@เปิดเทอมวันแรก
พึ่บ!!
อะ โอ๊ยย~~~
ร่างเล็กล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ
“ซุ่มซ่าม ไม่แหกตาดูทางหรือไง”
คำพูดไร้อาทร น้ำเสียงแสนเย็นชา ไร้ความรับผิดชอบ ทำให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้ง
สาวน้อยเงยหน้ามองเจ้าของร่างยักษ์ ทั้งที่เขาเป็นคนเดินออกมาขว้างหน้าแท้ๆ แต่กลับพูดเหมือนเธอเป็นคนผิด
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? นายเป็นคนชนฉันนะ”
นักศึกษาสาวดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะแหงนมองนักศึกษาหนุ่มร่างสูงให้ชัดอีกครั้ง
แต่เมื่อสายตากระทบใจหน้าของชายหนุ่ม หัวใจของเธอก็แทบหยุดเต้น ดวงตาคมเข้ม จมูกโด่งพุ่ง ผิวหน้าเรียบเนียนราวกับผู้หญิง ทำให้จิตใจของสาวน้อยสั่นไหวจนหลงลืมคำด่าในหัวไปจนหมด
“อยู่ปี 1 เหรอ?”
“0.0 คะ! อ่อ ค่ะ ปะ ปี1 คณะโรงแรมและการท่องเที่ยว”
เสียงของชายหนุ่มดึงสติของเธอให้กลับมา
“โรงแรมเหรอ?”
ใบหน้าเรียบนิ่ง ทอดสายตามองต่ำตามระดับความสูงของหญิงสาว ก่อนจะเมินสายตามองผ่านเธอไปราวกับเธอไม่คู่ควรให้เขามอง ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะอ้าปากท้วง ร่างใหญ่ก็เดินผ่านหน้าไปอนึ่งว่าเธอเป็นเพียงอากาศที่พัดผ่านเข้ามาเท่านั้น
“เป็นรุ่นพี่แล้วยังไง? คิดว่าหล่อหน้าตาดีแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ? ขอโทษก็ไม่มี ขี้เก๊ก นิสัยเสีย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด ชิ!”
เสียงเล็กบ่นพึมพำ มองตามหลังกว้างและไม่มีวี่แววว่าจะหันกลับมา
..ห้องเรียนขนาดใหญ่มีเพียงร่างของหญิงตัวเล็กนั่งอยู่ภายใน หลังจากนั่งรออยู่นานทว่าก็ไม่มีใครมาเข้ามาเพิ่มเลยสักคน กระดาษ A4 ถูกหยิบขึ้นมากางบนโต๊ะอีกครั้งหลังจากดูไปแล้วหลายรอบ
“หรือว่าดูผิด? ไม่สิ! ก็ถูกแล้ว เวลา! ห้อง!” นิ้วเล็กจิ้มตารางเรียนทีละช่อง ใบหน้าเล็กหงิกงอ คิ้วเล็กขมวดย่น เพ่งพินิจมองกระดาษตรงหน้าด้วยความสงสัย
“ก็ถูกแล้วนะ ไม่ผิดแน่ ๆ หรือว่าเขาเปลี่ยนห้อง?”
แกร็ก!
ขณะที่คนตัวเล็กกำลังทะเลาะกับตัวเอง ทันใดนั้นประตูห้องเรียนก็ถูกใครบางคนเปิดออก สาวน้อยรีบหันไปมองด้วยความดีใจแต่ทันทีที่เห็นหน้าคนที่เข้ามารอยยิ้มของเธอก็ต้องหุบลง
ร่างสูงโปร่งของนักศึกษาหนุ่มที่เธอเพิ่งเจอไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ตอนนี้เขากำลังยืนมองเธออยู่หน้าประตู
“เอ๊ะ!! นาย อุ๊บ! ระ รุ่นพี่ก็เรียนวิชานี้เหมือนกันเหรอคะ?”
“ซื่อบื่อไม่ได้ดูตารางกิจกรรมหรือไง? ปีหนึ่งเขาไปรวมตัวกันที่หอประชุมกันหมดแล้ว”
“ห๊ะ!! 0.0!! หะ หอประชุม?”
ดวงตากลมเบิกกว้าง ร้องอุทานด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกสายตาคมของอีกฝ่ายจ้องตาเขม็ง
“มัวนั่งอึ้งอยู่ทำไม? ไปสิ!”
สิ้นคำ หญิงสาวก็รีบลุกจากเก้าอี้ วิ่งแทรกตัวผ่านหน้าเขาไปทันที
“หึ แบบนี้สิถึงจะน่าสนใจ”
..ฉันรีบวิ่งมาที่หอประชุมใหญ่ของมหาลัยอย่างไม่คิดชีวิต ภายในหัวก็คิดว่าทำไมฉันต้องตื่นเต้น แล้วทำไมหัวใจจะต้องเต้นเร็วขนาดนี้
ตึก ตึก ตึก
เฮอ เฮอ >.<
ปึง!!
0.0!!
เพียงไม่กี่นาทีเท้าเล็กก็วิ่งมาถึงโถงประชุมใหญ่ เสียงประตูเหล็กถูกผลักเข้าเต็มแรง ทุกสายตาหันมาจับจ้องมองเจ้าของร่างปริศนา อาการเหนื่อยหอบลมหายใจเร็วถี่ ตอนนี้เธอกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนในห้องไปเสียแล้ว
“มาช้า!”
น้ำเสียงดุดันดังก้องสะท้อนมาจากด้านหน้า ป้ายบนหน้าอกเด่นชัดบ่งบอกตำแหน่งของผู้ที่กำลังตีหน้าเข้มจ้องมาที่เธอ
“ขะ ขอโทษค่ะ”
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร? แล้วคุณรู้ไหมว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้รอคุณแค่คนเดียว?”
เสียงหายใจหอบค่อยๆช้าลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ สายตาจับจ้องมองชายตัวสูงให้ชัดอีกครั้ง เขาคือผู้ชายคนนั้น คนเดียวกับที่เธอเจอบนอาคารเรียนเมื่อครู่ แต่ที่น่าแปลกคือเพียงไม่กี่นาทีเขาก็มายืนอยู่ที่นี่อีกทั้งเสื้อที่ใส่ก็เปลี่ยนเป็นอีกตัว
ขณะที่ความคิดกำลังสับสน รู้ตัวอีกทีร่างสูงนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว บรรยากาศรอบตัวเย็นลงราวกับขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขาหิมะ เสียงหัวใจในอกเต้นแรงเหมือนกับจะหลุดออกมาจากร่าง
แม้คำพูดดุดัน สายตาและสีหน้าจะดูน่ากลัว ทว่าภายในความคิดของเธอกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่คิด
“หล่อจัง!”
“อะไรนะ?”
“0.0! คะ?”
สติของฉันถูกดึงกลับมาอีกครั้ง คำพูดในหัวมันดังจนทำให้เขาได้ยินเลยเหรอ หรือว่าฉันเผลอพูดมันออกมา
“เมื่อกี้ เธอว่าอะไรนะ?”
“ปะ เปล่าค่ะ”
คำปฏิเสธตะกุกตะกัก รอยยิ้มแห้งพยายามปิดอาการทั้งที่ความจริงตอนนี้ หน้าของเธอร้อนผ่าวไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา
“หึ วันนี้เป็นวันแรกงั้นผมจะยังไม่ลงโทษคุณ ไปรับป้ายชื่อแล้วเข้าไปยืนในแถวกับเพื่อนซะ”
“ขอบคุณค่ะ ^^”
ฉันวิ่งเข้าไปหยิบเอาป้ายชื่อพร้อมเชือกห้อยคอจากโต๊ะที่มีรุ่นพี่ที่โต๊ะ ก่อนจะพุ่งตัววิ่งไปหาจุ๊บแจงที่ยืนอยู่ในแถว
“ทำไมไม่บอกกันสักคำว่าวันนี้ ปี1 ต้องมารวมตัวกันที่นี่”
“อย่ามาโทษนะ ฉันกับพี่ตั้มโทรไปเป็นร้อยสายแล้วมั้ง เธอนั้นแหละทำไมไม่รับสาย”
ฉันรีบล้วงกระเป๋าจะเอามือถือขึ้นมาดู แต่..
“ไม่นะ ไม่จริง หะ หาย หายไปไหน?”
น้ำเสียงตื่นตระหนก สีหน้าขาวซีดทำให้จุ๊บแจงและเพื่อนๆที่ยืนในแถวต่างหันมามองด้วยความตกใจ
“เป็นอะไร?” จุ๊บแจงกระซิบถาม ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆก็สงสัยไม่ต่างกัน
“มือถือของฉัน หายไปแล้ว!”
“ลืมเอามาหรือเปล?” เสียงเพื่อนที่อยู่ด้านหลังกระซิบ ทำให้หญิงสาวตัวเล็กนิ่งคิดก่อนจะหันกลับไปตอบ
“ไม่น่าลืมนะ เพราะก่อนจะขึ้นรถสองแถวมาเราก็เพิ่งวางสายจากแม่”
กึก กึก กึก
ระหว่างที่กลุ่มนักศึกษากำลังคุยกันด้วยความตึงเคลียด เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเธอ
“คุยอะไรกัน? เพิ่งมาถึงก็ชวนเพื่อนคุยเสียงดัง สงสัยคงอยากจะคุยมาก งั้นก็ออกไปยืนคุยหน้าแถวให้เพื่อนคนอื่นฟังด้วย”
0.0!!
“ปะ เปล่านะคะ”
สายตาคมเหลือบมองป้ายห้อยคอ ทว่าป้ายนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ร่องรอยของหมึก นั่นยิ่งทำให้สีหน้าของเขาแสดงถึงความไม่พอใจ
“ชื่อไม่เขียน มาก็สาย ชวนเพื่อนคุย แถมยังชอบเถียง ทำผิดไม่ยอมรับผิด ออกไปยืนรายงานตัวบอกชื่อกับคณะแล้วก็สาขาให้ทุกคนในห้องนี้ได้ยิน” เสียงตะคอกดัง ใบหน้านิ่งดุไร้รอยยิ้ม แววตาเย็นชาราวกับปีศาจ ทำให้ทุกคนภายในห้องไม่มีใครกล้าส่งเสียง
บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ แม้แต่ลมหายใจก็แทบไม่ได้ยิน
“จะตะคอกทำไมคะ ก็กำลังจะ..”
“เดี๋ยวนี้!!”
เสียงดุตะคอกดังจนคนตัวเล็กสะดุ้งโหย่ง ดวงตาแดงคล้ายกำลังจะร้องไห้
“ไม่มีเหตุผล”
“ที่นี่ไม่ใช่บ้าน ถ้าคิดจะทำตัวงอแงเอาแต่ใจ ก็เชิญลาออก แล้วกลับไปอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยง”
สายตาเฉยชา น้ำเสียงไร้ความอ่อนโยน หากแต่ใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มบางๆมุมปาก แฝงบางอย่างเอาไว้
ร่างบางออกไปยืนหน้าแถวตามคำสั่ง แม้จะไม่เต็มใจแต่เมื่อก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เธอก็ได้แต่จำใจทำตามกฎ ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาหลายร้อยทุกคนมองมาที่เธอเพียงจุดเดียว ไม่เว้นแม้แต่รุ่นพี่ที่เข้าร่วมชมกิจกรรมในครั้งนี้ ทว่าทุกการกระทำของเขากลับไม่มีใครกล้าพูดหรือคัดค้านเลยแม้แต่คำเดียว
“สวัสดีค่ะ”
“ดังอีก!”
ฉันเหลือบมองเจ้าของคำสั่ง ท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนกำลังมีความสุขที่ได้ทำโทษฉัน
“สวัสดีค่ะ น้องชื่อพระพาย เรียน คณะ การท่องเที่ยวและการโรงแรม ชั้นปีที่1” เสียงเล็กแหลมดังลั่น ใบหน้าขาวเล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
พระพาย!