Friend relations
เพื่อน สำ พันธุ์
A episode ที่ 1
โดย GINOICHI
‘ใว้คุยกันที่บ้าน “
เอวา ข่มใจที่แตกร้าวให้นิ่งสนิท
‘ไม่เป็นไร ใช่ว่าครั้งแรก ใช่ว่าไม่เคยเห็น อดทนใว้ ทนให้ถึงที่สุด เรื่องแค่นี้เอง’
ร่างบางหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินหนี แต่ช้ากว่ามือหนา ที่รั้งใว้แน่น
“กลับด้วยกัน” ณภัทรเอ่ยเสียงเข้ม แววตาคมกริบที่เคยเย็นชา สาดประกายคมกล้าจนเอวาใจกระตุก แม้ความสำพันธุ์ของเราจะไม่ดีนัก แต่ณภัทร ก็ไม่เคยแสดงมันออกมาชัดเจน เท่าครั้งนี้
มือขาวนุ่ม ยื่นไปเปิดประตูรถคันหรู ก็พบว่าเบาะคู่หน้า มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
‘ ปริมกมล คนของเขา ที่เธอก็เคยเห็น’
เอวา ขยับมือ มาเปิดประตูเบาะหลัง ก่อนจะก้าวเข้ามานั่งเงียบๆ
ณภัทร มักจะแกล้งเธอทุกวัน และมันก็หนักข้อขึ้นทุกที อย่างเช่นครั้งนี้
“ขอโทษนะ ที่เรามานั่งแทนที่เธอ ไม่คิดมากใช่ไหม ที่ต้องนั่งเบาะหลัง”
ประโยคทักทาย ที่แสนจริงใจ(มั้ง) ถูกเอ่ยออกมาจากสาวตรงหน้า ตั้งแต่เอวา ยังก้าวขาขึ้นมาไม่ครบด้วยซ้ำ
ดวงตากลมโตกรอกไปมา ทั้งระอา ทั้งรำคารในคราวเดียวกัน
“เปลี่ยนมุขเถอะ คนเมื่อวานก็มุขนี้”
เอวา ว่าให้ อย่างไม่ใส่ใจ
ปรมกมล หน้าแดงซ่าน เหลือบตามองคนรัก ที่นั่งนิ่งไม่ทุกข์ร้อน อย่างเศร้าๆ
ณภัทร เบนสายตาหนี ไม่อยากต่อปากต่อคำ ทิ้งให้ทั้งรถจมอยู่กับความเงียบ
จนปริมกมล ที่ตั้งสติได้ เอ่ยออกมาก่อน
“ยังไงก็ขอโทษ ที่ปริมมานั่งตรงนี้ แทนที่จะเป็นเธอ”
เอวา กรอกตามองบน กับคนที่ไม่ยอมลดลาวาศอก ‘ก็ยังนะ ยังจะหาเรื่องเธอให้ได้’
“ไม่ได้รำบากอะไร ที่จริงก็แอบพอใจอยู่’
“ปกติก็นั่งเบาะหลัง”
ปริมกมลที่ได้ฟังดังนั้น ริมฝีปากนุ่มนิ่ม คลี่ยิ้มเยาะเบาๆ
“คิงส์ใจร้ายกับเอวา ขนาดนั้นเลยหรอ กับปริมไม่เห็นเคยทำ”
ณภัทร ปรายตามองกระจก ดูปฏิกิริยาคนหลังรถ ก็เห็นว่าเธอนิ่่งเหมือนทุกที ดวงตาคม จึงตวัดมองคนข้างๆ ในเชิงปราม แต่คงช้าไป เมื่อปริมกมล เอ่ยประโยคถัดมาที่ทำให้สถานการณ์ตรงหน้า อึดอัดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
“ปริมกับคิงส์ เราคบกันอยู่”
“ที่ตรงนี้ ต่อไป มันเป็นของเรา “
เอวา ชะงัก ไม่ใช่เพราะคำพูดก่อนหน้า แต่เป็นเพราะ ข้อมือของ ปริมกมล ที่ สวมใส่ กำไรแพนโดร่าของเธออยู่ เธอออกแบบมันมา และมัน มีเส้นเดียว
ใจที่ห่อเหี่ยวเดือดปุดๆ ตวัดตามองณภัทร ตากลมโตขุ่นขวาง
ณภัทรที่เหลือบมองอยู่ก่อนแล้วรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อเห็นปฏิกิริยานี้ของเธอ ‘นับว่าแปลก”
เอวา ยิ้มเย็น
“อย่าห่วงเรา เรื่องที่นั่งเลย”
“ถ้าโลกเธอกว้างอีกสักนิด เธอจะเข้าใจได้เอง ว่าทำไม เราเลือกนั่งเบาะหลัง แทนการไล่เธอลง ทั้งที่มันง่ายนิดเดียว”
“อ้อ..ที่เราบอกว่านั่งเบาะหลังบ่อย..ไม่ใช่แค่คันนี้ คันอื่นเราก็นั่ง เรามีคนขับรถ ชนชั้นเจ้านาย เธอเข้าใจไหม”
เสียงหวานนุ่มเอ่ยราบเรียบ ริมฝีปากบางเฉียบ คลี่ยิ้มเย็น จน คนสองคนที่อยู่เบาะหน้าเสียอาการ
ณภัทร กัด ฟันแน่น ไม่ต่างจากปริมกมล ที่จิกเล็บจนเข้าเนื้อ
“ก่อนจะเป็นห่วงใคร มีมารยาทให้ได้ก่อน ณภัทรเลี้ยงเธอไม่ดีรึไง ถึงกับต้องขโมยของฉัน”
เอวา เอ่ยเรียบๆ ทั้งที่ดวงตากลมโต จ้องมองข้อมือเรียวของอีกฝ่ายไม่ลดละ
ณภัทร ตากระตุก หลุบลงมองคนข้างๆ ขณะที่ปริมกมลหน้าซีด เมื่อเห็นว่าคนรักมีท่าทางแบบนั้น ณภัทร จึงเลือกปล่อยผ่าน ไม่สนใจจะเอาความต่อ ทั้งที่มีใครบางคนขู่ฟ่อๆ อยู่ด้านหลัง
เอวา ข่มใจที่เดือดปุดๆ
ท่าทางที่ณภัทรทำ เธอรู้ดี เขาเลือกแล้ว เลือกอีกคนที่ไม่ใช่เธอ
‘แล้วอีนั่นมันเป็นใคร ทำไมเราต้องยอม’
เมื่อเขาไม่คืนให้ ใช่เธอพิการเสียเมื่อไร ถึงทำอะไรด้วยตัวเองไปเป็น
ไวเท่าความคิด ร่างเล็ก โน้มตัวไปข้างหน้า กระชากเอาสร้อยข้อมือคืนมาแบบไม่กลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ และมัน ก็สมใจเธอ เมื่ออีกฝ่าย ข้อมือเล็กกว่าเธอมากอยู่ สร้อยข้อมืออันหรู จึงถูกรูดคืนได้แบบไม่ยากนัก แต่มันก็ทิ้งร่องรอยใว้ไม่น้อย
“โอ้ย!” ปริมกมลร้องเสียงหลง ไม่ต่างจากณภัทร ที่เบิกตาโพลง ไม่คิดว่าเอวาจะมาไม้นี้ คนหน้านิ่ง เทียบจอดรถข้างฟุตบาท คว้ามือคนรักมาดูอย่างเป็นห่วง
“ทำเกินไป ครั้งนี้”
ตาก็ดู ขณะที่ปากก็ปรามอีกคนไปพร้อมกัน
“เฮอะ!” เอวาเเค่นเสียง
“ก่อนจะว่าใคร สอนมารยาท หวานใจตัวเองก่อน พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนหรอ ว่าของคนอื่น อย่าไปอยากได้”
เธอว่าพรางกรีด เล็บเจลสีหวานที่ทำมาใหม่ขึ้นดู
ณภัทรยกยิ้ม
“รู้เหมือนกันหรอ ว่าของคนอื่น ไม่ควรอยากได้”
“ฉันก็เป็นของคนอื่น เผื่อเธอลืม”
เอวาสะอึก
ถามว่าเจ็บไหม ก็ไม่ แต่รู้ ว่าอีกฝ่ายก็รู้ ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทำไม ถึงมากล่าวโทษเธอมากกว่า
“ถ้าไม่มีปัญญาจะขัดขืน ก็อย่ามาวีน จำได้ว่าไม่เคยกราบขอร้องให้ต้องมารับ ถ้าทราบแล้ว วันหลังก็ไม่ต้องมา”
“แล้วกำไรนี่ มันปลอกคอหมา ไม่ใช่ของคน ป้ายก็มีบอกอยู่ ใครเห็น เขาจะหาว่า
เสล่อ”
พูดจบ ก็ปลดล็อคประตูลงไปด้านล่าง ไม่สนใจ สองคนข้างๆที่นั่งนิ่ง
ไม่ว่าณภัทรจะทำยังไง เอวา ก็ไม่เคยตายไมค์เลยสักที กลับกัน คนตัวเล็ก ตอบกลับเขาได้ถึงพริกถึงขึงทุกครั้ง เช่นครั้งนี้
ที่ตัวเขาแพ้ราบคาบ
“ทำไมถึงหยิบของเอวามา”
“ปริมกำลัง อยู่เหนือข้อตกลง”
ปริมกมล ก้มหน้านิ่ง
“ปริมก็ไม่อยากทำ แต่ปริมไปอยากเสีย
คิงส์ไป ปริมถึงต้องสู้ สู้เพื่อเอาคิงส์มาเป็นของปริม”
ณภัทร ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความรู้สึกที่มีต่อปริมกมล มันไม่น้อย แต่ก็ไม่มากพอ ให้เขาทิ้ง สิ่งที่พยายามมาทั้งชีวิตเพื่อเธอ
หากจะให้เล่าเรื่องเขากับเอวา มันง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ก็แค่คนเก่ง ที่พ่อแม่รวย แล้วดันซวยต้องหมั้นหมายกันเพื่อธุรกิจ ไม่ได้ฝ่ายไหนได้เปรียบเสียเปรียบ เหล่าคนอายุไปไกล เขาตั้งเป้าหมายให้เรื่อล่มในหนอง ขณะที่ลูกทั้งสอง แม้จะเป็นเพื่อนกันมานานปีก็ไม่มีท่าทีว่าจะลงให้กันไดั
ยิ่งเกิดเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ที่โคตรจะไม่ดีก่อนหน้าก็ยิ่งดิ่งลงเหว
เขาไม่ชอบเอวา เหมือนที่อีกฝ่ายจะไม่ชอบเค้า เพราะงั้น พอได้รับการแจ้งข่าว ต่างฝ่าย ก็ยิ่งปั้นปึ่ง
“ทำไมคิงส์ไม่คุยกับเอวาดีๆ ว่าคิงส์มีปริม คิงส์รักปริม”
ปริมกมลตัดพ้อ
หากแต่คนที่ถูกกล่าวถึง กับทอดสายตา มองคนที่เดินจากไปเงียบๆ เป็นปริมกมลเสียอีกที่ต้องมานั่งเจ็บใจ ซ้ำสอง นานหลายนาที กว่ารถคันหรูจะเคลื่อนออก ไปจบที่จุดหมายปลายทางเดิม ดอนโดที่เขา ซื้อให้ปริมกมลได้อยู่
“ค้างไหม” ปริมกมลถามเสียงแผ่ว
ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงสายตาเย็นชาที่อีกฝ่ายตวัดมองกลับมา ปริมกมลรู้ตัวได้ทันที ว่าไม่ควรเซ้าซี้ต่อ
ใบหน้าสวยคม โน้มตัวลงมาจูบแก้มสาก ก่อนจะก้าวลงจากรถ เธอยืนโบกจนชายหนุ่มขับรถออกไปจนรับสายตา จึงเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธเกรี้ยว