บทที่ 4 ในอุ้งมืออุ่น - 2

1609 Words
ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณของคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง ต้องรักเผลอตัวเงยหน้าขึ้นมองความหรูหราของอาคารเบื้องหน้าผ่านทางกระจกรถ คอนโดฯ แบบนี้เธอเคยเห็นโฆษณาตามหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์อยู่บ่อยๆ ในราคาที่แพงแสนแพง ยังอดคิดไม่ได้เลยว่าคนที่ตัดสินใจซื้อได้นี่คงจะเงินเหลือกินเหลือใช้น่าดู เพราะถ้าเป็นเธอคงชอบบ้านที่เป็นหลังมากกว่า แถมราคาขนาดนั้นน่าจะซื้อบ้านได้สองหลังเลยกระมัง ชัชวาลนำรถเข้าจอดในช่องส่วนตัว พอดีกับที่มือของหญิงสาวรับรู้ได้ถึงแรงบีบกระชับเบาๆ จากอุ้งมืออุ่นของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวหันมามองเขา เป็นเวลาเดียวกับที่เขาปล่อยมือ ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในรถกระทบเข้ากับมืออีกข้างของเธอพอดิบพอดีจนรู้สึกเย็นสะท้าน แต่มือข้างที่เพิ่งเป็นอิสระกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น อาจเพราะก่อนหน้านี้มีมือของเขาเกาะกุมไว้ตลอดทาง ชนาธิปเปิดประตูแล้วก้าวขาออกจากรถ ส่วนประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ถูกเปิดออกโดยมีชัชวาลยืนยิ้มบางๆ ส่งให้ ต้องรักจึงก้าวขาลงไปแล้วยืนเก้ๆ กังๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี “พวกนายไปพักผ่อนเถอะ” น้ำเสียงราบเรียบของคนที่เดินมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาว เอกรัฐกับชัชวาลค้อมศีรษะให้เจ้านายเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินห่างออกไป ทิ้งไว้แต่สองหนุ่มสาวที่ยังคงยืนนิ่งกันอยู่ข้างรถ “ว้าย!” จู่ๆ ร่างเล็กของหญิงสาวก็ถูกตวัดลอยหวือขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา จนต้องรักเผลอตัววาดแขนไปคล้องคอของเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก ก่อนจะละล่ำละลักบอกเขาอย่างเกรงใจ “ระ...รักเดินเองก็ได้ค่ะ” ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังสิ่งที่เธอร้องบอกเท่าไร เพราะร่างสูงใหญ่ของเขายังคงก้าวเดินดุ่มๆ ไปยังลิฟต์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า “เธอไม่ได้ใส่รองเท้า และเธอก็คงวิ่งเท้าเปล่าอย่างนั้นมาตั้งแต่ที่บ้านเลยใช่ไหม” เห็นสายตาของเขาที่มองมาต้องรักก็เผลอตัวยิ้มให้เขาพลางพยักหน้าช้าๆ เขาคงกลัวว่าจะเธอจะเจ็บเท้าจึงอุ้มเอาไว้อย่างนี้ “กดลิฟต์ให้หน่อยสิ” ใบหน้าคมก้มลงมาบอกคนในอ้อมแขนที่ยังหน้าแดงก่ำด้วยความประหม่าและเขินอาย หญิงสาวรับคำเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือข้างหนึ่งไปกดปุ่มเรียกลิฟต์ตามที่เขาสั่ง ทันทีที่กด ประตูลิฟต์ก็เปิดอ้าออกทันที ชนาธิปเดินเข้าไปด้านใน ต้องรักแปลกใจเมื่อพบว่าในลิฟต์นั้นมีปุ่มอยู่แค่สองปุ่มเท่านั้นคือเปิดกับปิด และสายตาที่เป็นคำถามของเธอก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของเขากระมัง เสียงทุ้มนั้นจึงชิงอธิบายก่อน “ลิฟต์นี้เป็นลิฟต์ส่วนตัว จะไปแค่ห้องพักของฉันกับที่จอดรถเท่านั้น” ลิฟต์พาทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง ชายหนุ่มก็ปล่อยให้ต้องรักได้ยืนกับพื้น ส่วนเขาหยิบกระเป๋าสตางค์จากกางเกงออกมาทาบลงไปบนแผงที่ติดอยู่ที่หน้าประตูจนได้ยินเสียงปลดล็อกดังขึ้นเบาๆ เขาเปิดประตูพร้อมกับรุนหลังของเธอให้เดินเข้าไปก่อนแล้วจึงเดินตามเข้ามาและปิดประตูลงตามเดิม ต้องรักยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดหรูหรา นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปรอบห้องอย่างตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้สัมผัสอะไรอย่างนี้มาก่อน จนกระทั่งเขาสัมผัสแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาแบบเดิม “ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน” เขาพูดพลางโอบไหล่พาเธอเดินไปยังห้องๆ หนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์เด่นหราอยู่กลางห้อง ส่งผลให้ร่างของต้องรักเกร็งค้างขึ้นมาชั่วขณะ “ห้องน้ำอยู่มุมนั้น คืนนี้เธอนอนห้องนี้แหละ มีปัญหาอะไรก็เรียกฉันได้ ห้องฉันอยู่อีกฝั่ง” เขาบอกราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร และมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกของเธอ “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณชนาธิป รักคงขอรบกวนคุณแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นแหละค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ และพอเงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาดำล้ำลึกของเขา เธอก็พานหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ “พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ตอนนี้เธอพักผ่อนก่อนเถอะ” ชายหนุ่มยิ้มบางๆ จนแทบมองไม่ออกว่ากำลังยิ้มอยู่ ทว่าเพียงแค่นั้นก็ทำเอาคนมองหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แม้ว่าตอนนี้เขาจะปิดประตูห้องให้แล้วก็ตาม ต้องรักเดินสำรวจห้องซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนของเธอประมาณสามเท่า เห็นตู้เสื้อผ้าแบบบิลต์อินตั้งใกล้กับห้องน้ำแต่ก็ไม่กล้าถือวิสาสะเปิดมันออกดู สุดท้ายจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวตามที่เขาบอก หญิงสาวตัดสินใจอาบน้ำทันทีเมื่อนึกถึงสัมผัสจาบจ้วงของดิลกเมื่อตอนอยู่ที่บ้าน แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงเกินทน ผิดกับสัมผัสอ่อนโยนของใครบางคนอย่างสิ้นเชิง เสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็หยิบชุดเดิมมาสวมใส่แล้วออกจากห้องน้ำไป เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ใจของหญิงสาวเต้นกระหน่ำขึ้นมาอีกรอบจนต้องยกมือขึ้นกดที่อกด้านซ้าย กระทั่งได้ยินเสียงเคาะอีกครั้งเธอจึงรีบสาวเท้าไปเปิดประตู จึงทันได้เห็นแผ่นหลังของคนเคาะที่กำลังทำท่าจะผละออกจากตรงนั้นพอดี “คุณชนาธิปมีอะไรรึเปล่าคะ” ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้เป็นปกติที่สุดแต่มือทั้งสองข้างนั้นเกาะประตูเอาไว้แน่น เขาหันหลังกลับมาแล้วเดินเข้ามาหาช้าๆ อย่างใจเย็น “นึกว่าหลับไปแล้ว ฉันแค่จะมาบอกว่าเสื้อผ้าในตู้เอาไปใส่ก่อนได้” ชายหนุ่มหยุดพูดไปชั่วครู่ เห็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นสูงจึงรู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ “เป็นเสื้อผ้าของฉันเองแหละ มันอาจจะตัวใหญ่ไปหน่อยถ้าเธอใส่ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้นะ” “ขอบคุณนะคะ ถ้าคุณไม่บังเอิญผ่านไปแถวนั้น ป่านนี้รักก็คงนอนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้นแน่ๆ” คิดแล้วก็รู้สึกใจหาย ถ้าหากคนที่มาเจอเธอเป็นพวกมิจฉาชีพหรือพวกขี้เมาหื่นกาม เธอจะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างก็สุดรู้ “อยู่กับฉันที่นี่เธอจะปลอดภัย ไปนอนเถอะ” พูดพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาแตะเบาๆ ที่พวงแก้มข้างหนึ่งของคนตรงหน้า ต้องรักเผลอตัวจับจ้องเข้าไปในนัยน์ตาดำสนิทของเขานิ่งนาน รู้สึกว่านัยน์ตาคู่นั้นเริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มที่แตะแผ่วลงมาบนริมฝีปากราวกับขนนกปัดผ่าน ส่งผลให้ร่างกายก่อเกิดกระแสความอบอุ่นวิ่งพล่านตั้งแต่บริเวณที่เขาสัมผัสระเรื่อยไปจนทั่วสรรพางค์กาย “ฝันดีนะ” เสียงแผ่วพร่าพูดชิดริมฝีปากก่อนที่คนพูดจะผละจากไปพร้อมกับปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย แต่หญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูราวกับสติที่กระเจิดกระเจิงเมื่อครู่นั้นยังไม่กลับเข้าร่าง หญิงสาวเผลอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตอนนี้ใบหน้าของตนกำลังยิ้มบางๆ อยู่ เมื่อกี้เขาจูบเราใช่ไหม... จากแค่ยิ้มก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มกว้าง น่าแปลกที่เวลาเขาทำอย่างนี้เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจเขาเลยสักนิด รู้สึกเพียงอย่างเดียวว่ามันอบอุ่นในหัวใจ และวูบวาบหวามไหวได้ทุกครั้งที่เขาแตะเนื้อต้องตัว “มาบอกให้เราฝันดี แต่ทำกันอย่างนี้แล้วจะนอนหลับไหมล่ะ” ต้องรักตัดพ้อกับประตูเบาๆ ก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง พยายามสลัดภาพความใกล้ชิดเมื่อครู่แต่ดูเหมือนจะทำได้ไม่ดีนัก และกว่าหญิงสาวจะผล็อยหลับไปได้ก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางของวันใหม่เข้าไปแล้ว ต้องรักลืมตาตื่นมาอีกครั้งตอนใกล้เที่ยง หญิงสาวเหลือบดูนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วก็เด้งตัวพรวดขึ้นจากที่นอนราวกับติดสปริง ร่างเล็กลนลานลงจากเตียงแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ แต่เข้าไปได้ไม่นานก็วิ่งกลับออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้พับผ้าห่ม หญิงสาวใช้เวลาจัดการตัวเองอยู่ในห้องน้ำไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เปิดประตูห้องนอนออกมา หวังในใจไว้ว่าคงจะเห็นร่างสูงสง่าของเจ้าของห้องนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ทว่ากลับไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD