อรุณรุ่งแห่งความลับ

1912 Words
เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยลาลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว รุ่งอรุณแห่งวันใหม่ก็มาเยือน องค์รัชทายาทโจวเจี้ยนกั๋วออกแรงผลักบานหน้าต่างคู่ให้แย้มออกอย่างแผ่วเบา เพื่อต้อนรับอากาศบริสุทธิ์ภายนอกตำหนักให้โชยเข้ามาในห้องบรรทม ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี้เอง ทำให้ร่างบางที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าแพรสีสดบนเตียงเริ่มขยับกายยุกยิก องค์รัชทายาทชะเง้อดู พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างนั้นยังคงหลับตาพริ้มไม่ไหวติง “ข้าคงไม่เผลอทำให้เจ้าตื่นกระมัง” เขาพึมพำกับตัวเอง ฉีอันฉี ในชุดอ่อนสีขาว เดิมทีหลับใหลอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มกว้างขวางอย่างสบาย พอรู้สึกตัวตื่นก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ กลิ่นหอมที่โชยเข้าจมูกยามนี้นั้น คือกลิ่นหอมของดอกเหมย ซึ่งเขาไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย อีกทั้งเตียงนอนยังให้ความรู้สึกแปลกแยกยิ่งนัก ‘ที่นี่... ไม่ใช่ห้องพักของข้า! เช่นนั้น ที่นี่คือที่ใดกัน?’ เขาคิดในใจทั้งที่ยังรู้สึกหนักอึ้งบนเปลือกตา สองวันก่อน องค์รัชทายาทเจี้ยนกั๋วได้พาสหายน้อยที่สลบไสลในอ้อมแขนมายังเรือนหลังเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตำหนักตงหยางพอสมควร สถานที่แห่งนี้เป็นที่ส่วนพระองค์ มีไว้สำหรับเก็บตัวเมื่อมีเรื่องราววุ่นวายใจ เป็นที่พิเศษที่แม้แต่พระมารดาหากไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้ามา แพขนตางอนของคนพยายามฝืนลืมตาเปิดปรือทีละน้อย ในที่สุดดวงตารีเรียวดุจเมล็ดซิ่งก็มองเห็นสิ่งตรงหน้า ทว่าเป็นเพียงภาพพล่าเลือน นายน้อยตระกูลฉีกะพริบตาปริบๆ เพื่อปรับการมองเห็นอีกครั้ง ไม่นานความพร่าเลือนก็จางหายไป เหลือไว้เพียงผ้าม่านสีเหลืองสดที่อยู่เหนือขึ้นไป “ข้าอยู่ที่ใด?” หนุ่มน้อยพยายามพยุงตัวลุกขึ้นนั่งด้วยตนเอง ทว่าความปวดร้าวบริเวณบาดแผลบนแผ่นหลังยังคงหนักหนา เพียงขยับตัวนิดเดียวก็ถึงกับหลุดปากร้อง “โอ๊ย!” ออกมา ร่างสูงสง่าที่เดิมทีหันหลังให้พลางทอดสายตามองออกไปนอกห้องบรรทม ขณะยืนชิดริมหน้าต่าง พลันเอี้ยวตัวกลับมา “เจ้าตื่นแล้วหรือ” องค์รัชทายาทย่างกายเข้ามาใกล้ ช่วยประคองร่างที่อยู่ในอาการงงงวยให้ลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ มือขวาช่วยดึงหมอนมาหนุนช่วงบั้นเอวให้เด็กน้อยอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไร” ฉีอันฉีมีสีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก ยกมือขึ้นป้องระหว่างคิ้ว พูดว่า “หม่อมฉันเวียนหัวเพคะ” “บาดแผลของเจ้า เป็นเช่นไรบ้าง” “เจ็บ... หม่อมฉันยังเจ็บเพคะ” องค์รัชทายาทเลิกคิ้วมองอย่างรู้ทัน “เจ้าเลิกพูดเป็นสตรีกับข้าได้แล้ว ดูเจ้าสิ เสื้อผ้าบนร่างกายของเจ้า ข้าเป็นคนเปลี่ยนมันให้เจ้าเองกับมือเลยนะ” “หา! ท่านว่าอะไรนะ!!” มิเพียงตกใจ ฉีอันฉีรีบก้มมองสภาพตนเอง ตอนนี้เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มกายได้เปลี่ยนจากชุดสตรีเพศมาเป็นชุดอ่อนสีขาวสำหรับบุรุษเสียแล้ว เช่นนี้... ‘หมดกัน! ความลับของข้า!’ “เสื้อผ้าชุดนี้ของข้า ข้ายกให้เจ้า” องค์รัชทายาทยิ้มกว้าง แม้จะจับได้ว่าสหายน้อยของเขามีความผิดใหญ่หลวงฐานหลอกลวงเบื้องสูง หากแต่เขาหาได้ถือสาไม่ กลับทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น “อะ... องค์รัชทายาท ทรงทราบหมดแล้วหรือ? พ่ะย่ะค่ะ” “ข้าย่อมรู้ว่าเจ้าเป็นบุรุษเพศแต่แรกแล้ว ทำไม? เจ้าคิดว่าจะตบตาคนอย่างข้าได้เช่นผู้อื่นอย่างนั้นเรอะ!” เมื่อความลับถูกเปิดโปงและความรู้สึกอับจนหนทางเข้าครอบงำ ฉีอันฉีจำต้องยอมรับความจริง เขาประสานมือคารวะทันที “ตอนนี้ร่างกายของกระหม่อมเจ็บหนักเหลือเกิน แม้กระหม่อมอยากลงจากเตียงรีบโขกศีรษะสำนึกผิดต่อหน้าพระพักตร์ แต่ก็มิอาจทำได้ดังคิด ขอองค์รัชทายาทได้โปรดสั่งลงโทษกระหม่อมภายหลังเถิดพ่ะย่ะค่ะ” “ฮ่าๆ เจ้าเด็กแสบนี่ เจ้าเจ็บตัวเพราะข้าถึงเพียงนี้ ถือว่าความผิดของเจ้าลบล้างกันไปเถอะ ข้าจะไม่เอาผิดกับเจ้า เพียงแต่...” “เพียงแต่หรือ? พ่ะย่ะค่ะ” “ข้าเพียงกังขาเท่านั้น เจ้าไม่รู้หรือว่าการปลอมเป็นสตรีลักลอบเข้ามาอยู่ในวังหลัง มีโทษเช่นไร?” เด็กหน้าหน้ารีบพูดหาทางออกให้ตัวเอง “กระหม่อมคงไม่ถูกรัชทายาทเอาผิดถึงขั้นสั่งประหารกระมังพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทยื่นมือเข้าใกล้ ดวงตาคมปลาบจ้องหน้าฉีอันฉีในระยะประชิด จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจระหว่างกัน “เจ้ากลัวตายรึ?” “ทูลองค์รัชทายาทตามความจริงพ่ะย่ะค่ะ… กระหม่อมอายุแค่เพียงสิบหก ลูกเมียก็ยังไม่เคยมี... ในฐานะเป็นบุรุษเช่นเดียวกัน กระหม่อมจึงได้แต่หวัง องค์รัชทายาทจะเห็นใจในข้อนี้ ได้โปรดกรุณาไว้ชีวิตกระหม่อมสักครั้งพ่ะย่ะค่ะ” “เฮ๋! เจ้าอายุแค่สิบหก ไฉนคิดเรื่องมีเมียเล่า... แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ เอาไว้ก่อนก็ได้ เช่นนั้นเจ้ารีบพูด เหตุใดเจ้ายอมปลอมเป็นสตรีเข้ามาอยู่ในที่ที่อันตรายนานถึงเพียงนี้ เจ้ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่? ต่อหน้าข้าเจ้ารีบพูดมาให้หมด” พอได้ยินคำถามจากสหายผู้สูงส่งของเขา อันฉีก็คิดขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง “จริงสิ! พี่หญิงของกระหม่อม อีกทั้งพี่เขยของกระหม่อมด้วย... เอ่อ กระหม่อมหมายถึงคนผู้นั้นจะเสด็จมาเรือนหมู่ตานฮวาของพี่หญิง กระหม่อมต้องรีบไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง จึงจะเบาใจได้พ่ะย่ะค่ะ... กระหม่อมต้องไปแล้วจริงๆ วันหน้าค่อยกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดภายหลัง ขอองค์รัชทายาททรงโปรดอภัยด้วย” เขาไม่เพียงพูด แต่ยังพยายามไถลตัวลงจากเตียง พอลงถึงพื้นได้สำเร็จ ฉีอันฉีไม่ลืมก้มมองอาภรณ์ห่อหุ้มกายตน “เสื้อผ้าของกระหม่อมอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” “นั่นเจ้าจะรีบไปไย” “กระหม่อมมีเรื่องด่วนต้องไปทำนี่” ฉีอันฉีที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ถึงกับซวนเซยืนแทบไม่ไหว ได้แต่ใช้สองมือเกาะผนังไว้เพื่อช่วยพยุงร่างกายไม่ให้ล้มพับลงไปกองกับพื้นเสียก่อน “ช้าหน่อย เจ้าเด็กดื้อด้านคนนี้! เจ้ากำลังมีไข้อยู่นะ!” น้ำเสียงนั้นดุดันพอควร “กระหม่อมไม่เป็นไร องค์รัชทายาทไม่ต้องห่วงใยกระหม่อม” “เจ้ารีบร้อนถึงเพียงนี้ หรือว่าเจ้ากำลังหมายถึง... เรื่องด่วนของเจ้าเมื่อสองวันก่อนใช่หรือไม่?” เพียงได้ยินคำพูดส่งท้ายจากองค์รัชทายาทเจี้ยนกั๋ว อันฉีถึงกับสะดุดกึก หยุดทุกความเคลื่อนไหวทันที คิ้วโก่งดุจคันศรขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเล็กเรียวเต็มไปด้วยความสงสัยว่าตนได้ยินผิดไปหรือไม่ “ทรงรับสั่งว่ากระไร? พ่ะย่ะค่ะ” “เจ้าคงไม่รู้ล่ะสินะ เจ้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว หากเจ้าไม่รู้ ข้าก็จะบอกเจ้าให้ สองวันสองคืนเต็มๆ เลยนะ” “หา!” “ทำไม... เจ้ารู้อย่างนี้แล้ว เรื่องด่วนของเจ้า คงไม่ด่วนแล้วกระมัง” หนุ่มน้อยเกิดอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมทันที เขาเอามือกุมขมับที่กำลังเต้นตุบๆ เพราะพิษไข้เอาไว้ “เรื่องสำคัญเยี่ยงนี้ กระหม่อมพลาดได้อย่างไรกัน!” หนุ่มน้อยนึกโมโหตัวเองยิ่งนัก ที่มิอาจทนทานเพียงถูกแส้เฆี่ยนตีจากมือสตรีผู้หนึ่งได้ ทำให้เขาพลาดโอกาสได้เห็นพี่หญิงของเขาสมหวังในรักกับสามีของนางด้วยตาตัวเอง “เจ้าเป็นอะไรอีก” “กระหม่อมไม่เป็นไร ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ทรงห่วงใยกระหม่อม” “หากเจ้าไม่ต้องการเห็นข้าห่วงใย เจ้าก็รีบขึ้นเตียงนอนรักษาบาดแผลบนหลังของเจ้าต่ออีกหน่อยเถอะ ที่แห่งนี้เจ้าไม่ต้องห่วง ตำหนักเป็นของข้า หากข้าไม่อนุญาต ผู้ใดก็เข้ามาไม่ได้” ฉีอันฉีส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีจากสหายสูงศักดิ์พร้อมยืนยันคำเดิม “กระหม่อมต้องไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “เจ้าเด็กดื้อ! ไฉนเจ้ายังรีบร้อนอีกเล่า” เขาถอนใจแล้วพูดต่อ “เอาเถอะๆ ร่างกายของเจ้า เจ้าไม่ห่วงก็แล้วไปเถอะ หากเจ้าจะไปให้ได้ ข้าก็จะไม่รั้งเจ้าไว้ เอาอย่างนี้ ข้าจะให้คนไปส่งเจ้าที่ตำหนักไฉ่หงดีหรือไม่?” “ขอบพระทัยในความหวังดีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกลับเองได้ เพียงแต่... เสื้อผ้าของกระหม่อม...” “เจ้าต้องการชุดนางกำนัลถูกหรือไม่” อีกฝ่ายพยักหน้ารับไปตามตรง แม้องค์รัชทายาทจะทราบเรื่องแล้ว เขามิใช่สตรี หากแต่ฉีอันฉียังต้องปลอมเป็นสตรีต่อไปเพื่อตบตาผู้อื่นอยู่ดี ตราบเท่าที่เขายังอยากแฝงตัวอยู่ในตำหนักไฉ่หง หรือจนกว่าจะแน่ใจว่าพี่หญิงของเขานั้น ได้อยู่อย่างสงบไร้เรื่องราวใดๆ มากล้ำกราย ซึ่งอาจทำให้นางต้องลำบากทั้งกายและใจ หากถึงตอนนั้นน้องชายอย่างเขาจึงจะวางใจ และยอมจากไปได้อย่างไม่ต้องมีห่วง องค์รัชทายาทตบมือสองครั้ง ก็มีนางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามา นางมาพร้อมพานสีเงินใส่อาภรณ์ที่หนุ่มน้อยต้องการ เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์รัชทายาท นางจึงยอบกายทำความเคารพ พลางก้มหน้า ขณะสองมือประคองพานนั้นยื่นมาให้ องค์รัชทายาทรับอาภรณ์นั้นมาไว้แล้ว “เจ้าออกไปเถอะ” “เพคะ” นางกำนัลถอยออกไปแล้ว องค์รัชทายาทส่งอาภรณ์มาให้หนุ่มน้อยด้วยรอยยิ้ม “เสื้อผ้าที่เจ้าต้องการอยู่นี่ เจ้ารีบรับไปสิ” หนุ่มน้อยรับสิ่งที่ต้องการมาไว้ในมือ พูดว่า “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้... อีกทั้งกระหม่อมยังหวังว่า องค์รัชทายาทจะทรงโปรด...” “เจ้าอยากบอกข้า อย่าได้แพร่งพรายความลับของเจ้าให้ผู้อื่นล่วงรู้ล่ะสิ” ทรงกล่าวอย่างรู้ทัน ฉีอันฉีได้แต่พยักหน้าซีดเซียวยอมรับไปตามตรง “เช่นนั้น ถือว่าเจ้าติดค้างบุญคุณข้าแล้ว พูดสิ ภายหน้าเจ้าจะตอบแทนข้าเช่นไร” พระพักตร์งดงามนั้นแฝงไว้ซึ่งความเจ้าเล่ห์ “เมื่อถึงเวลานั้น กระหม่อมย่อมชดใช้ให้องค์รัชทายาทแน่ เพียงรับสั่งความประสงค์ออกมาให้กระหม่อมรับรู้” “นี่ถือเป็นคำมั่นสัญญาของเจ้าแล้วสินะ” “พ่ะย่ะค่ะ” “เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าก็รีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ข้าจะออกไปแล้ว หากวันหน้าเจ้าอยากมาพบข้าที่นี่ เจ้าก็มาได้ทุกเมื่อนะ ข้าอนุญาต” “กระหม่อมขอบพระทัย” “พอแล้วน่า นับดูซี้ ตั้งแต่เจ้าฟื้นขึ้นมา เจ้าก็เอาแต่พูดว่าขอบพระทัย ขอบพระทัยกับข้ากี่ครั้งกี่หนแล้วเล่า... เฮ้อ! เด็กน้อย มีนิสัยดื้อรั้นเช่นเจ้า ยอมลงให้ข้าง่ายๆ เช่นนี้ มันจะไปสนุกอะไร ขอเพียงเวลาอยู่ต่อหน้าข้า เจ้าแค่เป็นตัวเองก็นับได้ว่าตอบแทนบุญคุณข้าแล้วส่วนหนึ่ง ที่เหลือเจ้าค่อยตอบแทนข้าภายหลังเถอะ ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?” “น้อมรับคำบัญชา กระหม่อมฉีอันฉีจะไม่ลืมแน่ พ่ะย่ะค่ะ” “ดี! ต้องอย่างนี้สิ สหายน้อยของข้า ฮ่าๆ” ทรงขบขันเสียงดังอยู่นั้น ใครจะไปคาดคิดว่าเจ้าเด็กที่มุ่งมั่นจะไปให้ได้ กลับไร้เรี่ยวแรง หน้ามืดตามัวขึ้นมาเฉยๆ พอฝืนเดินไปได้เพียงสองก้าว ฉีอันฉีกลับเป็นลมล้มตึงนอนราบกับพื้นต่อหน้าต่อตา ทำเอาองค์รัชทายาทแข็งค้างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เปล่งเสียงว่า “อ้าว!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD