บทที่ 3 - มีแฟนหรือยัง (พี่อชิรุกน้องหนักมาก) (จบตอน)

1955 Words
“ร้านนี้พี่มาบ่อยนะ ขนมเขาอร่อย ไอติมก็ทำเองไม่เหมือนใครดี” พี่อชิพูดแล้วยิ้มกว้าง จะว่าไปวันนี้ฉันเห็นรอยยิ้มของเขาเยอะเหมือนกันแฮะ ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน บรรยกาศเป็นกันเองแบบสัมผัสได้ กลิ่นไอของกาแฟนมเนยหอมกรุ่นนั้นยิ่มชวนให้อารมณ์ของลูกค้าเบิกบานมากกว่าเดิม บวกกับเพลงที่แสนชิวฟังสบายด้วยแล้วยิ่งทำให้การรับประทานขนมนั้นกลมกล่อมเป็นเท่าตัว แต่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดเห็นทีจะหนีไม่พ้นพวกบรรดาตุ๊กตาหมีตัวน้อยตัวใหญ่ที่ถูกนำมาวางตกแต่งร้านให้สวยน่ารักราวกับอยู่ในดินแดนสวรรค์ “ชอบเหรอ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทำลายความคิดของฉัน “คะ?” ฉันหันหน้ามาสบตากับพี่อชิ “เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะคะ” “ตุ๊กตาหมีน่ะ ชอบเหรอ” พี่อชิส่งสายตาไปยังหมีตัวเล็กตัวน้อย “อ้อ ค่ะ ชอบ” ฉันยิ้มบางเบา ก่อนจะตักไอติมรสมะนาวเข้าปาก ฉันน่ะชอบกินไอติมรสมะนาวที่สุดแล้ว “แปลกเนอะ ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบแต่พวกของจุกจิก” คนพูดพูดแล้วส่ายหน้าในทำนองไม่ค่อยเข้าใจนัก “ก็ของจุกจิกที่พี่ว่ามันน่ารักนี่คะ อีกอย่างนุ่มน่ากอดอีกด้วย” “คงงั้นสินะ” ถอนหายใจพลางๆ ก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่เราเถอะ ทำไมถึงไม่บอกที่บ้านไปตรงๆ ล่ะว่ากำลังเรียนดนตรีอยู่” ทำไมวกมาเข้าเรื่องนี้ได้นะ ตอบยากกว่าข้อสอบอีกแฮะ “ก็ เอ่อ” ฉันอ้ำอึ้ง “ถ้าลำบากใจที่จะตอบไม่ต้องก็ได้นะ พี่เข้าใจ” พี่อชิพยักหน้า “พี่เองก็คงถามมากไปหน่อย ขอโทษด้วยแล้วกัน” คนพูดมีสีหน้ารู้สึกผิด “เฮ้ยๆ ไม่ใช่ค่ะพี่” ฉันรีบโบกมือปฎิเสธ “คือหนูไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดยังไงดีอ่ะค่ะ เรื่องราวมันค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร” ฉันว่าแล้วยิ้มแหยๆ “ก็เล่าแค่ใจความสำคัญก็พอ ไม่ต้องลงรายละเอียดมากนักหรอก พี่แค่อยากรู้ว่าทำไมเราต้องปิดบังที่บ้านเรื่องเรียนดนตรีแค่นั้นเอง” คนตรงหน้าอธิบาย “คือว่าพ่อเขาไม่ชอบให้ลูกยุ่งกับสิ่งที่เรียกว่าเต้นกินรำกินน่ะค่ะ” “อืม” คำพูดสั้นๆ หลังจากที่คนตรงหน้าฟังฉันเล่าจนจบ อืมเหรอ ฉันว่าเรื่องที่ฉันเล่าไปนั้นมันน่าจะมีคำพูดอะไรมากกว่านี้นะ บทจะขรึมก็ขรึมแบบไม่เกรงใจโลกเลยผู้ชายคนนี้ “แล้วจะทำแบบนี้ต่อไปน่ะเหรอ คิดว่าจะปิดบังเขาไปได้ตลอดหรือไง สักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดี” พี่อชิพูดเสียงเรียบ หากทว่ามีความจริงจังซ่อนอยู่ “รู้ค่ะ แต่ว่าถ้าให้บอกตอนนี้หนูก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี” คิดมาถึงตรงนี้ฉันก็แอบกังวลเหมือนกันนะ เรื่องทุกอย่างมันไม่สามารถปิดบังไปได้ตลอดหรอก ดังคำพูดที่เขาว่า ‘ความลับไม่มีในโลก’ สักวันพ่อก็ต้องรู้ และถ้าท่านรู้ ท่านก็ต้องโกรธ ข้อนี้ฉันรู้ดี แต่ฉันก็ขอยืดเวลาเพื่อทำใจก่อนไม่ได้เลยเหรอ “เค ไม่ต้องทำหน้าเครียดแล้ว ไอติมใกล้หมดแล้วจะเอาอีกไหม เดี๋ยวพี่สั่งให้” พี่อชิมองมาที่ถ้วยไอติมของฉัน ที่มันใกล้ว่างเปล่าลงทุกที นี่ฉันกินไปเยอะขนาดนี้เลยหรือเนี่ย “เอาค่ะ” ฉันยิ้มกว้าง แต่ฉันก็ยังอยากกินอีกถ้วยน่ะ “กินเก่งจริงๆ” คนพูดส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ ซึ่งมีแค่ของฉันคนเดียว แอบอายนะ แต่นานๆ ทีมีคนมาเลี้ยง ของฟรีแถมอร่อยยังไงก็ต้องจัดเต็มกันหน่อย “แล้วพี่อชิเรียนคณะอะไรหรือคะ” ระหว่างรอไอติมมาเสริฟ์ฉันก็หาเรื่องชวนคุยฆ่าเวลาไปพลางๆ “วิศวะ” คำตอบสั้นๆ ได้ใจความ “อ่า เด็กวิศวะ” ฉันพยักหน้า “ทำไม” ถามพลางขมวดคิ้ว “ไม่มีไรค่ะ สมแล้วค่ะ เท่ดี” ฉันยิ้มก่อนจะยกแก้วโกโก้ปั่นขึ้นดื่ม เกิดมาก็เพิ่งเคยชมผู้ชายต่อหน้าต่อตาแบบนี้ นี่ฉันจะดูเป็นผู้หญิงไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย “ขอบใจ” เสียงเข้มเอ่ยนิ่งๆ บางทีฉันก็เริ่มเดาอารมณ์พี่เขาไม่ถูกแล้วนะ เดี๋ยวคุยเก่ง เดี๋ยวยิ้มบ่อย เดี๋ยวเงียบขรึม ทำไมคนหล่อต้องเดาใจยากด้วยเนี่ย “แล้วเราล่ะ เรียนสายอะไร” “หนูเหรอคะ” ฉันชี้ที่ตัวเอง “หนูเรียนสายวิทย์คณิตค่ะ” “ยากไหม” “สำหรับหนูยากนะคะ แต่คนอื่นหนูไม่รู้เหมือนกัน” ฉันว่าแล้วหัวเราะแก้เขิน ความจริงถ้าเลือกได้ฉันไม่อยากเรียนสายนี้หรอก แต่ที่ต้องเรียนก็เพราะว่าพ่อกับแม่ท่านอยากให้ฉันเรียน โดยให้เหตุผลว่า สายนี้มันเอ็นติดง่าย หางานง่าย และคนนิยมเรียนเยอะ แต่ฉันคิดต่างไปจากท่านทั้งสองนะ ฉันกลับคิดว่าอะไรที่คนเลือกเรียนเยอะๆ มันก็จะซ้ำจำเจเกินไปจนทำให้น่าเบื่อ ฉันอยากเรียนดนตรีทางตรงเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างว่าคงได้แต่ฝัน เพราะคุณพ่อท่านคงไม่มีทางยอม “ก็ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถามพี่ได้นะ พี่พอสอนได้อยู่” คนตรงหน้าพูดแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มขอบคุณ “หนูว่าพี่อชิเก่งมากๆ เลยนะคะ สอนดนตรีก็ได้ แถมยังจะช่วยสอนหนังสือให้อีก” ฉันพูดด้วยความชื่นชม ทั้งหล่อทั้งเก่ง ดูดีไปซะทุกอย่าง ใครได้พี่เขาไปเป็นแฟนนี่โชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีก ขนาดแค่เราสองคนมานั่งกินขนมที่ร้านยังมีคนมองมาทางพี่เขาไม่วางตาเลย บางคนนี่ถึงกับยกกล้องมือถือขึ้นมาแอบถ่ายรูปพี่เขาเลยด้วยซ้ำ ฉันเห็นนะแต่ไม่อยากจะพูดหรือบอกอะไรเจ้าตัว ก็ในเมื่อเขาหล่ออ่ะเนอะ เกิดมาหล่อก็ต้องทำใจ “แล้วมีแฟนหรือยัง” พี่อชิถามพลางกับมองหน้าฉัน แววตาเรียบเฉยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ผิดกับฉันที่พอได้ยินคำถามแบบนี้จากเขาก็แทบจะสำลักไอติมที่พนักงานเพิ่งเอามาเสริฟ์เมื่อครู่ “อะ อะไรนะคะ” “ตกใจอะไร แค่ถามว่ามีแฟนหรือยัง” พี่อชิทำหน้านิ่งๆ “ไม่มีค่ะ” ฉันตอบตามความจริง ลำพังแค่เรียนหนังสือกับฝึกกีตาร์ก็แทบไม่มีเวลาจะนอนอยู่แล้ว แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน “งั้นเหรอ” “แล้วพี่ล่ะคะ มีแฟนหรือยัง” “พี่เหรอ” พี่อชิหมุนแก้วกาแฟเล่นไปมา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตาคมเฉี่ยวขึ้นสบกับดวงตากลมโตของฉัน “คิดว่ากำลังจะมีเร็วๆ นี้” กำลังจะมีเร็วๆ นี้เหรอ คำพูดของคนตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกแบบนี้นะ งี่เง่าจัง “ใครที่ได้เป็นแฟนพี่ต้องโชคดีมากๆ แน่เลยค่ะ” ฉันยิ้มบอก “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ” “ก็พี่อชิทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมยังเป็นคนดีอีกต่างหาก” ฉันว่าไปตามความจริง พี่เขาครบเครื่องแบบนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากได้หรอก แต่ยกเว้นฉันนะ ไม่ใช่ว่าพี่เขาไม่ดีในสายตาฉันหรือเพราะหยิ่งอะไรหรอก เพียงแต่ฉันไม่กล้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอย่างพี่เขามากกว่า ลำพังแค่ได้รู้จักคนระดับพี่เขา ฉันก็ว่าฉันโชคดีที่สุดแล้ว! “หึๆ ผิดแล้วล่ะ พี่ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นหรอก” คนตรงหน้าเผยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย “เรานี่มองพี่ในแง่ดีจริงๆ เลยนะ” “คะ?” ฉันทำหน้างง ทำไมเหรอ ก็ในสายตาฉันเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะ “พี่ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มีรัก โลภ โกรธ หลง เวลาดีก็ดีใจหาย แต่ถ้าเวลาร้าย” พี่อชิหยุดพูดแล้วจ้องหน้าฉัน “พี่ก็ร้ายยิ่งกว่าปีศาจซะอีก” น้ำเสียงเข้มดุดัน แล้วทำไมเขาต้องมองหน้าฉันแบบนี้ด้วยล่ะ “เหรอคะ” ฉันยิ้มแหยๆ “ทำไม กลัวเหรอ” ถามแล้วอมยิ้มบางๆ “ปะ เปล่าค่ะ กลัวอะไรกัน ก็พี่ไม่ได้ร้ายกับหนูนี่คะ” ฉันพูดพลางกับหัวเราะ มันไม่ใช่เรื่องน่าขบขันหรอก เพียงแต่ฉันไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงดี “เราก็อย่าทำให้พี่ต้องร้ายใส่ก็แล้วกัน” ร่างสูงพูดเสียงเรียบ ผิดกับฉันที่ได้ยินประโยคนั้นก็แทบจะกลืนเค้กที่เพิ่งตักเข้าปากไม่ลง อย่าทำให้พี่ต้องร้ายใส่ก็แล้วกัน เขาต้องการจะสื่ออะไรเหรอ ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งพูดคุย ยิ่งได้รู้จักพี่เขามากเท่าไหร่ จะต้องมีมุมแปลกๆ ออกมาให้เห็นอยู่เสมอ จะว่าตื่นเต้นมันก็ใช่ แต่ในบางครั้งฉันก็แอบเสียวสันหลังเหมือนกันนะ ไม่รู้สิ สงสัยยังไม่ค่อยชินกับบุคคลิกของพี่เขาสักเท่าไหร่มั้ง “ทำหน้าแบบนั้นทำไม พี่ล้อเล่นหรอก” พี่อชิมองหน้าฉัน ที่เดาได้เลยว่าตอนนี้มันคงจะถอดสีไปหมดแล้ว “เค้กที่นี่อร่อยดีนะคะ สงสัยต้องพาเพื่อนๆ มาลองชิมบ้าง” ฉันได้ทีจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาในทันที ไม่ไหวๆ ขืนยังไม่ตัดบทตอนนี้ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันจะบานปลายไปถึงไหน “ชอบเหรอ” “อร่อยดีค่ะ ชอบ” ฉันพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าชอบเดี๋ยวพี่สั่งกลับบ้านให้เอาไหม อยากสั่งอะไรไปกินเลือกเลย” พี่อชิยื่นเมนูมาตรงหน้าฉัน “ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูเกรงใจค่ะ พี่เลี้ยงหนูมาเยอะแล้ว” ฉันดันเมนูกลับไปหาเขาเช่นเดิม “สั่งเหอะน่า สำหรับเราพี่มีปัญญาเลี้ยงทั้งชีวิต” พี่อชิไม่ยอม มือหนาดันกระดาษเมนูส่งมาให้ฉัน ตึกๆ หัวใจของฉันเต้นแรงไปกับคำพูดที่ว่า ‘สำหรับเราพี่มีปัญญาเลี้ยงทั้งชีวิต’ ถึงเขาจะพูดออกมาโดยไม่คิดอะไร แต่เขาจะรู้ไหมว่ามันกำลังรบกวนหัวใจของฉัน ตัวตนของพี่เขาเป็นคนแบบนี้สินะ ชอบดูแลเทคแคร์คนอื่น ใช่ พี่อชิเขาเป็นสุภาพบุรุษ เห็นว่าเราเป็นผู้หญิงแถมยังเด็กกว่าเขาตั้งหลายปี เขาก็เลยอยากดูแลเป็นของธรรมดา ธรรมชาติของผู้ชายดีๆ เขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น “สั่งสิ” คนตรงหน้าสั่งหลังจากที่เขาขวักมือเรียกให้พนักงานมารับเมนูจากฉัน “ค่ะๆ” ฉันพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเริ่มสั่งเค้กประมาณสองสามรสกลับไปฝากที่บ้าน “ขอบคุณพี่อีกครั้งนะคะสำหรับมื้อนี้” ฉันบอกขอบคุณร่างสูงที่ตอนนี้นั่งไขว่ห้างมองดูนาฬกาที่ข้อมือ ทุกอิริยาบถของเขามันช่างดูดีราวกับหลุดออกมาจากปกนิตยสาร “ไม่เป็นไร” พูดราบเรียบ ก่อนจะถามต่อ “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านเลยนะ โอเคไหม” “คือว่าหนูกลับเอง…” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็ถูกแทรกด้วยเสียงของคนตรงหน้า “โอเค งั้นพี่ไปส่งที่บ้าน บอกทางพี่ด้วยแล้วกัน” เฮ้อ แล้วจะถามฉันทำไมกันนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD