2.วีระกรรมของเจ้านายน้อย

1710 Words
ในเวลาเดียวกัน ณ อีกมุมหนึ่งของจวนตระกูลฉี หลังกำแพงพุ่มไม้หนาทึบปรากฏความเคลื่อนไหวบางอย่าง ดวงตาดำขลับสุกสกาวทว่าแฝงแววซุกซนสองคู่กำลังจดจ้องผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้นั้น เป้าหมายคือกลุ่มขบวนนางกำนัลและเหล่าองครักษ์ที่เพิ่งก้าวเข้ามาภายในจวนตระกูฉี เจ้าของดวงตาทั้งสองคู่เห็นพ่อบ้านหลี่เดินนำนางกำนัลนับสิบออกมาจากเรือนใหญ่เพื่อรับรองแขกเหรื่อ ระหว่างรอว่าที่พระชายาแต่งองค์ทรงเครื่องเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินยังไม่เสร็จดี นางกำนัลสี่นางเดินนำหน้า ประคองถาดทองเหลืองบรรจุชุดน้ำชาอย่างระมัดระวัง ส่วนที่เหลือถือถาดผลไม้และของว่างติดตามมาติดๆ ท่วงท่าการก้าวเดินเยื้องย่างอวดทรวดทรงองค์เอวที่บิดไหวไปมาภายใต้อาภรณ์งดงามนั้น ช่างดูน่ามองยิ่งนัก เมื่อมาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้คุ้มกันขบวนทั้งหก พ่อบ้านหลี่ประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม เหล่าดรุณีต่างยอบกายทำความเคารพ ก่อนจะทยอยวางของว่างลงบนโต๊ะไม้จื่อถานทรงโบราณ แขกผู้มาเยือนทั้งหกล้วนดูสง่าผ่าเผยสมกับตำแหน่งชิงต้าฟู ในชุดเครื่องแบบทหารชั้นสูง พวกเขานั่งพักผ่อนอิริยาบถอยู่บนศาลาพักร้อนตามคำเชิญ ทว่าหลังพุ่มไม้นั้น อาถิง อยู่ในท่าหมอบคลานราบไปกับพื้นเพื่อทำตัวเป็นเก้าอี้มนุษย์ รองรับเจ้านายน้อย ฉีอันฉี ที่กำลังนั่งทับอยู่บนแผ่นหลังของเขา ทั้งสองเฝ้าสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบเชียบ อาถิงทนแบกรับน้ำหนักเจ้านายอยู่นานจนหลังแทบหักอยู่แล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจกระซิบถามเสียงเครือ “นะ...นายน้อยขอรับ พวกเราจะทำอะไรกันหรือขอรับ” คิ้วเข้มของบ่าวรับใช้ขมวดมุ่นด้วยความสงสัยครามครัน เหตุใดเจ้านายถึงเอาแต่แอบมองคนอื่นนานเพียงนี้ หรือนายน้อยอยากจะยลโฉมสาวงามเหล่านั้นหรือไม่ แต่ก็ไม่น่าใช่ ในเมื่อเขากับนายน้อยฉีอันฉีเพิ่งจะเลิกเปลื้องผ้าอาบน้ำในลำธารเมื่อไม่นาน ทั้งสองเพิ่งจะมีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น เป็นเพียงหนุ่มวัยกำดัดที่ยังโตไม่เต็มวัยหนุ่มด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ที่เจ้านายน้อยของเขาจะนึกพิศวาสสตรีที่ดูมีอายุมากกว่าตนเองหลายปีเช่นนั้น ส่วนฉีอันฉี กระโดดลงจากหลังบ่าว รีบย่อตัวลงนั่งยองๆ ยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากส่งเสียง “ชู่ว์!” เป็นเชิงสั่งให้เจ้าทาสโง่หุบปากเดี๋ยวนี้ อย่าได้เอะอะไป จากนั้นก็บุ้ยใบ้ไปทางขบวนคนเหล่านั้น... อาถิงรีบยกมืออุดปากตัวเองแน่น พยักหน้าหงึกหงัก เมื่อเห็นว่าทางสะดวก ฉีอันฉีจึงก้มตัวต่ำอย่างระแวดระวังไม่ให้ใครจับสังเกตได้ ก่อนจะรีบผลุบหนีออกไป อาถิงเห็นดังนั้นก็รีบคลานสี่ขาตามติดเจ้านายน้อยไปอย่างรวดเร็ว แผ่นอกแทบจะลากไปกับพื้นดิน ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ หนึ่งนายหนึ่งบ่าวก็มาถึงอุทยานหลังจวน ร่างเพรียวบางทว่าสมส่วนในชุดสีเขียวทิ้งกายลงนั่งบนม้านั่งยาวใต้ต้นท้อที่กำลังบานสะพรั่ง ยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยความเคยชิน คิ้วเรียวพาดเฉียงขมวดเข้าหากัน สีหน้าแสดงถึงว่าเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ‘วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของพี่หญิงกับองค์ชายอิ้งเยว่... องค์ชายผู้นั้น เลื่องชื่อในเรื่องคาวโลกีย์ แถมเขมือบไม่เลือก!’ เช่นนี้จะให้เขาวางใจได้เยี่ยงไรกัน ใครบ้างไม่รู้ว่าองค์ชายรูปงามผู้นี้ชมชอบการเด็ดดมบุปผาแรกแย้ม หรือพูดให้ถูกคือเป็นคน รักง่ายหน่ายเร็ว ในตำหนักไฉ่หงของเขาอัดแน่นไปด้วยอนุภรรยาจำนวนไม่น้อย ไม่รู้ว่าองค์ชายอิ้งเยว่ผู้มีน้องชายเป็นแท่งทองคำล้ำค่าผู้นั้นจะเชยชมพวกนางครบทุกนางหรือยัง ‘เหอะ!’ ยังมีข่าววงในลือหนาหูที่หนุ่มน้อยได้ยินมาไม่ขาดสายนั่นอีก พวกเขาลือว่า สตรีในวังหลังนั้นตบตีแย่งชิงความโปรดปรานจากพระสวามีกันไม่เว้นวัน มิหนำซ้ำสนมบางนางที่ทนความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างไม่ไหวเพราะถูกละเลย ก็หันมาสานสัมพันธ์กันเองระหว่างสตรีกับสตรี เพื่อระบายความคับแค้นใจ ‘ฮึ่ม! เรื่องราวเน่าเฟะเล่าลือมาไม่หยุดหย่อน’ ยิ่งคิด ฉีอันฉีก็ยิ่งไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าหลังแต่งงานไป พี่หญิงของเขาจะมีชีวิตเช่นไรบ้าง ดังนั้น... ‘ข้าจำเป็นต้องไปดูให้เห็นกับตา!’ หากองค์ชายอิ้งเยว่จอมเจ้าชู้ผู้นั้นปฏิบัติต่อพี่เยี่ยนฟางเป็นอย่างดีก็แล้วไปเถิด อย่างน้อยฐานะชายาเอกก็คงค้ำจุนนางให้อยู่สุขสบายได้ บุรุษหนุ่มน้อยพลิกกายสลับขาไขว่ห้าง เอี้ยวตัวหนีอาถิงที่ยืนบื้อใบ้อยู่ข้างๆ ‘ในทางกลับกัน หากองค์ชายอิ้งเยว่กล้ารังแกพี่สาวข้าขึ้นมาเล่า! ไม่ได้การ... ข้าไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด’ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัดกลุ้ม หากเขาจะติดตามไปอยู่ข้างกายพี่สาว ในตำหนักไฉ่หงย่อมมีที่ว่างพอสำหรับเขาแน่ แต่ปัญหาคือจะใช้วิธีใดเล่า? หากพี่หญิงรู้เข้า นางไม่มีวันยอมให้น้องชายไปเสี่ยงอันตรายในวังวนแก่งแย่งชิงดีนั่นเป็นแน่ อีกทั้งตำหนักไฉ่หงคือเขตพระราชฐานชั้นในที่มีแต่เหล่าสนม เขาเป็นบุรุษ จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปเดินลอยชายได้อย่างไร ใต้ต้นท้อ อาถิงยืนเกาหัวแกรกๆ เฝ้ามองกิริยาประเดี๋ยวลุกประเดี๋ยวนั่งของเจ้านายอย่างไม่เข้าใจนัก ที่แท้อีกฝ่ายกำลังคิดทำเรื่องพิเรนทร์อันใดอีกหนอ… เจ้าทาสรอได้ไม่นาน ฉีอันฉีก็พลันดีดนิ้วดัง เปาะ! “อาถิง ข้าคิดออกแล้ว!” “นายน้อย ท่านคิดอะไรออกหรือขอรับ” อาถิงรีบนั่งยองๆ ลงกับพื้น เกาะขาเจ้านายพลางแหงนหน้ามองอย่างใคร่รู้ “...” อันฉีไม่ตอบ แต่กลับยิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาวาววับจดจ้องบ่าวคนสนิทด้วยสายตามีเลศนัย อาถิงเห็นรอยยิ้มพิลึกพิลั่นนั้นแล้วพลันขนลุกชัน สังหรณ์ร้ายตีตื้นขึ้นมาทันที “นะ...นายน้อย ท่านมองข้าเยี่ยงนี้ คงมิได้คิด...” บ่าวหนุ่มได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่เรื่องวิปลาสอันใดหรอกกระมัง “อาถิง ข้าตัดสินใจแล้ว!” คุณชายน้อยผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันหน้ามาประกาศกร้าว “เจ้าจงไปหาอาภรณ์ของสตรีมาให้ข้า... เดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงนั้นเด็ดขาดจริงจังหาได้ล้อเล่นไม่ “หา! นายน้อย ท่านพูดอันใดออกมา! ข้า... อาถิงเป็นแค่บ่าวไพร่ธรรมดา หาได้มีมนต์วิเศษเสกของมาได้นะขอรับ ฐานะต่ำต้อยเพียงนี้จะไปหาชุดสตรีมาจากที่ใดได้ ทำไม่ได้... ข้าทำไม่ได้หรอกขอรับ!” อาถิงส่ายหน้าดิก ปฏิเสธเป็นพัลวัน ฉีอันฉีหาได้ยอมแพ้ไม่ เขายื่นใบหน้าหล่อเหลาสมวัยสิบหกเข้าไปใกล้เจ้าคนบังอาจ “เจ้าบอกว่าทำไม่ได้... อย่างนั้นรึ? หือ?” เอ่ยถามช้าๆ เน้นเสียงหนักแน่นเจือแววข่มขู่ “ไม่ได้! ทำไม่ได้แน่ขอรับนายน้อย” เจ้าทาสเอนตัวหนี เจ้านายน้อยยืดกายขึ้น แสยะยิ้มร้าย “ไม่ได้อย่างนั้นหรือ... หึ!” มือเรียวล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ท่ามกลางสายตาหวาดระแวงของอาถิง ฉีอันฉีคว้าลูกผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) ออกมา พร้อมกับดึงมีดสั้นเล่มงามที่พกติดตัวไว้เหนือรองเท้าหุ้มแข้งขึ้นมาด้วย คมมีดสะท้อนแสงตะวันวาววับจนอาถิงต้องหรี่ตา ฉีอันฉีปักมีด ฉึก! ลงบนลูกผิงกั่ว พลางปรายตามองเจ้าทาส “นะ...นายน้อย นี่ท่านกำลังขู่ข้ารึ?” มีดสั้นถูกดึงออกจากผลไม้ เปลี่ยนทิศทางมาชี้หน้าอาถิงแทน “หากเจ้าไม่อยากตาย ก็จงรีบไสหัวไปหาเสื้อผ้าที่ข้าต้องการมาให้ได้ มิเช่นนั้น... เจ้า!” เขาทำท่าปาดคอตัวเองประกอบคำพูด ก่อนจะอ้าปากกัดลูกผิงกั่วแรงๆ แล้วเคี้ยว กร้วมๆ เสียงดังเป็นพิเศษ “โธ่ นายน้อย ท่านคิดอะไรไม่ออก ไยต้องมาลงที่ข้าด้วย!” บ่าวรับใช้โอดครวญขอความเห็นใจ ทว่าอีกฝ่ายหาได้สนไม่ เขาถุยเปลือกผลไม้ทิ้ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าจะใช้วิธีใดก็สุดแล้วแต่เจ้า ขอเพียงหาชุดที่ข้าต้องการมาให้ทันเวลาก็พอ... เข้าใจหรือไม่?” ปลายมีดในมือขยับจ่อไปที่คอหอยของบ่าวคู่ใจเป็นการย้ำเตือน “ทะ...ทันเวลาหรือขอรับ?” “ไม่ผิด ทันเวลา! เจ้าต้องเร่งหาสิ่งที่ข้าต้องการมาโดยเร็ว ก่อนที่พี่หญิงของข้าจะถูกคนพวกนั้นพาตัวเข้าวังหลวง... ทีนี้เจ้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วใช่หรือไม่” “ขะ...เข้าใจ... เข้าใจแล้วขอรับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพอใจ เก็บมีดลงฝัก “ต้องอย่างนี้สิ” เขาตบไหล่อาถิงแรงๆ สองที “สมกับที่ข้าไว้วางใจ เจ้าอยู่ข้างกายข้ามานาน อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวังเชียวเล่า” สั่งความเสร็จสรรพ ฉีอันฉีก็ยัดลูกผิงกั่วแหว่งๆ ใส่มืออีกฝ่าย แล้วเดินผิวปากจากไป ทิ้งให้บ่าวผู้รู้ใจยืนเกาหัวแกรกๆ อย่างจนปัญญา ร่างผอมสูงอ่อนระทวยทิ้งกายลงนั่งบนม้านั่งแทนที่เจ้านาย แต่เล็กจนโตไม่เคยมีสักครั้งที่อาถิงจะรู้สึกสบายใจเหมือนคนอื่นเขา ทาสผู้ซื่อสัตย์พึมพำกับตัวเอง “นายน้อยนะนายน้อย... ท่านช่างขยันหาเรื่องมาใส่หัวข้าไม่เว้นแต่ละวัน” เจ้าโง่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนหลงผิดมานานเพียงใด ไม่น่าคิดติดตามรับใช้เจ้านายน้อยจอมแสบผู้นี้แต่แรกเลย คนหลงผิดกัดกินลูกผิงกั่วที่เหลือระบายอารมณ์จนหมดลูก พอกินหมดแล้วยังไม่หนำใจ จึงใช้สองมือขยี้หัวตัวเองแรงๆ เป็นการลงโทษความโง่เขลา “ฮึ้ย!” สุดท้ายก็ได้แต่กุมขมับอย่างคนคิดไม่ตกต่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD