โบยบิน

2518 Words
@สถานีขนส่งหมอชิต พอผมก้าวลงจากรถโดยสาร ผมก็ยืนหมุนอยู่หลายรอบ ไม่รู้จะไปทางไหนดี ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้แล้วแต่ละคนจะรีบไปไหนกัน บ้างก็เดินเร็วๆ บ้างก็วิ่ง มองดูวุ่นวายไปหมด ผมยกนาฬิกาขึ้นดูพลางสอดส่ายสายตาหาเพื่อน ผมว่าผมไม่ได้มาสายนะ เหลือเวลาอีกนิดหน่อย ขอเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน “ ดิน ทางนี้เว้ย ” ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อตัวเอง “ อ้าว ต่อ ” ผมเซถลาเข้าอ้อมกอดของเพื่อนตามแรงดึง “ ใจเย็นๆนะต่อ ” ผมยิ้มแหยๆ แล้วหันไปมองรอบด้านพร้อมทั้งดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเพื่อน หลายคนหันมามองทางพวกเรา มันก็คงจะแปลกไม่น้อยที่ผู้ชาย 2 คนมายืนกอดกันกลางสถานีขนส่ง “ ก็เค้าคิดถึงตัวอ่ะ มาๆมาจุ๊บเหม่งทีหนึ่ง”ไอ้ต่อมันว่าแล้วทำท่าจะจุ๊บหน้าผากผมจริงๆ “ มึงอย่ามาทำบ้าๆนะ อายบ้างไหมละคนตั้งเยอะตั้งแยะ ” ผมรีบยกมือขึ้นกันใบหน้าตัวเอง ไว้ใจไม่ได้หรอกครับไอ้นี้มันหน้าด้าน ถ้ามันอยากแกล้งผมมันไม่สนหรอกว่าใครจะมองมันยังไง ขอแค่ได้แกล้งผมเป็นพอ “ ฮั่นแหนะ คนเยอะเลยจุ๊บไม่ได้ รออยู่สองต่อสองก่อนใช่ไหม น่ารักจังเลยนะ ”ฮั่นแหนะที่หน้ามึงสิ “ อะแฮ่ม คุณต่อครับ มึงลืมไปหรือเปล่าว่าตรงนี้ยังมี พวกกูอยู่ ” ต่อดันตัวผมออกแล้วหันไปมองผู้ชาย 3 คนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ผมมองตามแล้วส่งยิ้มเป็นทัพหน้าไปก่อน “ เฮ้ย!! น่ารักว่ะ ยิ้มเมื่อกี้ทำเอากูใจสั่นเลย ” ผู้ชายตัวสูงผิวขาวพูดขึ้น แต่เอ๊ะทำไมต้องหลบตาผมแล้วหน้าแดงด้วยละ “ พอเลยพวกมึง อันนี้เพื่อนกู ” เดี๋ยวนะต่อกูคนไหมละมึงบอกเป็นอันเหมือนกูเป็นอะไรเลย ผมแค่คิดในใจนะครับไม่ได้พูดออกไปหรอก “ เอาละต่อ มึงจะแนะนำเพื่อนมึงให้พวกกูรู้จักได้หรือยัง ” ผู้ชายอีกคนที่สูงพอๆกับไอ้ต่อพูดขึ้น “ เออๆ กูกำลังจะแนะนำอยู่นี้แหละ มึงก็ใจร้อนจังนะไอ้คุณชาย ” ต่อพูดแล้วจับผมให้หันหน้าไปทาง ผู้ชาย3คนที่ตอนนี้ยืนจ้องผมตาไม่กระพริบ แล้วพวกคุณจะจ้องผมอะไรขนาดนั้นละครับ “ นี้ดิน ดิน จริงๆมันชื่อดินคำเดียวสั้นๆนั้นแหละแต่กูว่าไม่เหมาะกับมัน พวกกูเลยเรียกมันว่าดิน ดิน จะได้สอดคล้องกับหน้าตามันด้วย ส่วนนี้ ไอ้คนหน้าตี๋ๆนี้ชื่อเบส ส่วนนี้คุณชายกาน นั้นคราม ”ต่อมันแนะนำเสร็จผมก็พยักหน้ารับ แต่ผมสงสัยว่า มารับผมแค่นี้มันจะพาเพื่อนมาทำไมเป็นโขยง “ คืองี้พอมึงบอกกูว่าจะเข้ามาทำงาน กูก็เล่าให้พวกมันฟัง แล้วพอกูบอกว่าวันนี้จะมารับมึง พวกมันก็ขอตามมาด้วย แค่นี้จริง จริ๊ง ” ผมหรี่ตามองไอ้ต่ออย่างจับผิด มันคงไม่ได้เล่าอะไรแปลกๆให้เพื่อนมันฟังหรอกนะ “ เอ่อ…. พูดกูมึงได้ไหม ” คนชื่อเบสถามขึ้นพร้อมกับหน้าแดงๆ เขาเป็นคนขี้ร้อนหรือไม่สบายหรือยังไง “ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ ” ผมหันไปยิ้มให้เบส “ ก็แค่จะพูดเสียงดังกับมึง พวกกูยังไม่กล้าเลย ” กานพูดเสริมขึ้น “….. ” ส่วนครามตั้งแต่มาผมยังไม่ได้ยินเสียงเขาเลย น่าจะเป็นคนไม่ค่อยพูด “ เอาละครับ คุณๆทั้งหลาย เราจะย้ายสถานที่คุยกันได้หรือยัง กระผมหิวแล้วขอรับ ” ไอ้ห่าต่อนี้ก็กวนตีนได้ทุกเวลาจริงๆ “ ป่ะๆ ” เบสเอ่ยชวนแล้วเนียนๆมากอดคอผม @ร้านอาหารผึ้งน้อย ใช่ครับคุณอ่านชื่อร้านไม่ผิดหรอก ร้านอาหารที่ไอ้ต่อพาพวกผมมา ชื่อร้าน ผึ้งน้อย เป็นร้านอาหารของพี่ผึ้ง และเป็นพี่สาวแท้ๆของไอ้ต่อ ครอบครัวไอ้ต่อจัดว่าเป็นครอบครัวที่รวยมากในภูมิภาคอีสาน ครอบครัวมันทำธุรกิจร้านอาหาร แต่ถ้าอย่างครอบครัวของไอ้ต่อเรียกว่าภัตตาคารจะเหมาะกว่านะ ถ้ารายได้ในแต่ละเดือนจะเป็นตัวเลขมากกว่า 8 หลัก ดูได้จากรถที่มันขับไปรับผมวันนี้สิครับ “ คุณต่อครับ คุณผึ้งบอกว่าถ้ามาถึงแล้ว ให้พาเพื่อนเข้าไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวเย็นๆคุณผึ้งจะมาคุยด้วย ” พอรู้ว่าพวกเรามาถึงผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่งเดินออกมารับเราเข้าไปในโซนรับรองของตัวร้าน “ แล้วพี่ผึ้งไปไหน ก่อนผมออกไป ยังบอกว่าจะรอ ”ไอ้ต่อถามเสียงห้วนพร้อมหน้าตึงๆ “ พอดีมีลูกค้าโทรมาให้ออกไปคุยธุระกะทันหันครับ ” ผู้ชายคนเดิมตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ มันสำคัญถึงขนาดไม่รอเจอเพื่อนผมเลยเหรอ ” ไอ้ต่อกระชากเสียงถามด้วยใบหน้าตึงๆไม่ต่างจากเดิม “ ผมไม่ทราบครับ” พี่แกก็ตอบด้วยนำเสียงสุภาพเช่นเดิม เผลอๆสุภาพกว่าเก่าด้วยซ้ำ “ เอาน่า ไอ้ต่อพี่ชัยเขาก็บอกอยู่ว่าเดี๋ยวพี่ผึ้งก็กลับมา แกจะอะไรหนักหนา เอ่อพี่ชัยนี้ไอ้ดินเพื่อนไอ้ต่อมัน ส่วนนี้พี่ชัยเป็นผู้จัดการร้านนี้ ” เบสพูดแทรกก่อนที่ไอ้ต่อจะได้ปะทะคารมกับผู้ชายที่ชื่อชัย ปกติผมไม่ค่อยชอบนะถ้ามีคนพูดแทรกเวลาคนอื่นคุยกัน แต่วันนี้ผมอยากตบมือให้เบสดังๆด้วย “ สวัสดีครับ ”ผมกล่าวทักทายพร้อมทั้งยกมือไหว้ “ สวัสดีครับ น่ารักจริงๆอย่างที่คุณผึ้งบอกไว้เลย ” พี่ชัย ( โมเมเรียกพี่เลยแล้วกัน) รับไหว้พร้อมคำชมอีกประโยค “ พูดมาก น่ารำคาญ ”ประโยคนี้ ไม่ใช่ของผมครับ มันเป็นของไอ้ต่อ “ เอ่อ” อันนี้ของผมครับ “….. /….. /…… ” ที่เหลือ 3 คนเอาจุดไปกินคนละสี่-ห้าจุด “ ครับ ” พี่ชัยแกยิ้มบางๆแล้วตอบรับอย่างสุภาพ “ เข้าข้างในเถอะรำคาญคนแถวนี้ ” ไอ้ต่อพูดขึ้นแล้วเดินมากอดคอผมลากเข้าข้างใน ผมหันกลับไปมองเบส กานและคราม ที่เดินตามมาเพื่อหาคำตอบอาการที่ไอ้ต่อมันเป็นอยู่ จะไม่ให้สงสัยยังไงละครับ ก็ตอนขับรถพาผมมาที่นี้มันยังคุยจ้อไม่หยุดเลย เดี๋ยวจะพาผมไปนั่นไปนี้ พาไปดูไอ้นั่นไอ้นี้ให้ทั่วกรุงเทพเลย แต่พอมาถึงร้านทำไมมันดูเหวี่ยงๆ แค่กลับมาไม่เจอพี่ผึ้งแค่นี้ทำไมต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ พี่ชัยเขาก็บอกอยู่ว่ามีธุระด่วนจริงๆ ยังไงพี่ผึ้งกลับมาก็ต้องเจอผมอยู่ดี มันจะอารม์เสียทำไมผมไม่เข้าใจเลย “ พวกมึงอยากกินอะไรสั่งเต็มที่เลยนะ วันนี้กูเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการต้อนรับน้องดินของเรา ” ไอ้ต่อพูดขึ้นหลังจากที่เรานั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แต่เดี๋ยวครับไอ้คนบ้าที่ตาขวางๆหน้าตึงๆก่อนหน้านี้ไปไหน ทำไมไอ้คนที่นั่งข้างๆผมถึงตอนนี้มันถึงได้พูดไปยิ้มไป ผมคิดว่ามันควรไปพบแพทย์นะครับ “ ที่ว่าเลี้ยงนี้คือสั่งได้ทุกอย่าง ลงบัญชีมึง ถูก ไหม ”กานพูดขึ้นหลังจากรับเมนูจากพนักงาน “ บ้าสิ ลงบัญชีพี่ผึ้ง ”ไอ้ต่อเอ่ยแย้ง “ ถุ๊ย/ถุ๊ย ”พร้อมเพียงกันมากครับไอ้กานกับไอ้เบส “….. ” ส่วนครามยังกินจุดไม่เลิกครับ “ เอาละๆ กินกันก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน กูมีเรื่องต้องคุยกับไอ้ดิน หลาย เรื่อง ”ไอ้ต่อพูดตัดบทก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวหลังจากพนักงานยกอาหารมาเสริฟจนครบตามรายการที่ ครามสั่ง หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้วไอ้ต่อก็พาพวกผมย้ายมานั่งสวนหย่อมข้างร้านอาหาร ข้างในว่าตกแต่งไว้สวยแล้ว ตรงสวนหย่อมนี้ยิ่งสวยกว่า ไอ้ต่อบอกว่าตรงบริเวณที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่ถ้าแขกมาทานอาหารแล้วอยากมานั่งย่อย มันก็ไม่ห้าม แต่แหม ใครจะกล้าเข้ามาละครับก็ต้นไม้ที่มันเอามาตกแต่งสวน ราคาต้นไม้แต่ละต้นก็หลายบาท บางต้นนี้หลายหมื่นเลยเหอะ อันนี้ผมไม่ได้เป็นผู้รอบรู้หรอกนะครับ ไอ้กานบอกมาอีกทีหนึ่ง ผมนั่งมองต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อยๆ จนหันมาเจอครามที่นั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว จะว่าไปตั้งแต่เจอครามผมยังไม่ได้ยินเขาพูดประโยคยาวๆเลย แต่ก็เหมาะดีแล้วละที่มาคบกับไอ้ต่อและเบสได้ ไอ้ต่อก็กวนตีน ส่วนเบสนี้ดูแล้วน่าจะพอๆกับไอ้ต่อ ครามมองผมอยู่นานแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา “ ต่อเพื่อนมึงที่ชื่อครามนี้ เขามีปัญหากับกล่องเสียงไหม ” ผมจึงหันไปถามไอ้ต่อเบาๆ “ มึงก็ว่ามันเกินไป พวกมึงหันมาคุยกันก่อน ”ไอ้ต่อตอบผมแล้วหันไปเรียกพรรคพวก “ คุยอะไรว่ะ ” ผมหันไปถามมัน “ เรื่องเรียนมึงนั้นแหละ ที่มึงสอบติดมหาลัยเดียวกับพวกกู แล้วมึงบอกว่าไม่มีตังค์เรียน ทีนี้กูกับไอ้กานไปสืบมาว่ามันมีทุนให้นักศึกษานะ ทำไมมึงไม่ลองสมัครดูละ ” “ ไม่ดีกว่า กูกลัวไม่ได้ ” ใจผมก็อยากสมัครนะแต่กลัวไม่ได้ “ มึงลองหรือยัง ” ไอ้เบส “ กูว่าได้ ” ไอ้กานพูดออกมาอย่างมั่นใจ “ ทำไมมึงมั่นใจขนาดนั้น และถึงกูจะได้ ก็คงไม่พอหรอก ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก” “ มึงลองดู ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ ไหนๆมึงก็ตั้งใจว่าจะทำงานรออีกหนึ่งปีอยู่แล้วนิ ”ไอ้ต่อพูดเสริมขึ้นมา “ เอาง่าย ๆ เลยนะถ้าเกิดกูได้ทุนแล้วเรียนๆไป เขายึดทุนกูคืน แล้วกูจะทำยังไง ” ผมอดที่จะหวั่นใจไม่ได้ก็ถ้าเกิดเรียนไปถึงปี 2 แล้วเขายึดทุนคืนนี้ตายนะครับ เสียดายเวลาแย่ “ คราม มึงช่วยพวกกูหน่อยสิ ” กานหันไปขอความช่วยเหลือจากครามคนที่เงียบที่สุด “ มึงไปเหอะ อย่างมึงนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็น ” ครามหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง เหี้ย!! เสียงมึงหวานมาก “ ก็ได้ๆ กูจะลองไปดูแต่ถ้าไม่ได้ พวกมึงก็อย่าซีเรียสแล้วกัน ” “ กูนี้อยากจะแหม ให้ถึงดาวอังคาร พวกกูพูดจนปากจะฉีก มึงก็หาข้ออ้างสารพัด แต่พอไอ้ครามพูดแค่ประโยคเดียวนี้มึงตอบตกลงเลยนะ ” ไอ้ต่อมันหันมาแขวะผม “ ก็กูหล่อไงครับ ” ครามหันไปต่อปากต่อคำกับกาน ผมต้องตกใจเบอร์ไหนนี้ นอกจากครามจะยอมพูดแล้วยังพูดประโยคยาวเหยียดนั้นอีก “ มึงไม่ต้องแปลกใจหรอก มันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าไม่สนิทมันจะไม่ค่อยพูด แต่ถ้ามันสนิทมันก็จะพูดมาก และอีกอย่างที่มันไม่ค่อยพูด ก็อย่างที่มึงได้ยิน เสียงมันหวานเกินไง มันเลยไม่ค่อยพูด 55555 ” เหมือนไอ้ต่อจะเดาสีหน้าผมได้มันจึงพูดขึ้นมา แต่แค่เจอกันยังไม่ถึงวันเราสนิทกันแล้วเหรอ อย่างนี้แหละนะ เขาถึงบอกว่าคนเราถ้าเหมือนกันมันมักจะจูนกันติดง่าย ครามหันมายิ้มตาหยีให้ผม เห้ย ทำไมมันน่ารักอย่านี้ว่ะ อยากฟัดแก้มฉิบหาย “ เดี๋ยวๆ มองกูแล้วทำหน้าแบบนั้นมันหมายความว่าอะไรว่ะ ” ครามเอ่ยขึ้นจัดจังหวะจินตนาการของผม ยิ้มครับยิ้มผมนี้แหละ “ ถ้ามึงตัดสินใจ แล้วเดี๋ยวอีกสองอาทิตย์กูจะพาไปเดินเรื่องที่มหาลัย ระหว่างนี้ก็เตรียมเอกสารไว้ให้พร้อม เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดมาให้ แอ็ดเฟสกูมาด้วยนะ ” กานบอกออกมาหลังจากที่ผมตกลงจะไปขอรับทุน “ กูด้วย/กูด้วย ” เบสกับครามพูดขึ้นพร้อมกัน “ อือ ๆ ” ? ??? ‘ แม่ กำลังโทรหาคุณ ’ “ เดี๋ยว กูรับสายแม่ก่อนนะ ” ผมบอกพวกมันก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา “ ครับแม่ ” ( ถึงหรือยังลูก) “ ถึงได้สักพักแล้วครับ คิดถึงแม่จัง ” ( อะไรกันลูก พึ่งจะจากกันแค่วันเดียวเองไม่ใช่เหรอ) “ จะวันหนึ่งหรือชั่วโมงเดี๋ยวก็คิดถึงทั้งนั้นแหละครับ” ( จ้าๆ แล้วเจอผึ้งกับต่อแล้วใช่ไหมลูก) “ เจอไอ้ต่อแล้วแต่พี่ผึ้งยังไม่เจอ พอดีพี่เขาออกไปทำธุระข้างนอก ” ( อ้าว เหรอ) “ แล้วพ่อไปไหนครับ ทำไมไม่ได้ยินเสียงเลย ” ( พ่อนะเหรอ โน้นอยู่หลังบ้าน) “ ไปทำอะไรอยู่หลังบ้าน ” ( แม่ไม่รู้ เห็นเจ้าบอลมาหา แล้วก็หายกันไปทางหลังบ้าน เป็นนานสองนานแล้ว) “ บอลมาเหรอครับ ” ผมอดแปลกใจไม่ได้ ก็ไหนตอนที่รู้ว่าผมจะมาทำงานในกรุงเทพถึงตึงๆใส่ผม แล้วเมื่อวานที่ไม่ยอมมาส่งผมทั้งที่คนอื่นมากันหมดเลยอีกละ ( จ๊ะ ดินมีปัญหา อะไร กับ บอลไหมลูก) “ ทำไมแม่ถามผมอย่างนั้นละครับ ” ( ก็แม่ไม่เห็นบอลไปส่งดิน แม่เลยสงสัยว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า) “ ป่าวครับ บอลคงไม่ว่างเลยไม่ได้มาส่งผมนะครับ แม่อย่าคิดมากเลย ” ( อยู่ทางโน้นก็รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูก แม่เป็นห่วงดินนะ) “ ครับแม่ แม่ก็เหมือนกัน อย่าทำงานหนัก ฝากบอกพ่อด้วยนะครับ ว่าผมคิดถึง ” ( จ้า เดี๋ยวแม่บอกให้) “ รักแม่นะครับ ” ผมวางสายจากแม่แล้วเดินกลับมาหาพวกไอ้ต่อ พวกเราคุยกันสักพักพวกไอ้เบสไอ้กานกับครามก็ขอตัวกลับ ไอ้ต่อพาผมไปพักผ่อน ในห้องด้านหลัง ซึ่งมันบอกเป็นห้องทำงาน แต่มีประตูเชื่อมอีกบานหนึ่ง พอเปิดเข้าไปผมก็พบกับห้องนอนที่มีอุปกรณ์เกี่ยวกับการนอนครบครัน นี้ต้องรวยขนาดไหนถึงจะมีห้องนอนในห้องทำงานได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD