“พวกเราไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย โตแล้ว!”
ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ
“ก็โตแล้วจริงๆ ถึงตัวจะเล็กไปหน่อย แต่ก็..”
ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ
ชายฉกรรจ์หัวเราะร่า สายตาเจ้าเล่ห์มองทะลุเสื้อผ้าหนาเข้าไปถึงเรือนร่างเปลือยเปล่า ความคิดจินตนาการไปไกล เกินกว่าที่เด็กสาวทั้งสองจะคาดคิด
“มายืนทำไมตรงนี้ทำไมยังไม่เข้าไป”
เสียงคุ้นหูทำให้คนตัวเล็กหันกลับไปมอง ซึ่งตอนนี้เจ้าของเสียงก็ได้เข้ามาประชิดตัวของเธอแล้ว
คุณเพลิง!
“คุณเพลิง?”
ฉันหันกลับไปมองพนักงานของผับอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้าดูน่ากลัวแต่ตอนนี้พวกเขากลับมีอาการสงบเสงี่ยมผิดปกติ แถมยังเรียกผู้ชายอายุอ่อนกว่า ว่า ‘คุณ’ นั้นแปลว่าถ้าเขาไม่มาบ่อยจนกลายเป็นขาประจำ ก็คงเป็นพวกใช้เงินติดสินบนพนักงานแน่ ๆ
“ยืนซื่อบื้ออยู่ทำไม? เข้าไปสิ หรือจะเป็นพนักงานต้อนรับ ยืนเรียกลูกค้าอยู่ตรงนี้”
“พวกเราไม่เข้าไปแล้วดีกว่าค่ะ”
“จะเดินเข้าไปเองหรือว่าอยากให้อุ้มเข้าไป?”
คิ้วหนายกสูง สายตาคมจ้องใบหน้าจิ้มลิ้ม พร้อมกับเผยรอยยิ้มมุมปาก
“เราสองคนอายุยังไม่ถึง20 เข้าไม่ได้”
“ไม่ได้เหรอ?”
ชายตัวโตเหลือบมองชายฉกรรจ์ด้วยหางตา ทว่าพวกเขากลับก้มหน้าเงียบไม่แสดงอาการโต้แย้งท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายเดินผ่านเข้าไปมาไม่ขาดสาย
“เป็นคำสั่งของนายครับ ว่าห้ามเด็ดขาด” เสียงตะกุกตะกักตอบชายอายุน้อยกว่าด้วยท่าททางหวาดกลัว
“หึ ผมจะถามอีกครั้ง” เสียงทุ้มต่ำในลำคอ ดวงตาดุจ้องเขม้ง ทั้งที่รู้ว่าเป็นความลำบากใจ และรู้ว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจ แต่ชายหนุ่มก็ยังพยายามบีบบังคับ
“ไม่เป็นไรคะ กัปตันเข้าไปเถอะ เดี๋ยวพระพายไปฉลองกับจุ๊บแจงที่ห้องก็ได้”
“ไม่ได้”
หมับ!
“จะ จะทำอะไรคะ? ปล่อยนะคะ ทำแบบนี้ไม่ได้”
ร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า เดินผ่านหน้าชายชุดดำเข้าไปในผับโดยไม่มีใครกล้าขว้าง ต่างได้แค่มองอยู่ห่างๆเท่านั้น
ด้านในกว้างขว้าง ตกแต่งหรูหราสวยงาม ดูแปลกตาอย่างน่าทึ้ง ภายใต้ความมืดยังมีแสงไฟหลากสีสาดส่องวิบวับไปตามจังหวะของเสียงเพลง
ตอนนี้นอกจากฉันจะมองไม่เห็นอะไรหรือใครแล้ว หูของฉันก็อื้ออึงไปด้วยเสียงดลตรีแปลกๆที่ชีวิตนี้ไม่คุ้นหูไม่เคยได้ยินแถมยังฟังไม่รู้เรื่อง และไม่ว่าจะตะโกนแหกปากมากเท่าไหร่ก็เหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินหรือสนใจฉันเลยสักนิด
พึ่บ!
โอ๊ย!!
ระหว่างที่สมองกำลังประมวลผลครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ร่างของเธอก็ถูกโยนจากบ่าลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นไม่เป็นท่า โดยมีชายตัวโตยืนยิ้ม มองดูผลที่เกิดจากกระทำของตนเองด้วยความพอใจราวกับเธอเป็นเพียงตัวตลกให้หยอกเล่น
“วางลงดีๆไม่ได้หรือไง?”
เสียงเล็กพูดดัง และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดนั้นเพราะเสียงเพลงที่กำลังเปิดภายในผับดังกลบเสียงเธอไปจนหมด หรือหากได้ยิน ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจคำพูดของเธอที่เขาว่ามันไร้สาระ
“ไอ้บ้า! ไอ้ขี้เก๊ก ไอ้..”
0.0!!
ไวกว่าความคิด คำด่ามากมายที่อยู่ในหัวสะท้อนออกมาเสียงดัง ทว่าเวลานั้นเองที่เสียงเพลงหยุดลง
“ว่าอะไรนะ?”
ปีศาจร้ายย่อตัวลงมานั่งตรงหน้าของฉัน สายตาคู่นั้นราวกับกำลังจะฉีกร่างแยกฉันออกเป็นชิ้นๆ
“ปะ ปะ เปล่าค่ะ”
“แน่ใจนะ ว่าเปล่า”
อื้มๆ
คนตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ พยักหน้าถี่รัวๆ
“หึ ปากดีไปเถอะ ยังไงคืนนี้ฉันก็ไม่ปล่อยเธอไป” สิ้นคำร่างใหญ่ก็ยันกายลุกขึ้น เปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมกับเสียงหัวเราะพูดคุยดังก้องอยู่ภายใน
“หมายความว่าไง ไม่ปล่อยฉัน? หรือว่า.. ขะ เขาจะฆ่าปิดปากฉัน งั้นเหรอ?” ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่ที่พื้น ใบหน้าจิ้มลิ้มซีดขาว ดวงตาเหม่อลอย
“พระพาย! พระพาย”
อ่ะ ห๊ะ!
เสียงเรียกทำให้ฉันได้สติ แต่เมื่อมองดีๆก็เห็นว่าเป็นของจุ๊บแจงที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า ฉันโผกอดเพื่อนเอาไว้แน่นอย่างน้อยนี่ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต หรือถ้าโชคดีก็มีคนพาร่างของฉันออกไปจากที่นี่
“แคร่ก ๆ เดี๋ยวๆ ปล่อยก่อนฉันหายใจไม่ออก เป็นอะไรของเธอเนี่ย?”
“ฉันคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหน้าเธอแล้ว ฮือ ๆ ว่าแต่.. เข้ามาได้ยังไง?”
“ก็เดินตามเข้ามานะสิ แต่คนเยอะมากแถมยังมืดมองอะไรก็ไม่เห็น กว่าจะแหวกตามเข้ามาถึงที่นี่ได้ เหนื่อยแทบแย่”
ขณะที่คนนึงนั่งหน้าเศร้าแต่อีกคนกลับตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศโดยรอบ
“เข้าไปข้างในกันเถอะ เร็วๆ”
ยังไม่ทันได้ปรับอารมณ์จุ๊บแจงก็ดึงมือฉันเข้าไปในห้อง ลืมท่าทางอีดออดก่อนที่จะเข้ามาไปจนหมด
“น้องพระพายมาแล้ว”
เย้~ ฮิ้ว~
การมาของหญิงสาว ถูกต้อนรับด้วยเสียงโห้แซวพร้อมเสียงปรบมือจากบรรดาหนุ่มๆภายในห้อง ประหนึ่งว่าเธอเป็นเทพีแห่งชัยชนะ แสงไฟสีนวลสลัวปรับระดับความเข้มตามจังหวะเสียงดลตรีภายในห้อง
“มี มีอะไรกันหรือเปล่าคะ ทำไม?” คนตัวเล็กยิ้มแห้ง ดวงตากลมโตมองไปรอบๆด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พวกเราแค่ดีใจที่น้องพระพายยอมมา” ภาคินเดินเข้ามากระซิบ พร้อมยื่นขวดแก้วทรงยาวที่เพิ่งเปิดให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะพี่ภาคิน แต่พรุ่งนี้พระพายมีเรียน”
“มีเหรอ? วิชาอะไรฉันไม่เห็นรู้เลย”
สายตาดุเหลือบมองเพื่อนรักในทันที ทำให้จุ๊บแจงชะงักตีหน้ามึนกลบเกลื่อน
“หึ ไม่เป็นไรครับ แค่น้ำผลไม้ไม่มีแอลกอฮอร์” คิ้วหนาเลิกสูง ดวงตาคมเข้มแต่อบอุ่น รอยยิ้มละมุม สร้างความประทับให้สาวน้อยเป็นอย่างมาก
มือเล็กรับขวดเครื่องดื่มจากชายตัวโตก่อนที่เธอจะถูกพาให้ไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ท่ามกลางนักฟุตบอลหนุ่มหล่อที่สาวๆ ในมหาลัยหลายคนอยากมีโอกาสสักครั้ง
“น้องจุ๊บแจงมานั่งข้างๆ พี่ได้นะครับ”
“เฮ้ย! ไม่ได้ๆ มานั่งข้างพี่ดีกว่าครับ”
“แหม พวกมึงเนี่ยนะพอรู้ว่าพระพายมีคนจอง พวกมึงก็ไม่สนน้องเขาเลยนะ” ขุนเขาพูดพร้อมกับพ่นควันขาวออกจากปาก
“หึ สนใจก็สนใจ แต่พวกกูขี้เกียจทะเลาะ ใช่ไหมวะไอ้คิม”
เออ!
กลิ่นแอลกอฮอร์คละคลุ้งปนกับกลิ่นบุหรี่อบอวลไปทั่วห้อง เครื่องดื่มหลากยี่ห้องว่างเรียงบนโต๊ะ ด้านหลังมีเคาเตอร์บาร์พร้อมตู้แช่ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านภายในอัดแน่นไปด้วยน้ำหมักหลากสี เหล้านอกราคาแพงนับร้อยขวด เป็นดั่งถ้วยรางวัลของกลุ่มวัยรุ่นและแม้เวลาตอนนี้ยังไม่ถึงเที่ยงคืนแต่สมาชิกหลายคนก็เมาหลับหมดสภาพไปแล้วเกือบครึ่ง
“พี่ตั้มมานานหรือยังคะ?” ฉันรีบปรี่เข้าไปนั่งข้างๆพี่ตั้มทันทีที่มองเห็น
“ไม่นานครับ”
ภาพของทั้งคู่ยิ้มแย้มพูดคุย เสียงหัวเราะกิริยาแนบชิดกระซิบกระซาบ การกระทำทุกอย่างของทั้งคู่มีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
ป๊อก ๆ
เสียงเคาะขวดเบาๆทำให้ทุกคนที่ยังมีสติหันไปมองตามทิศทางของเสียง
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนก็มากันครบแล้ว ในนามของอาจารย์ผมขอบคุณพวกคุณที่ทุ้มเท แต่ในนมนามโค้ช กูขอบใจพวกมึงทุกคน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก”
ฮ่าๆ ฮาๆ
ไม่เมา ไม่กลับ
“เพลิง ในฐานะกัปตันทีม มึงไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ”
หึ!
ร่างกำยำเดินออกมาจากเงามืด ใบหน้าเรียบนิ่ง นัยน์ตาดุ
“มีสิ!”
เสียงเข้มในลำคอ สายตาคมจับจ้องมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่วางตา