บทที่ 5.1 - เป็นแฟนกันนะ (พี่อชิแอบหึงน้องเปียโน)

1017 Words
ณ ห้างสรรพสินค้า “เราอยากดูเรื่องอะไรล่ะ” คนตัวสูงหันมาถามฉันหลังจากที่เราทั้งคู่เดินมาถึงหน้าโรงหนัง ที่วันนี้แลจะหนาแน่นไปด้วยผู้คน “เรื่องอะไรก็ได้ค่ะพี่ หนูดูได้หมด” ไม่อยากเรื่องมากน่ะ พี่เขาอุตสาห์พามาเลี้ยงดูอะไรก็ได้ แต่จะว่าไปวันนี้คนเยอะเป็นพิเศษแฮะ ปกติวันอาทิตย์จะเยอะกว่านี่น่า สงสัยมีหนังเข้าเยอะมั้งคนก็เลยแห่กันมาดู “งั้นดูหนังเรื่องนี้นะ พี่กำลังอยากดูอยู่พอดี” พี่อชิชี้นิ้วไปที่ตัวอย่างของหนังเรื่องหนึ่งที่กำลังฉายชัดเต็มจอ ใบหน้าของฉันซีดเผือดทันทีที่เห็นมัน “พี่จะดูเรื่องนี้หรือคะ” “ทำไมอ่ะ เราไม่อยากดูเหรอ พี่เปลี่ยนเรื่องให้ได้นะ” “ไม่ต้องค่ะพี่ หนูดูได้ค่ะ ก็แค่…” หนังผีเอง “แค่อะไร” ใบหน้าหล่อเหลาสงสัย ก่อนจะทำสีหน้ารู้ทัน “หรือว่าเรากลัวผี” “เกลียดจริงคนรู้ทัน” ฉันทำหน้างอใส่ “แต่หนูดูได้ค่ะพี่ พี่ไม่ต้องซีเรียสหรอก” ก็พี่เขาอยากดูอ่ะเนอะ ฉันเองก็ไม่อยากทำตัวเรื่องมาก ดูๆ ไปเหอะ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้ดูคนเดียวแล้วกัน “โอ๊ย พี่ไม่ซีอยู่แล้ว เรากลัวนิ พี่ไม่ได้กลัว” พี่อชิตอบชัดเจน เจริญค่ะ ถ้าจะแคร์ฉันมากขนาดนี้อะนะ “งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อตั๋วก่อนนะ เราอยากนั่งตรงไหน” “ตรงไหนก็ได้ค่ะพี่” พี่อชิเดินไปจัดการซื้อตั๋วหนัง ส่วนฉันก็ทิ้งตัวนั่งรอพี่เขาตรงโซฟา เห็นทีพี่อชิคงต้องยืนนานหน่อยนะ เพราะอย่างที่บอกวันนี้คนค่อนข้างเยอะ แถวรอซื้อตั๋วจึงยาวเป็นพิเศษ “โทษครับ” ผู้ชายหน้าตี๋คนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉัน ในมือของเขาถือสมาร์ทโฟนมาด้วย “คะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา “น้องมีแฟนหรือยังครับ” “ยังไม่มีค่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง เขาก็ดูน่ารักดีนะ ถ้าเกิดเขาขอเบอร์ฉันขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะให้ เฮ้ แต่อย่าเพิ่งมองว่าฉันเป็นผู้หญิงไวไฟนะ แต่คนเรามันก็ต้องมีโมเม้นนี้กันบ้างไม่ใช่เหรอ ใช่ว่าเด็กนักเรียนมอปลายธรรมดาๆ อย่างฉันจะมีผู้ชายหน้าตาดีมาขายขนมจีบบ่อยนักนิ ขอบ้างอะไรบ้าง “พี่ขอเบอร์น้องได้ไหมครับ” พี่หน้าตี๋แจกรอยยิ้มหวาน “ดะ ได้ค่ะ ศูนย์ แปด หะ…” ฉันยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกขัดด้วยเสียงเข้มของคนที่คุ้นเคย “เสร็จแล้วเปียโน” พี่อชิที่ซื้อตั๋วเสร็จตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบเดินเข้ามาหาฉัน แต่ใบหน้าขี้เล่นของเขาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง เป็นอะไรของเขากันนะ “คะ?” “รีบเข้าโรงกันเถอะ อีกไม่กี่นาทีหนังก็จะฉายแล้ว นี่พี่ซื้อขนมที่เราชอบมาให้ด้วยนะ เวลานั่งดูหนังจะได้กินด้วยกัน สองต่อสอง” ประโยคหลังเหมือนพี่เขาจงใจเน้นเสียงเป็นพิเศษ “น้องครับ พี่ไม่เอาเบอร์แล้วครับ” อยู่ดีๆ พี่หน้าตี๋ของฉันก็ปฎิเสธที่จะขอเบอร์ฉันเฉยเลย เท่านั้นยังไม่พอ ร่างสูงยังเดินลิ่วไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำยังกับไม่เคยเดินเข้ามาขอเบอร์ฉันยังงั้นแหละ “อะไรของเขานะ” ฉันบ่นพึมพำ “ทำไม ชอบเหรอ?” พี่อชิถาม “ก็น่ารักดีค่ะ ตี๋ๆ ดี” ความจริงฉันชอบผู้ชายลักษณะแบบนี้แหละ มองแล้วมันน่ารักดี บางมุมก็ดูเท่ห์แบบปกป้องเราได้ แต่อ**บางมุมก็ออกแนวน่ารักๆ “พี่ก็ตี๋นะ ไม่เห็นชอบพี่บ้างเลย” “…” “ช่างเถอะ” พี่อชิสะบัดเสียงใส่ แล้วพูดต่อ “เข้าโรงกันเถอะ เดี๋ยวหนังฉายแล้วจะไม่ทัน” ว่าจบเขาก็เดินนำหน้าฉันไป ที่เขาพูดหมายความว่ายังไงนะ ทำไมพี่เขาถึงได้พูดแบบนั้นออกมา เขาต้องการจะสื่ออะไรเหรอ หรือว่าต้องการจะเช็คเรตติ้งเพื่อดูปฎิกิริยาของฉัน ไม่เข้าใจ ฉันไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ “ชอบทำให้ฉันคิดมากตลอด” บรรยกาศภายในโรงหนังเริ่มเข้าสู่ความเงียบไปโดยปริยายเมื่อหน้าจอใหญ่นั้นกำลังเริ่มฉายหนังผีที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ (แต่ฉันไม่นะ ฉันไม่ได้อยากจะดูเท่าไหร่) แค่เริ่มเรื่องมามันก็มีไอ้ผีบ้าที่ไหนก็ไม่รู้โผล่ออกมาตั้งสองตัว พวกฝรั่งนี่เขาทำหนังผีได้น่าสยดสยองจริงๆ เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่ค่อยอยากจะดูพวกหนังผีสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะไทยหรือเทศ “กลัวเหรอ นั่งนิ่งเชียว” พี่อชิกระซิบถามฉัน “เปล่าค่ะ” ใครว่าล่ะ ฉันนี่โครตกลัวเลย ที่นั่งนิ่งนี่ไม่ใช่อะไรหรอก กำลังรอทำใจกับจังหวะที่มันชอบเสียงดังให้คนดูตกใจเล่นเวลาเราเผลอ “ซบไหล่พี่ได้นะ ถ้าไม่อยากดู” คนพูดยิ้ม “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะพี่” ฉันยิ้มแหยๆ พี่อชิยักไหล่แล้วทำหน้าแบบชิวๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มสนใจหนังมากกว่าที่จะมานั่งจับผิดอาการไม่ปกติของฉัน มันมาหรือยังนะ ฉันรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่าง ฉากนี้แหละ ผีมันต้องออกมาฉากนี้แน่นอน เชื่อฉัน ผีมันจะต้องโผล่มาทำหน้าตาสยดสยอง แล้วหลอกนางเอกให้… “กรี๊ด!” ฉันกรีดร้องลั่นโรงหนังเมื่ออยู่ดีๆ ไอ้ผีบ้าก็โผล่มาแบบเต็มหน้าจอสี่เหลี่ยมกว้าง โชคดีนะที่ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่หลุดกรี๊ด เพราะบรรดาพวกผู้หญิงทั้งหลายเขาก็กรี๊ดเหมือนกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD