“ก็ที่พี่บอกว่า พี่จะยิ้มและหัวเราะให้กับเฉพาะคนพิเศษเท่านั้นไง ทำไม เราไม่เชื่อพี่เหรอ” พี่อชิขยายความ
“แล้วทำไมหนูจะต้องไม่เชื่อพี่ด้วยล่ะคะ”
“ก็พี่กำลังบอกเราอยู่ว่า เราน่ะเป็นคนสำคัญของพี่คนหนึ่ง”
เสียงเข้มเอ่ย ใบหน้าคมคายยิ้มมุมปาก
คนสำคัญของพี่คนหนึ่ง
“คะ” ฉันอึกอักเล็กน้อย ก็แหม โดนผู้ชายพูดใส่หน้าซะขนาดนี้ใครไม่ตกใจก็ดานชาเต็มทนแล้ว
“หึๆ ทำหน้าตกใจตลอดเลย” พี่อชิหัวเราะเบาๆ “ว่าแต่วันนี้ใครมารับ” พี่อชิถามต่อ อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาซะงั้น แต่ก็ดีนะ เพราะถ้ายังคุยเรื่องเดิมฉันว่าฉันต้องเผลอหน้าแดงแน่นอน
“วันนี้กลับเองค่ะ คุณพ่อไม่ว่าง” ฉันว่าแล้วยิ้มแหยๆ
“เหรอ ให้พี่ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันรีบโบกมือห้าม “พอดีหนูจะแวะไปเอาของที่บ้านเพื่อนก่อนน่ะค่ะ ไม่อยากรบกวนพี่อชิ”
เอาของอะไรกันล่ะ ฉันก็หาข้อแก้ตัวไปเรื่อย
“งั้นเหรอ” พี่อชิพยักหน้า ก่อนจะสบตากับฉัน “งั้นวันพรุ่งนี้วันเสาร์ เราว่างไหม”
วันเสาร์เหรอ จริงสิ พรุ่งนี้วันเสาร์แล้วนี่น่า สงสัยฉันเรียนหนักจนหลงลืมวันเดือนปีไปหมดแล้ว เฮ้อ ไม่ไหวนะสมอง
“คะ วันเสาร์ วะ ว่างค่ะ”
ยิ่งคุยกับพี่เขาฉันก็ยิ่งติดอ่างขึ้นไปทุกที
“ดีเลย ไปดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อย” พี่อชิยิ้มบางๆ
เมื่อกี้พี่เขาชวนฉันไปดูหนังเหรอ ดูหนังเนี่ยนะ
“…” ฉันยังคงอึ้งอยู่
“ทำไมล่ะ ไม่อยากไปดูหนังกับพี่เหรอ” คนร่างสูงเอียงคอถาม แววตาคมคายแอบแบ๊วพอประมาณ
“คะ?” ฉันเหมือนได้สติกลับมา “คือว่า…” จะให้ตอบว่าไงอ่ะ ตกลงเหรอ มันจะง่ายเกินไปไหม เราสองคนอยู่ในฐานะที่จะไปดูหนังด้วยกันได้เหรอ นี่ฉันสับสนไปหมดแล้วนะ
“ไม่อยากไปสินะ” พี่อชิสรุปเองเสร็จสรรพ
“ไม่ใช่ค่ะพี่” ฉันรีบแย้ง “หนูแค่เกรงใจพี่น่ะค่ะ”
“เกรงใจอะไร พี่เป็นคนชวนเราไปดูหนังนะ เราจะมาเกรงใจพี่ทำไมกัน” คนพูดส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “แล้วยังไง ตกลงจะไปดูหนังกับพี่ไหม”
“แล้วไปกี่คนอ่ะคะ สองคนเหรอ” ฉันชี้นิ้วไปที่เขาและฉันสลับไปมา
“สองคน ทำไมเหรอ” พี่อชิตอบด้วยท่าทางปกติ ผิดกับฉันที่เริ่มทำหน้าไม่บอกบุญ ไปกันสองคนเนี่ยนะ
“หรือว่าเราไม่สะดวกใจที่จะไปกับพี่สองต่อสอง” คนถามหรี่ตามองราวกับจับผิด
“ปะ เปล่าค่ะ หนูแค่…”
“แค่” คนตรงหน้าทวนคำ
“แค่ทำตัวไม่ถูกน่ะค่ะ ไม่เคยไปดูหนังกับใครตามลำพัง นอกจากเพื่อนที่สนิท” ฉันตอบพลางหัวเราะ
จะให้บอกยังไง ให้บอกว่า พี่คะหนูไม่ชินหรอกค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาหนูยังไม่เคยไปดูหนังกับผู้ชายสองต่อสองเลยค่ะ โดยเฉพาะผู้ชายโซแฮนด์ซั่มแบบพี่
ถ้าตอบอบแบบนี้ไปมีหวังฮากระจาย
“แล้วพี่ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดคนสนิทของเราเหรอ”
พี่อชิทำหน้าตาสงสัย เจอคำถามนี้ของเขาเข้าไปฉันก็ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“น่าน้อยใจนะ พี่ยังจัดว่าเราอยู่ในหมวดคนสำคัญของพี่เลย แต่เรากลับมองพี่เป็นคนอื่นซะงั้น” ร่างสูงเอาแต่พูดอยู่คนเดียว แถมยังตั้งท่าจะหมุนตัวเดินไปยังหลังร้านอีกต่างหาก
อะไรกัน พี่เขาโกรธฉันเหรอ ด้วยความที่คิดว่าคนตรงหน้าโกรธ ฉันจึงรีบเอื้อมมือไปจับแขนเขา
“อะไรกัน หัวก็ไม่ล้านสักหน่อยทำเป็นขี้น้อยใจไปได้”
ฉันว่าแล้วทำเสียงมุ่ย
“หือ แต้ะอั๊งพี่เหรอ” ถามด้วยสายตาล้อเลียน
“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว
น่าขายหน้าชะมัดเลยยัยเปียโน
“หนูไปดูหนังกับพี่ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบตกลง
“ถ้าไปเพราะความจำเป็น ไม่ได้เต็มใจจะไปก็ไม่เป็นไรนะ พี่ๆไม่ชอบบังคับใคร” พี่อชิพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แหม แต่เล่นพูดดักคอฉันมาซะขนาดนี้ แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ นอกจาก
“บ้าน่า หนูเต็มใจค่ะพี่ พี่นี่คิดมากจริงๆ ฮ่าๆ” ฉันแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน
“เราก็อย่าทำให้พี่คิดมากสิ”
“…”
สตั๊นไปสิบวิ เมื่อกี้พี่เขาพูดว่าอะไรนะ
“เอ่อ…”
“ปกติพี่ไม่ใช่คนงี่เง่านะ แต่ไม่รู้ทำไมพอเจอเราแล้วถึงชอบคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย กลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยไปซะงั้น เราเป็นแบบพี่ไหม” พี่อชิถามฉันหลังจากที่ร่ายยาว
“คะ?” ฉันทำหน้างง
“พี่ถามว่าเราเป็นเหมือนพี่ไหม” คนพูดยิ้ม
ทำไมช่วงนี้เขายิ้มให้ฉันเห็นบ่อยจัง
“ปะ เป็นอะไรคะ” เสียงของฉันสั่นชัดเจน
“ก็…” ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของฉัน ก่อนที่คนตัวโตจะค่อยๆ กระซิบคำพูดที่ทำให้ฉันล่องลอยอยู่บนอากาศข้างใบหูเล็ก
“คิดเรื่องของพี่ เหมือนที่พี่ชอบคิดเรื่องของเราไง” เสียงเข้มแหบพร่า
“…”
ฉันนิ่งงันอยู่กับที่
“ว่าไง เป็นหรือเปล่า”
เสียงหัวใจของฉันเต้นแรงและเร็วเสียจนฉันสัมผัสได้ มันเต้นดังขนาดนี้คนตรงหน้าจะได้ยินมันหรือเปล่านะ ? แล้วถ้าเกิดเขาได้ยินล่ะ ถ้าเกิดพี่เขาได้ยิน แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
“ไม่ตอบ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มาตอบพี่ด้วยนะ ว่าเราคิดเหมือนพี่หรือเปล่า”
“…”
“เปียโน”
เสียงหัวใจของฉันมันเต้นอีกแล้ว ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่กับพี่เขายิ่งฉันอยู่ใกล้ ยิ่งฉันพูดคุย ฉันยิ่งรู้สึกประหม่าและแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย อย่าบอกนะว่าฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้
พี่อชิ