บทที่ 3 งานเลี้ยงพบปะ
“สรแต่งตัวเสร็จหรือยัง อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราต้องออกแล้วนะ”
คืนนี้บ้านของเธอต้องไปงานเลี้ยงเพื่อพบปะผู้คนที่อยู่ในแวดวงนักธุรกิจ บิดาและมารดาล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เพราะต้องไปรับหน้าที่เป็นประธานในงานประมูลช่วงบ่าย ส่วนเธอสองคนตามไปในส่วนของงานเลี้ยงรอบเย็น
“เสร็จแล้วๆ นิช่วยพี่ดูหน่อยสิ ชุดนี้โป๊ไปไหมพี่ไม่ชินเลยต้องเปิดไหล่กว้างขนาดนี้”
มนิตามองไปที่มธุสรแล้วขำออกมาเบาๆ พี่สาวของเธอนี่ช่างเรียบร้อยเสียจริง ชุดนี้เธอเป็นคนเลือกให้เองแหละ ออกงานครั้งแรกจะให้แต่งตัวเฉิ่มๆ ไปได้ยังไง คนอื่นจะได้ซุบซิบกันทั้งงาน ไม่แน่คืนนี้พี่สาวของเธออาจจะเจอคู่หมั้นในอนาคตก็ได้
“โป๊อะไร แค่เปิดไหล่เนี่ยนะส่วนอื่นก็ไม่มีเปิด ชายกระโปรงยาวเลยเข่าอีก”
“ก็ไม่ชินนี่นา เดินๆ ไปหลุดมาอยู่ตรงเอวจะทำอย่างไง”
“ฮ่าๆ เวอร์ละสรไม่หลุดหรอก เดี๋ยวถ้าหลุดนิจะถอดลงมาให้เอง ไม่แน่น้าา คืนนี้นิอาจจะได้เจอหน้าว่าที่พี่เขยก็ได้ ต้องสวยไว้ก่อนสิ”
“บ้าเหรอนิ พี่ก็โป๊น่ะสิ อายคนอื่นเค้า แล้วว่าที่พี่เขยอะไรเดี๋ยวเถอะ”
“ฮ่าๆๆๆ …..” มนิตาปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนตัวโยก เหนื่อยใจกับพี่สาวของเธอจริงๆ
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา” พูดจาหยอกล้อกันเสร็จแล้ว มธุสรก็ชวนน้องสาวออกมาทันที จริงๆ แล้วเธอไม่ได้กลัวชุดจะหลุดหรอก กลัวจะเดินๆ ไปแล้วเผลอสะดุดล้มมากกว่า
งานเลี้ยงคนเยอะมากๆ มองไปทางไหนก็ตาลายไปหมด คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจต่างก็พาครอบครัวมางานนี้กันหมด เป็นงานใหญ่ประจำปีเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างก็คือ งานหาคอนเนคชั่นนั่นแหละ บ้างก็ต้องการสนิทกับนักธุรกิจใหญ่ๆ เพื่อให้ช่วยดันธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง บ้างก็รู้ว่าบ้านนั้นบ้านนี้มีลูกสาวลูกชายที่ยังไม่แต่งงาน ก็จะพาลูกตัวเองมาแนะนำให้รู้จัก และอยากให้สนิทกันไว้ เพื่อได้ใช้คำว่าครอบครัวเดียวกัน หึหึ หวังจะรวยทางลัดน่ะสิไม่ว่า หรือก็ต้องการอำนาจเพิ่มจะได้ไม่มีใครกล้ามาแทงข้างหลังตัวเอง เพราะมีแบล็กดีคอยคุ้มกะลาหัว ราเชนน์มองคนเดินไปเดินมาอย่างเบื่อหน่าย เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ ที่ต้องมาคอยปั้นหน้าทักทายคนที่เข้ามาคุยด้วยทุกคน
และตอนนี้ก็มีพวกคุณหญิงคุณนายจากบริษัทอะไรก็ไม่รู้พยายามยัดเยียดลูกสาวตัวเองให้กับพ่อของผมอยู่ ลูกสาวเธอมองผมเหมือนกับอยากจะลองชิมผมอยู่เหมือนกัน แต่ขอโทษทีถ้าเมื่อไหร่ที่ผมใช้สถานะแฟนกับใคร ผมจะไม่หาเศษหาเลยข้างทางกินแน่นอน เพราะผมรักแฟนของผมมาก อย่างตอนนี้ที่ผมเองมีนิตาอยู่ เราคบกันมาได้ 1 ปีกว่าแล้วแต่ผมไม่เคยล่วงเกินเธอเลยสักนิด อย่างมากก็แค่จุ๊บปาก หอมแก้ม กอดกัน ส่วนจูบแบบดูดดื่มจนต้องฉกชิงน้ำหวานของกันและกันก็ไม่เคยทำกับนิตาเลยสักครั้ง ก็นะผมไม่ต้องการบังคับหรือรุกหาเธอแบบที่เธอไม่เต็มใจ กลัวว่าเธอจะมองว่าผมแค่ต้องการตัวเธอไม่ได้อยากได้ใจเธอจริงๆ ตอนนี้ผมแค่รอเธอพร้อมที่จะเปิดตัวผมกับที่บ้านของเธอเท่านั้น ผมกะจะขอเธอแต่งงานหลังจากนั้นเลย ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลงอะไรนิตาเหมือนกัน รู้แค่ว่าผมรักนิตามากๆ ยอมเธอทุกอย่างและทำได้ทุกอย่างหากเธอต้องการอะไร
หลังจากที่พยายามยัดเยียดลูกสาวตัวเองให้จนพอใจแล้ว สองแม่ลูกก็เดินออกไปตัวลูกสาวไม่วายหันมามองผมเป็นการสื่อสารว่าอยากรู้จักมากกว่านี้ ผมที่เริ่มจะขยะแขยงสายตาของผู้หญิงแบบนี้ได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น พรางมองไปรอบๆ งาน แต่ต้องไปสะดุดกับมุมมุมหนึ่งที่มีผู้คนจับกลุ่มคุยกันอยู่ ครอบครัวที่มีลูกสาวฝาแฝดกำลังยืนคุยกับครอบครัวที่มีหนุ่มหล่อ แต่งตัวดี โปรไฟล์ก็น่าจะดีในระดับหนึ่ง และเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจอยู่พอสมควร สองครอบครัวยืนคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเลือดขึ้นหน้าก็ไอ้หน้าหล่อคนนั้น มันยืนมองแต่นิตาอยู่น่ะสิ เหอะ!! ผมไม่รู้เลยว่าเธอเองก็มางานนี้ด้วย แต่ก็ลืมนึกไปว่าบ้านเธอก็อยู่อันดับต้นๆ ของวงการนี้ ไม่มาน่ะสิแปลก อยากจะเข้าไปดึงเธอออกมาชะมัด
“นายครับ คุณนิตามางานนี้กับครอบครัวด้วยครับ”
ธันวา ลูกน้องคนสนิทกระซิบข้างหูคนเป็นนายเมื่อมองเห็นผู้หญิงของนายไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่นัก
ราเชนน์มองไปยังมนิตาราวกับว่าสายตานี้หากใครมองก็สามารถตายได้เลย มนิตาที่รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองอยู่ก็มองไปยังสายตาพิฆาตทันที เธอสดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอาการตกใจออกมาเท่าไหร่ เธอขยับตัวเองให้ยืนออกห่างจากหนุ่มหล่อที่อยู่ด้านข้างเมื่อสักครู่แทน จนเห็นว่าราเชนน์ยังไม่เลิกมอง เลยแกล้งขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำทันที เผื่อหวังว่าจะได้คุยกับราเชนน์สักหน่อย เห็นสายตาเมื่อสักครู่ รู้สึกขนลุกแปลกๆ เหมือนกัน เหมือนเขากำลังหึงเธออย่างหนัก เป็นครั้งแรกที่มนิตาและราเชนน์เจอกันในงานเกี่ยวกับธุรกิจ ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ เธอเลยทำเป็นยิ้มให้กับทุกคนที่เข้ามาทักทาย เพราะคิดว่าการที่ผูกมิตรไว้ดีกว่ามีศัตรู
“คุณพ่อคะนิขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“สรไปด้วยไหมนิ”
“ไม่เป็นไรๆ นิไปแป๊บเดียวแค่ตรงนี้เอง เดี๋ยวนิมานะ”
เมื่อบอกทุกคนเสร็จฉันรีบสาวเท้าออกมาด้านนอกงานทันที ป่านนี้คนตัวโตคงจะงอนฉันแล้วมั้งยิ่งขี้หึง ขี้น้อยใจอยู่ เฮ้อออ!!
ความจริงฉันแอบเห็นลูกน้องของเขาเองผ่านๆ ตาเหมือนกัน แต่คิดว่าตัวราเชนน์เองก็คงไม่ได้มางานแบบนี้ ก็งานแบบนี้มันน่าเบื่อและเขาเคยบอกว่าไม่ชอบมางานเลี้ยงที่มีแต่ผู้ใหญ่เต็มไปหมด แต่ดันมาเจอกันงานนี้ซะได้ แล้วมาเจอตอนเธอกำลังคุยกับผู้ชายที่ไหนอีกก็ไม่รู้