บทที่ 4.1 - ใกล้ชิดทุกวันจนมันหวั่นไหว (พี่ยิ้มให้แค่คนพิเศษเท่านั้น)

1084 Words
เป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ ที่ฉันไปเรียนกีตาร์กับพี่อชิทุกเย็นหลังเลิกเรียน จนถึงตอนนี้ก็เรียกได้ว่าฉันเริ่มมีทักษะมากขึ้นกว่าเดิมมาก จนเมื่อก่อนที่เล่นได้แต่เพลงสั้นๆ เพลงเบสิกสำหรับคนเพิ่งหัดเล่นใหม่ๆ แต่เวลานี้ฉันสามารถเล่นเพลงยาวได้จนจบเพลง “มันต้องดีดโน๊ตตัวนี้สินะ” ฉันพึมพำกับตัวเอง หลังจากที่เพิ่งรู้ว่าดีดโน๊ตผิดตัว เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น ทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมองบุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ฉันส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า พี่อชิถือถุงขนมมากมายเดินเข้ามาหาฉัน ใบหน้าคมคายมองฉันด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะวางถุงพลาสติกที่ห่อหุ้มขนมนมเนยมากมายลงกับโต๊ะ “เป็นไงบ้าง เพลงนี้เล่นยากไหม” เสียงเข้มเอ่ยถามฉัน ที่เอาแต่นั่งดีดกีตาร์ไปเรื่อย “พอได่ค่ะพี่ แต่ว่ามันก็แอบยากไปนิดหนึ่ง” ฉันว่าแล้วยิ้มแห้งๆ “อืม งั้นเหรอ” คนพูดพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินอ้อมมานั่งซ้อนตัวฉันจากทางด้านหลัง ความรู้สึกขนลุกแล่นไปทั่วทั้งร่าง “เล่นไปถึงท่อนไหนแล้วล่ะ” ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดอยู่ข้างๆ ใบหูของฉัน ฉันทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ เพราะปกติเวลาที่พี่อชิสอนกีตาร์ฉันเขาไม่เคยมาใกล้ชิดฉันขนาดนี้นะ มากสุดก็แค่จับมือฉันให้ไปแตะตามตัวโน๊ตตามที่เขาบอก ก็แค่นั้น แต่นี่อะไรกัน เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาทำแบบนี้กับฉัน “อะ เอ่อ” “เล่นถึงตรงไหนล่ะ บอกพี่สิ พี่จะได้สอนต่อได้ถูก” คนข้างหลังพูดเสียงขัน “ถะ ถึงตรงท่อนฮุกแล้วค่ะ” เสียงของฉันแอบสั่นเล็กน้อย ฉันพยายามแล้วนะ พยายามที่จะเป็นปกติที่สุดแล้ว แต่สาบานเลยว่าถ้าผู้หญิงคนไหนมาเป็นฉัน และได้ใกล้ชิดผู้ชายอย่างพี่อชิ คนที่หล่อและเพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ให้หัวใจแข็งแกร่งยังไงก็ไม่แคล้วต้องสั่นไหวเป็นของธรรมดา “ไหน ลองเล่นให้พี่ฟังสักรอบสิ” เสียงเข้มกระซิบอยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติ (อันน้อยนิด) ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงที่มั่นฝึกฝนมาหลายวันให้กับคนด้านหลังได้ฟัง “อืม ก็พอได้นิ เก่งนะเราอ่ะ พี่สอนไม่เท่าไหร่ก็เล่นได้แล้ว” “ขอบคุณค่ะพี่” ฉันพูดเสียงแผ่วเบา แต่เดี๋ยวนะ ทำไมพี่เขายังไม่ถอยออกไปจากตัวฉันสักทีเนี่ย “พี่คะ” “มา เดี๋ยวพี่สอนท่อนต่อไปให้เลย จะได้เล่นได้ทั้งเพลงไวๆ” มือหนาจะเลื่อนเข้ามาจับมือของฉันให้เล่นไปตามคีย์ของสายกีตาร์ “แบบนี้นะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของพี่อชิกำลังทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉันแทบไม่รับรู้เลยว่าเขาสอนฉันไปถึงไหนแล้ว สติสตังของฉันมันลอยหายออกไปไกลเสียแล้ว แต่หนสุดท้าย ฉันก็พยายามตั้งสติและกลับมามีสมาธิกับการเรียนได้ในที่สุด “อ่ะ ลองเล่นให้พี่ฟังก่อนสิ” เมื่อสอนได้ท่อนหนึ่ง พี่อชิก็สั่งให้ฉันเล่นให้เขาฟัง “อืม ใช้ได้ๆ” ร่างสูงพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ ขยับกายออกห่างจากตัวฉัน ค่อยหายใจหายคอได้สะดวกหน่อย “ลองเล่นตั้งแต่แรกจนถึงท่อนนี้สิ พี่ขอเช็คเราหน่อยว่ามีตกหล่นอะไรอีกหรือเปล่า” พี่อชิย้ายตัวไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน “ค่ะพี่” ฉันพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ เริ่มบรรเลงบทเพลงตั้งแต่ต้นจนถึงท่อนล่าสุดที่พี่เขาเพิ่งจะสอนฉันไปเมื่อครู่ “พอใช้ได้ไหมคะพี่” ฉันถามอย่างลุ้นในคำตอบ ฉันว่าฉันเล่นพอโอเคเลยนะ ไม่ได้อวยตัวเองนะเนี่ย “ไม่อ่ะ” เสียงเข้มจริงจัง ร่างสูงส่ายหน้าไปมา อารมณ์บ่งชัดว่าผิดหวังอย่างรุนแรง “เหรอคะพี่” ฉันพูเบาๆ แล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา น่าขายหน้าจริงๆ เลย พี่เขาอุตสาห์สอนฟรีแท้ๆ ยังเล่นไม่ได้เรื่องอีก ฉันนี่มันไม่เอาไหนเลยจริงๆ “…” ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากนั่งเงียบๆ ทบทวนตัวเอง “ไม่เสียแรงที่พี่ปั้นมากับมือ” คำพูดกลั้วหัวเราะดังขึ้น “พี่อชิ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง “พี่แกล้งหนูทำไม ตกใจหมดเลย ไอ้เราก็คิดว่าเล่นแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันว่าพร้อมกับย่นจมูกใส่ “ก็เรามันน่าแกล้งนิ ดูดิ แหย่นิดเดียวทำหน้าเศร้าเชียว ฮ่าๆ” ไม่ว่าเปล่า พี่อชิส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพี่เขาหัวเราะ “ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้นล่ะ” ชี้ใบหน้าตัวเองอย่างงงๆ “เวลาพี่อชิยิ้มและหัวเราะแบบนี้ น่ารักดีนะคะ” ฉันพูดไปตามใจคิด ก็มันรู้สึกแบบนี้จริงๆ นี่น่า บุคลิกของเขาแนวมาดนิ่งอยู่แล้ว ยิ่งทำขรึมทำเงียบแล้วก็ยิ่งดูน่ากลัว ซึ่งมันไม่เข้ากับใบหน้าหล่อหวานแบบเขาเลยสักนิด “หึ พี่ก็จะยิ้มและหัวเราะแบบนี้กับเฉพาะคนพิเศษเท่านั้นแหละ” น้ำเสียงราบเรียบ ผิดกับฉันที่กำลังทำหน้าไม่บอกบุญ หมายความว่ายังไงกันนะ คำว่า ‘คนพิเศษ’ เฮ้ ฉันไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะ แต่มันก็แอบอดคิดไม่ได้นี่น่า แต่มันก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นแหละ เพราะฉันรู้ดีว่าคนอย่างพี่อชิเขาไม่มีวันมองเด็กกะโปโลโนแนมแบบฉันหรอก เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เมื่อวันก่อนน่ะ ตอนที่ฉันมาถึงร้านช้ากว่าทุกวัน ฉันเห็นพี่อชิเขาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในร้าน เธอคนนั้นทั้งสวยและเซ็กซี่ซะจนฉันเองยังแอบอิจฉาเบาๆ ก็ต้องแน่อยู่แล้ว พี่เขาหล่อซะขนาดนั้น คนข้างกายของเขาก็ต้องเลิศและดูดีเป็นของธรรมดา “เหรอคะ” ฉันพูดแล้วอมยิ้มเจื่อนๆ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่เชื่อที่พี่พูดเหรอ” คนตรงหน้าถาม “คะ” ฉันทำหน้าไม่เข้าใจ เขาต้องการจะสื่ออะไรกันนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD