ในเรือนหมู่ตานฮวา

1097 Words
..อีกมุมหนึ่งในอาณาเขตตำหนักไฉ่หง..ในเรือนหมู่ตานฮวานั้น นับว่างดงามทั้งกว้างใหญ่ไม่แพ้ตำหนักใดในวังแห่งนี้ ฉีเยี่ยนฟางแม้มีฐานะสูงส่งเป็นถึงชายาเอก อยู่เหนือสนมคนอื่นๆ ทว่านางกลับมิได้มีความภาคภูมิแม้แต่น้อย บอกไปใครจะเชื่อ ชายาป้ายแดงเช่นนางกลับถูกองค์ชายรองผู้เป็นสามีทอดทิ้งตั้งแต่คืนส่งตัวเข้าหอในวันนั้น ทั้งที่เมื่อก่อน ครั้งอาศัยอยู่แคว้นฉี หญิงสาวเคยได้รับคำยกย่องจากคนจำนวนมาก ต่างพูดว่าบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นฉี นับเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในแคว้นเลยทีเดียว สตรีอื่นก็อย่าหวังประชันโฉมกับนาง มาบัดนี้เล่า หญิงงามอันดับหนึ่งไฉนต้องมาถูกสามีหมางเมินถึงเพียงนี้.. ‘ข้าผิดเรื่องใดกัน’ นางเกลียดชังใบหน้านี้ของตัวเอง ‘งดงามแล้วมีประโยชน์อันใดเล่า เสด็จพี่ไม่คิดแตะต้องข้าด้วยซ้ำ ..’ ก่อนนี้นางเคยคาดหวังเอาไว้สูงมาก หากองค์ชายอิ้งเยว่หรือองค์ชายรอง ได้พบหน้าครั้งแรก เขาต้องตกตะลึงในความงดงามของนางจนตาค้างเป็นแน่ ทว่าเพียงเขาช่วยปลดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ผลออกมาเป็นอย่างไรนั้น ช่างน่าผิดหวังเสียนี่กระไร องค์ชายอิ้งเยว่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับนางอย่างเช่นบุรุษทั่วไปควรมีต่อภรรยา เขาเอาแต่นิ่งเฉยทั้งยังรักษาระยะห่างอีก ฉีเยี่ยนฟางยังจำคำพูดของเขาในคืนวันนั้นแม่น 'เจ้าเหนื่อยแล้ว เจ้าก็จงพักผ่อนให้สบายเถอะ' 'เสด็จพี่ รับสั่งเช่นนี้ หมายความเยี่ยงไรเพคะ หรือว่า จะไม่ทรงค้างแรมกับหม่อมฉันหรือเพคะ' 'ข้ามีเรื่องหนึ่ง สำคัญมาก ข้ามิอาจค้างแรมกับเจ้า ขอโทษด้วย' 'เสด็จพี่! ยังมีเรื่องอื่นสำคัญยิ่งกว่าฤกษ์เข้าหอของพวกเราหรือเพคะ' 'ถูกต้อง สำคัญยิ่ง..เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าเข้านอนเถอะ' พูดเพียงเท่านี้ เขาก็ออกจากห้องหอไปทั้งแบบนั้น แม้สุรามงคลก็ไม่ทันได้ดื่ม ปล่อยให้เจ้าสาวอย่างนางร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในห้องหอที่ทั้งหนาวทั้งเย็นลำพัง คนใจร้าย นางอยากเกลียดชังเขาเสียเหลือเกิน แต่กลับทำไม่ลง เพราะพ่ายแพ้ต่อรูปโฉมงดงามดุจเทพเซียนของอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว โดยเฉพาะตอนเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับนาง องค์ชายรองสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด ยิ่งเพิ่มสง่าราศีแลดูงามยิ่ง บุตรสาวเจ้าแคว้นฉีปฏิเสธมิได้ นางนั้นเป็นฝ่ายตกหลุมรักสามีก่อน แม้ถูกหมางเมินมาตลอด ฉีเยี่ยนฟางก็หาได้ยอมแพ้ไม่ สักวันต้องทำให้เขาหันกลับมามองนางให้จงได้ จึงอดทนอยู่อย่างมีหวังมาจนถึงทุกวันนี้ ..เสี่ยวซินประคองถาดใส่ผลไม้และขนมกุ้ยฮวาหน้าตาน่ากินออกมาจากเรือนครัว เดินลัดเลาะบนถนนแคบสายหนึ่ง สองข้างทางมีดอกหมู่ตันสีเหลืองและสีแดงปลูกแซมทั้งสองฝั่ง บ่าวรับใช้ยิ้มหน้าบาน เมื่อเข้าใกล้พระชายา ร่างบางค่อยประคองถาดใส่ผลไม้และขนมลงบนโต๊ะข้างกายเจ้านาย “พระชายา เสวยสักหน่อยนะเพคะ ผลไม้นี้รวมถึงขนมกุ้ยฮวา หน้าตาน่ากินไม่น้อยเพคะ" ฉีเยี่ยนฟางเหลือบมองสิ่งที่สาวใช้นำมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนยอมยื่นมือหยิบขนมน่ากินที่ว่านั้นขึ้นมากัดกินคำหนึ่ง แล้วถือส่วนที่เหลือไว้ในมือ “เสี่ยวซิน ถึงตอนนี้ ไม่รู้ท่านพ่อท่านแม่ของข้า พวกเขาเป็นอย่างไรแล้ว” นางบ่าวขมวดคิ้วทั้งทำหน้าสงสัย “พระชายา ท่านคิดจะกลับแคว้นฉีหรือเพคะ” ใบหน้าซีดเซียวพยักขึ้นลงเบาๆ “ไม่ผิด พี่ใหญ่ อันอันด้วย ไม่รู้ป่านนี้พวกเขาเป็นเช่นไร เจ้าก็รู้ ข้ามาอยู่นี่หลายวันแล้ว” “จะกลับไปได้เยี่ยงไรเพคะ ในเมื่อองค์ชายรอง สามีของท่านไม่คิดนำพา” “สามีของข้า ไม่ไยดีข้าแม้แต่น้อย” เสียงของชายาฟังดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก “เสี่ยวซินรู้เพคะ แต่เพราะเหตุอันใดเล่า องค์ชายรองเป็นเยี่ยงนี้ เสี่ยวซินคิดว่าต้องมีเหตุผลแน่เพคะ” ฉีเยี่ยนฟางขมวดคิ้ว หันมามองอีกฝ่าย “เจ้าคิดเช่นนั้นจริงหรือ?” “เพคะ ชายาของหม่อมฉัน มีความงามปานนี้ บุรุษใดในใต้หล้าหากได้เห็น ต่างก็ต้องตกหลุมรักกันทั้งนั้น” “นั่นเป็นคนอื่น ไม่ใช่กับสามีของข้า” เสียงนี้ฟังดูยิ่งเศร้าสร้อยหนักขึ้น “ต้องมีทางเป็นไปได้สิเพคะ ก่อนอื่นเราต้องค้นหาปัญหานั้นให้พบก่อน ไฉนองค์ชายอิ้งเยว่จึงเมินเฉยต่อพระชายา” ขณะสองนายบ่าวปรึกษาหารืออยู่นั้น ก็มีนางกำนัลผู้หนึ่งก้าวเข้ามา นางยอบกายคารวะอย่างนอบน้อม เอ่ยว่า “พระชายา เพคะ” “เจ้ามีเรื่องใด?” “หม่อมฉันมีเรื่องมาทูลเพคะ” “เรื่องใดกัน?” “องค์ชายรองมีประสงค์จะทรงเสด็จมาร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำพร้อมพระชายาเพคะ” ฉีเยี่ยนฟางถึงกับหน้าตาตื่นในสิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้ยิน “เจ้าว่าอะไรนะ! เจ้าว่าผู้ใดจะมา?” เดือดร้อนถึงเสี่ยวซินช่วยทวนคำนางกำนัลอีกแรง “พระชายา องค์ชายรองจะเสด็จมาร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำพร้อมพระชายาเพคะ” ฉีเยี่ยนฟางเพื่อให้แน่ใจว่าตนมิได้ฝันไป รีบยิกแก้มตัวเองแรงๆ “โอ้ย เรื่องจริงหรือนี่" เสี่ยวซินยิ้มพราย พลางผงกหัวหงึกหงัก "เรื่องจริงเพคะ" "เช่นนั้น เร็วเข้า รีบพาข้าเข้าไปแต่งตัวเสียใหม่ ชุดนี้งามไม่พอ เสด็จพี่ต้องไม่ชอบแน่..เสี่ยวซิน เขาจะมาแล้ว เจ้ารีบเลือกเฟ้นหาอาภรณ์ดูดีกว่านี้มาให้ข้า" แล้วหันไปสั่งการนางกำนัลที่มาส่งข่าว "ส่วนเจ้า รีบนำคำข้าไปบอกเรือนครัว จงคัดเอาแต่อาหารพิเศษส่งมาที่นี่เถิด อ้อ! แล้วเลือกเฉพาะที่ถูกปากสามีของข้าเท่านั้นล่ะ” “เพคะ ชายา” นางกำนัลผู้มาส่งข่าวยอบกายคารวะหลังรับคำก่อนไป นางเดินไปแล้วจึงหันมาทางเสี่ยวซิน “เสี่ยวซิน เร็วเข้ารีบมาประคองข้าลุกขึ้นสิ” “พระชายา ค่อยๆ เพคะ อย่ารีบ” บ่าวรับใช้เกรงว่าหากพระชายาของนางตื่นเต้นเกินไปอาจทำให้อาการป่วยที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดกำเริบเอาได้ “เจ้าอย่าห่วงเลย ข้าไม่เป็นไรสักหน่อย” “เพคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD