เป็นระยะเวลากว่าเจ็ดเดือนแล้วที่ฉันคบหาดูใจกับพี่อชิ ครั้งแรกที่พี่ซันรู้เรื่องหลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศ พี่ซันถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่อยากเชื่อว่าพี่อชิจะมาสนใจเด็กน้อยมอปลายอย่างฉัน แต่ก็นะ ระหว่างฉันกับพี่อชิมันเป็นไปแล้วนี่น่า บางครั้งฉันยังแอบขำเมื่อนึกย้อนไปถึงวันแรกๆ ที่เราทั้งคู่พบหน้ากัน ฉันมองเขาว่าเป็นผู้ชายที่เก่ง แถมยังพ่วงดีกรีความหล่อไม่แพ้ดาราอีกต่างหาก เผลอๆ พี่อชิอาจจะหล่อกว่าดาราชายบางคนด้วยซ้ำ
“เลิกเรียนกี่โมง พี่จะมารับไปทานข้าว” พี่อชิเอ่ยถามหลังจากที่ขับรถมาส่งฉันที่โรงเรียน
อย่าแปลกใจที่ว่าเขามาส่งฉันได้ยังไง นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันนัดให้พี่อชิมารอรับฉันตรงหน้าหมู่บ้านเหมือนทุกครั้ง ถึงจะคบกันมาเจ็ดเดือนแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้พ่อรับรู้อยู่ดี พ่อของฉันน่ะท่านค่อนข้างหัวโบราณพอสมควร ถ้ารู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสอง เกรงว่าท่านจะทำใจไม่ได้
แต่ถึงฉันจะไปไหนกับพี่อชิตามลำพังตามประสาคู่รักทั่วไป แต่เราสองคนก็ไม่เคยทำอะไรเสียหายนะ พี่อชิเขาเองก็ให้เกียรติฉันมาก ถึงแม้ว่าจะชอบแทะโลมฉันบ่อยๆ ก็ตาม
“สามโมงครึ่งค่ะ วันนี้อาจารย์ประชุมเลยเลิกไว” ปกตินี่สี่ห้าโมงเป็นอย่างต่ำ ไม่รู้ว่าจะให้เด็กเรียนเอาโล่หรือไง
“ดีเลย จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ” คนพูดหันมายิ้ม
“ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันงั้นแหละ เจอหน้ากันออกจะบ่อยด้วยซ้ำไป”
“อะไรๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลยนะ ตั้งแต่พี่ซันกลับมาอยู่ร้ามตามเดิม เราก็แทบไม่ค่อยได้จู๋จี๋ดู๋ดี๋กันเลย จะทำอะไรก็ต้องคอยเกรงใจสายตาพี่เขาตลอด” คนตัวโตบ่นอุบ
ก็จริงนะ ตั้งแต่ที่พี่ซันกลับมาอยู่ร้าน ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่โหมดปกติ ฉันไปเรียนกีตาร์กับพี่ซันมากขึ้น (แม้ว่าพี่อชิจะงี่เง่ามากก็ตาม) เวลาเจอกับพี่อชิก็พลอยลดน้อยลง
“แต่พี่เองก็ติดเรียน ติดทำโปรเจคนั่นนี่ไม่ใช่หรือคะ”
“ก็ใช่ แต่พี่ก็อยากอยู่กับเรานะ” ยังไม่วายอ้อนอยู่ดี
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง เย็นนี้เจอกันค่ะ” ฉันยกมือไหว้ร่างสูง ตั้งท่าจะลงจากรถเมื่อรถของพี่อชิจอดเทียบริมฟุตบาทหน้าโรงเรียน มือหนาดึงแขนเรียวของฉันเอาไว้เสียก่อน
“หอมก่อน” คำพูดสั้นๆ แต่เรียกความเขินอายให้กับฉันได้เป็นอย่างดี
“จะบ้าเหรอพี่ ที่นี่มันโรงเรียนนะ”
“เราอยู่ในรถไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครเห็น” พี่อชิอ้าง ก่อนจะยื่นแก้มขาวไร้สิวมาใกล้ใบหน้าของฉัน “น่านะ หอมพี่หน่อย”
บ้าที่สุดเลย ทำไมชอบเอาเปรียบฉันอยู่เรื่อยเลยนะ
“นิ่งๆ” คนพูดหรี่ตามอง “ถ้าไม่หอมแก้มพี่ พี่จูบปากจริงด้วย” พูดแล้วกัดริมฝีปากตัวเอง
“คนบ้า หยุดความคิดไปเลยนะ”
หื่นกามที่สุดอะ!
“ก็หอมสิ” พี่อชิเร่งเร้า
“…”
แต่ฉันยังคงนิ่ง จะบ้าเหรอ จะให้ฉันเป็นฝ่ายหอมผู้ชายก่อนเนี่ยนะ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแฟนของฉันก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่เคยทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้ อย่างมากฉันก็แค่เป็นฝ่ายจับมือเขาก่อน แต่ไอ้เรื่อง กอด หอม นี่เว้นไปได้เลย มีแต่เขานั่นแหละที่ชอบฉกฉวยโอกาสเวลาฉันเผลอ
“ถ้าพี่นับหนึ่งที่สามแล้วยังไม่หอมพี่จะจูบปากแล้วนะ” เขาทำหน้าตาจริงจังข่มขู่
“…”
“หนึ่ง”
“…”
“สอง”
“…”
“สะ”
“หอมก็หอม” สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายยอม
“ดีมากเด็กดี” ยื่นแก้มเข้าหาฉัน “เร็วๆ สิ นี่พี่รอนานแล้วนะ”
“รู้แล้วน่า” ฉันทำเสียงหงุดหงิด
เอาวะ หอมแก้มดีกว่าโดนแฟนหื่นจูบปากเอาล่ะนะ
ฟอด ฉันรีบหอมแก้มคนข้างกายด้วยความเร็วแสง เสมือนสายลมที่พัดผ่านมาแล้วเลยผ่านไป
“โหย ไรอะ แค่เนี้ย” พี่อชิโอดครวญ
“ค่ะ แค่นี้แหละค่ะ พอแล้ว” ฉันอมยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “พี่เอาเปรียบหนูมาเยอะแล้วนะ ไม่สนแล้ว จะไปเรียนแหละ เดี๋ยวสาย”
ฉันแลบลิ้นทิ้งท้ายใส่คนตัวโต ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถ ทิ้งให้ชายหนุ่มหน้าหล่อนั่งเอามือลูบแก้มตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“เปียโน ทำไมแกลงมาช้าจังวะ” พลอยใสที่ยืนรอเข้าโรงเรียนพร้อมเพื่อนอยู่นานเอ่ยถาม เธอเห็นรถของแฟนเพื่อนแล่นมาจอดตั้งนานแล้ว แต่เพื่อนสาวก็ไม่ยอมลงมาสักที เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนานจัง
“อ้อ พอดีว่าหาของนิดหน่อยน่ะ คิดว่าลืมเอากระเป๋าตังค์มา” ฉันหาข้ออ้างแก้ต่าง ใครจะกล้าบอกว่าไอ้ที่ช้าเนี่ยเป็นเพราะ อร๊าย ไม่เอา ไม่คิด
“เป็นอะไรเปียโน ทำหน้าเหมือนปวดขี้” พลอยใสว่า
“ไอ้บ้า!” ฉันแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะค่อยๆ เขยิบกายเข้าไปเดินใกล้ๆ เพื่อนสาว “พลอยใส”
“ว่า? เดี๋ยวนะ ทำไมแกต้องมาเดินใกล้ฉันขนาดนี้ด้วยเนี่ย อีกนิดก็จะสิงร่างฉันแหละ”
“แกฟังฉันก่อน” ฉันพยายามไม่สนใจคำพูดไร้สาระของมัน
“ว่ามาดิ”
“แกว่าถ้าฉันบอกพ่อเรื่องพี่อชิ พ่อจะโกรธฉันไหม”
“โกรธ” ตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“ไอ้เพื่อนบ้า แกพูดแบบนี้ได้ยังไงวะ” ฉันทำหน้าเศร้า
“งั้นไม่โกรธ” ยัยพลอยใสเปลี่ยนคำตอบ
“แกอย่ามาหลอกฉัน คนอย่างพ่อเนี่ยนะจะไม่โกรธ”