ตอนที่17 ฉลองชัยชนะ

1396 Words
“พวกเราไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย โตแล้ว!” ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ “ก็โตแล้วจริงๆ ถึงตัวจะเล็กไปหน่อย แต่ก็..” ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ชายฉกรรจ์หัวเราะร่า สายตาเจ้าเล่ห์มองทะลุเสื้อผ้าหนาเข้าไปถึงเรือนร่างเปลือยเปล่า ความคิดจินตนาการไปไกล เกินกว่าที่เด็กสาวทั้งสองจะคาดคิด “มายืนทำไมตรงนี้ทำไมยังไม่เข้าไป” เสียงคุ้นหูทำให้คนตัวเล็กหันกลับไปมอง ซึ่งตอนนี้เจ้าของเสียงก็ได้เข้ามาประชิดตัวของเธอแล้ว คุณเพลิง! “คุณเพลิง?” ฉันหันกลับไปมองพนักงานของผับอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้าดูน่ากลัวแต่ตอนนี้พวกเขากลับมีอาการสงบเสงี่ยมผิดปกติ แถมยังเรียกผู้ชายอายุอ่อนกว่า ว่า ‘คุณ’ นั้นแปลว่าถ้าเขาไม่มาบ่อยจนกลายเป็นขาประจำ ก็คงเป็นพวกใช้เงินติดสินบนพนักงานแน่ ๆ “ยืนซื่อบื้ออยู่ทำไม? เข้าไปสิ หรือจะเป็นพนักงานต้อนรับ ยืนเรียกลูกค้าอยู่ตรงนี้” “พวกเราไม่เข้าไปแล้วดีกว่าค่ะ” “จะเดินเข้าไปเองหรือว่าอยากให้อุ้มเข้าไป?” คิ้วหนายกสูง สายตาคมจ้องใบหน้าจิ้มลิ้ม พร้อมกับเผยรอยยิ้มมุมปาก “เราสองคนอายุยังไม่ถึง20 เข้าไม่ได้” “ไม่ได้เหรอ?” ชายตัวโตเหลือบมองชายฉกรรจ์ด้วยหางตา ทว่าพวกเขากลับก้มหน้าเงียบไม่แสดงอาการโต้แย้งท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายเดินผ่านเข้าไปมาไม่ขาดสาย “เป็นคำสั่งของนายครับ ว่าห้ามเด็ดขาด” เสียงตะกุกตะกักตอบชายอายุน้อยกว่าด้วยท่าททางหวาดกลัว “หึ ผมจะถามอีกครั้ง” เสียงทุ้มต่ำในลำคอ ดวงตาดุจ้องเขม้ง ทั้งที่รู้ว่าเป็นความลำบากใจ และรู้ว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจ แต่ชายหนุ่มก็ยังพยายามบีบบังคับ “ไม่เป็นไรคะ กัปตันเข้าไปเถอะ เดี๋ยวพระพายไปฉลองกับจุ๊บแจงที่ห้องก็ได้” “ไม่ได้” หมับ! “จะ จะทำอะไรคะ? ปล่อยนะคะ ทำแบบนี้ไม่ได้” ร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า เดินผ่านหน้าชายชุดดำเข้าไปในผับโดยไม่มีใครกล้าขว้าง ต่างได้แค่มองอยู่ห่างๆเท่านั้น ด้านในกว้างขว้าง ตกแต่งหรูหราสวยงาม ดูแปลกตาอย่างน่าทึ้ง ภายใต้ความมืดยังมีแสงไฟหลากสีสาดส่องวิบวับไปตามจังหวะของเสียงเพลง ตอนนี้นอกจากฉันจะมองไม่เห็นอะไรหรือใครแล้ว หูของฉันก็อื้ออึงไปด้วยเสียงดลตรีแปลกๆที่ชีวิตนี้ไม่คุ้นหูไม่เคยได้ยินแถมยังฟังไม่รู้เรื่อง และไม่ว่าจะตะโกนแหกปากมากเท่าไหร่ก็เหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินหรือสนใจฉันเลยสักนิด พึ่บ! โอ๊ย!! ระหว่างที่สมองกำลังประมวลผลครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ร่างของเธอก็ถูกโยนจากบ่าลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นไม่เป็นท่า โดยมีชายตัวโตยืนยิ้ม มองดูผลที่เกิดจากกระทำของตนเองด้วยความพอใจราวกับเธอเป็นเพียงตัวตลกให้หยอกเล่น “วางลงดีๆไม่ได้หรือไง?” เสียงเล็กพูดดัง และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดนั้นเพราะเสียงเพลงที่กำลังเปิดภายในผับดังกลบเสียงเธอไปจนหมด หรือหากได้ยิน ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจคำพูดของเธอที่เขาว่ามันไร้สาระ “ไอ้บ้า! ไอ้ขี้เก๊ก ไอ้..” 0.0!! ไวกว่าความคิด คำด่ามากมายที่อยู่ในหัวสะท้อนออกมาเสียงดัง ทว่าเวลานั้นเองที่เสียงเพลงหยุดลง “ว่าอะไรนะ?” ปีศาจร้ายย่อตัวลงมานั่งตรงหน้าของฉัน สายตาคู่นั้นราวกับกำลังจะฉีกร่างแยกฉันออกเป็นชิ้นๆ “ปะ ปะ เปล่าค่ะ” “แน่ใจนะ ว่าเปล่า” อื้มๆ คนตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ พยักหน้าถี่รัวๆ “หึ ปากดีไปเถอะ ยังไงคืนนี้ฉันก็ไม่ปล่อยเธอไป” สิ้นคำร่างใหญ่ก็ยันกายลุกขึ้น เปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมกับเสียงหัวเราะพูดคุยดังก้องอยู่ภายใน “หมายความว่าไง ไม่ปล่อยฉัน? หรือว่า.. ขะ เขาจะฆ่าปิดปากฉัน งั้นเหรอ?” ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่ที่พื้น ใบหน้าจิ้มลิ้มซีดขาว ดวงตาเหม่อลอย “พระพาย! พระพาย” อ่ะ ห๊ะ! เสียงเรียกทำให้ฉันได้สติ แต่เมื่อมองดีๆก็เห็นว่าเป็นของจุ๊บแจงที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า ฉันโผกอดเพื่อนเอาไว้แน่นอย่างน้อยนี่ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต หรือถ้าโชคดีก็มีคนพาร่างของฉันออกไปจากที่นี่ “แคร่ก ๆ เดี๋ยวๆ ปล่อยก่อนฉันหายใจไม่ออก เป็นอะไรของเธอเนี่ย?” “ฉันคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหน้าเธอแล้ว ฮือ ๆ ว่าแต่.. เข้ามาได้ยังไง?” “ก็เดินตามเข้ามานะสิ แต่คนเยอะมากแถมยังมืดมองอะไรก็ไม่เห็น กว่าจะแหวกตามเข้ามาถึงที่นี่ได้ เหนื่อยแทบแย่” ขณะที่คนนึงนั่งหน้าเศร้าแต่อีกคนกลับตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศโดยรอบ “เข้าไปข้างในกันเถอะ เร็วๆ” ยังไม่ทันได้ปรับอารมณ์จุ๊บแจงก็ดึงมือฉันเข้าไปในห้อง ลืมท่าทางอีดออดก่อนที่จะเข้ามาไปจนหมด “น้องพระพายมาแล้ว” เย้~ ฮิ้ว~ การมาของหญิงสาว ถูกต้อนรับด้วยเสียงโห้แซวพร้อมเสียงปรบมือจากบรรดาหนุ่มๆภายในห้อง ประหนึ่งว่าเธอเป็นเทพีแห่งชัยชนะ แสงไฟสีนวลสลัวปรับระดับความเข้มตามจังหวะเสียงดลตรีภายในห้อง “มี มีอะไรกันหรือเปล่าคะ ทำไม?” คนตัวเล็กยิ้มแห้ง ดวงตากลมโตมองไปรอบๆด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรหรอกครับ พวกเราแค่ดีใจที่น้องพระพายยอมมา” ภาคินเดินเข้ามากระซิบ พร้อมยื่นขวดแก้วทรงยาวที่เพิ่งเปิดให้หญิงสาว “ขอบคุณค่ะพี่ภาคิน แต่พรุ่งนี้พระพายมีเรียน” “มีเหรอ? วิชาอะไรฉันไม่เห็นรู้เลย” สายตาดุเหลือบมองเพื่อนรักในทันที ทำให้จุ๊บแจงชะงักตีหน้ามึนกลบเกลื่อน “หึ ไม่เป็นไรครับ แค่น้ำผลไม้ไม่มีแอลกอฮอร์” คิ้วหนาเลิกสูง ดวงตาคมเข้มแต่อบอุ่น รอยยิ้มละมุม สร้างความประทับให้สาวน้อยเป็นอย่างมาก มือเล็กรับขวดเครื่องดื่มจากชายตัวโตก่อนที่เธอจะถูกพาให้ไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ท่ามกลางนักฟุตบอลหนุ่มหล่อที่สาวๆ ในมหาลัยหลายคนอยากมีโอกาสสักครั้ง “น้องจุ๊บแจงมานั่งข้างๆ พี่ได้นะครับ” “เฮ้ย! ไม่ได้ๆ มานั่งข้างพี่ดีกว่าครับ” “แหม พวกมึงเนี่ยนะพอรู้ว่าพระพายมีคนจอง พวกมึงก็ไม่สนน้องเขาเลยนะ” ขุนเขาพูดพร้อมกับพ่นควันขาวออกจากปาก “หึ สนใจก็สนใจ แต่พวกกูขี้เกียจทะเลาะ ใช่ไหมวะไอ้คิม” เออ! กลิ่นแอลกอฮอร์คละคลุ้งปนกับกลิ่นบุหรี่อบอวลไปทั่วห้อง เครื่องดื่มหลากยี่ห้องว่างเรียงบนโต๊ะ ด้านหลังมีเคาเตอร์บาร์พร้อมตู้แช่ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านภายในอัดแน่นไปด้วยน้ำหมักหลากสี เหล้านอกราคาแพงนับร้อยขวด เป็นดั่งถ้วยรางวัลของกลุ่มวัยรุ่นและแม้เวลาตอนนี้ยังไม่ถึงเที่ยงคืนแต่สมาชิกหลายคนก็เมาหลับหมดสภาพไปแล้วเกือบครึ่ง “พี่ตั้มมานานหรือยังคะ?” ฉันรีบปรี่เข้าไปนั่งข้างๆพี่ตั้มทันทีที่มองเห็น “ไม่นานครับ” ภาพของทั้งคู่ยิ้มแย้มพูดคุย เสียงหัวเราะกิริยาแนบชิดกระซิบกระซาบ การกระทำทุกอย่างของทั้งคู่มีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ป๊อก ๆ เสียงเคาะขวดเบาๆทำให้ทุกคนที่ยังมีสติหันไปมองตามทิศทางของเสียง “เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนก็มากันครบแล้ว ในนามของอาจารย์ผมขอบคุณพวกคุณที่ทุ้มเท แต่ในนมนามโค้ช กูขอบใจพวกมึงทุกคน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” ฮ่าๆ ฮาๆ ไม่เมา ไม่กลับ “เพลิง ในฐานะกัปตันทีม มึงไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ” หึ! ร่างกำยำเดินออกมาจากเงามืด ใบหน้าเรียบนิ่ง นัยน์ตาดุ “มีสิ!” เสียงเข้มในลำคอ สายตาคมจับจ้องมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่วางตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD