรู้สึกเกลียดชังตัวเองขึ้นมาทันที หยางฮ่าวเทียนคนที่สมควรจะเกลียดโกรธ สมควรจะด่าประจานหรือแม้แต่สมน้ำหน้าเธอที่สุด เพราะเธอทอดทิ้งเขาและลูกชาย เธอหย่ากับเขาเพราะหลงรักหลี่เหวินปิงสหายชายที่เคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายมาด้วยกัน เธอหลงรักผู้ชายที่มีแต่คำพูดหวานหู แต่เขาไม่เคยมีความรักมั่นจริงจัง ทั้งหมดก็แค่แผนการของคนจิตใจชั่วช้าสองคนที่รวมหัวกันหลอกเธอ หยางฮ่าวเทียนเอื้อมมือมาบีบมือของเธอเอาไว้ทำคล้ายกับมือข้างนั้นยังคงมีชีวิต “พักผ่อนให้สบายนะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องลูก หยางอวี่หลินเข้าใจ เขารักคุณมาก” ไม่มีสิ่งใดสามารถเปลี่ยนให้ทุกอย่างกลับคืนมาได้อีกแล้ว หลินจินเว่ยได้แต่กล้ำกลืนความเสียใจมองดูความโศกเศร้าของคนเธอคิดว่าเขาจะโกรธแค้นที่เธอทิ้งเขา หากเขาด่าทอหรือทุบตีร่างไร้วิญญาณของเธอสักนิด มันคงไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากขนาดนี้ งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในหมู่บ้านที่เธอเกิดและเติบโตมา ไม่มีใครปริปากพูดถึงทรัพย์สมบัติที่เธอนำติดตัวออกไปหลังจากที่หย่ากับสามี ไม่ใช่ทุกคนไม่รู้ แต่เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าผู้ชายอย่างหลี่เหวินปิงวัน ๆ ไม่รู้จักทำงานคงปอกลอกเอาไปเป็นของตัวเองหมดแล้ว กลิ่นควันธูปลอยวนไปมาอยู่ภายในห้องตั้งศพ เทียนแท่งใหญ่ซึ่งถูกจุดเอาไว้ด้านข้างของโลงศพยังคงส่องสว่าง ในแต่ละคืนค่อย ๆ ผ่านไป ความสำนึกผิดทำให้หลินจินเว่ยเพียงแค่นั่งกอดตัวเองอยู่ในมุมแคบ ๆ สลัว ๆ ของห้องนั้นเงียบ ๆ สิ่งที่ยิ่งทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่าคือมีเพียงหยางฮ่าวเทียนที่มาหาเธอทุกวันพร้อมดอกไม้ที่เขามักจะเอามาวางไว้แล้วเดินออกไปเงียบ ๆ หลังจากพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ “ผมจำได้ว่าคุณชอบดอกไม้ ไม่ว่าดอกอะไรทุกครั้งที่คุณเห็นก็มักจะมีรอยยิ้มเสมอ” “ฮ่าวเทียนคะ ฉัน…” หลินจินเว่ยเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยิน วันนี้มีบางคนที่ไม่คาดคิดว่าเธอยังสามารถมองเห็นเขาอีกครั้ง เขาคนนั้นจับมือพ่อกับแม่ของเธอจ้องมองโลงสี่เหลี่ยมเงียบ ๆ ครู่หนึ่งก็เดินเข้ามาหาผู้เป็นบิดา “คนในนี้เป็นใครหรือครับพ่อ” เด็กชายเอ่ยถาม เพราะรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็จำไม่ได้ “มาทางนี้สิ จะได้เห็นรูปชัด ๆ” หยางฮ่าวเทียนเบี่ยงตัวให้ลูกชายเดินมาใกล้ ๆ โลงศพเพื่อดูรูปของหลินจินเว่ยให้ชัดเจน เมื่อเด็กชายเห็นเขาก็ยิ้มออกมาทันที “สวยจังเลยนะครับพ่อ นี่คุณแม่ของผมใช่ไหม” “ใช่แล้ว จำไว้นะนี่แหละแม่ของลูก เธอรักลูกมากรู้ไหม” หลินจินเว่ยร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดที่สุด มันเจ็บมากกว่าการถูกหลี่เหวินปิงทรยศ เพราะมันบาดลึกที่สุดที่ทำให้ลูกชายจำคนเป็นแม่อย่างเธอไม่ได้ หลายครั้งที่เธออยากกลับไปดูเขาแต่ก็ถูกชายชั่วคนนั้นห้ามไว้ บอกว่าถ้าเธอเลือกลูก เขาก็จะไม่สนใจเธอ หลังจากงานศพผ่านพ้นไปหลินจินเว่ยก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ หยางฮ่าวเทียนโดยไม่รู้ว่าทำไม หลังจากร่วมทำคดีของเธอ เขาก็สืบทุกอย่างกระจ่างในเวลาสั้น ๆ โดยเริ่มกดดันจากคนใกล้ชิดอย่างแม่บ้านและคนทำความสะอาด สุดท้ายทุกคนยอมเล่าเรื่องทั้งหมดเพราะกลัวมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด และนั่นก็นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าคุกและรับโทษตามกฎหมาย หลายปีผ่านไป เธอมองเห็นการกระทำของเขาอยู่ตลอด เขาเป็นคนจริงจังกับการทำงานเสียจนไม่มีเวลามองผู้หญิงคนไหน เธอเพิ่งรู้ว่าเขาไม่คิดมีภรรยาใหม่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เขาบกพร่องคือ เขาจริงจังกับงานมากเกินไปจนละเลยลูกชายอย่างหยางอวี่หลิน สุดท้ายแล้วหยางอวี่หลินเติบโตมาโดยไร้ความอบอุ่นของครอบครัว เขาหลงเดินทางผิดไม่มีใครคอยแนะนำ เด็กชายในวันนั้นเติบโตขึ้นมากับความอ้างว้างและโดดเดี่ยวกลายเป็นเด็กหนุ่มคบหาเพื่อนเกเรถูกชักชวนเข้ากลุ่มอันธพาล และเสียชีวิตเพราะทำผิดและถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยที่หยางฮ่าวเทียนเองก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากเช่นกัน หญิงสาวมองเห็นช่วงเวลาทั้งหมดและทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมา เธอรู้และเข้าใจแล้วว่าทุกสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกชาย เริ่มต้นมาจากเธอซึ่งเป็นแม่ของเขา “ฮ่าวเทียน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้ลูกของเราต้องจบชีวิตแบบนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะฉันตัดสินใจผิดพลาด อภัยให้ฉันด้วยนะคะ อวี่หลินแม่ขอโทษ” หลินจินเว่ยร่ำไห้ออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกผิด ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กระทั่งรู้สึกว่าน้ำตาที่ไหลออกมาอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพียงความอุ่นของหยาดน้ำตาที่รินไหล ทว่าหญิงสาวไม่สามารถลืมตามองอะไรได้เลย เธอรู้สึกได้เพียงความมืดและความว่างเปล่าไร้จุดหมาย เธอพยายามกรีดร้อง ทว่านอกจากความอุ่นของน้ำตาแล้ว ก็ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใด ๆ และเรี่ยวแรงทั้งหมดกลับค่อย ๆ ฟื้นคืน ความรู้สึกนี้ช่างน่าประหลาด...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD