การปรากฏตัวของชายหนุ่มสร้างความตื่นเต้นให้กับสมาชิกภายในห้องเป็นอย่างมาก ทุกคนนั่งเงียบตั้งใจฟังสิ่งที่ชายตัวโตกำลังจะกล่าว ใบหน้าและสายตาต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังมองว่าเขาเป็นเหมือนต้นแบบในการเจริญรอยตาม
“พระพาย! เป็นผู้หญิงของกู”
หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น ทันทีที่ได้ยินเขาพูดคำนั้นออกมาจากปาก นี่เขาเป็นบ้าหรือว่าไปเมายาอะไรมา ถึงพูดออกมาแบบนั้น
เสียงโห้ดังก้อง ทว่าหูสองทั้งข้างของเธออื้อดับ ความคิดภายในหัวมีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
พึ่บ
แต่เมื่อชายหนุ่มข้างกายลุกขึ้น ประสาทสัมผัสทุกส่วนของเธอกลับรับรู้ได้ในทันที
“พี่ตั้ม! จะกลับแล้วเหรอคะ พี่ตั้ม!” เสียงเล็กเรียกชื่อของเขาซ้ำๆ แต่เขากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้หญิงสาวตัวเล็กมองตามด้วยแววตาเศร้า
“มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ? ยังไงมันก็เป็นรุ่นน้องร่วมคณะ” ภาคินเดินเข้ามายืนข้างๆ เพลิง ขณะที่สายตาของเขายังอยู่ที่หญิงสาวตัวเล็ก
ใบหน้าเรียบนิ่งเผยรอยยิ้มบนมุมปาก สายตาเย็นชาที่เขากำลังมองเธอกลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างน่ากลัว
“หึ! กูทำอะไร?”
“ทำเป็นเล่นสนุกไปเถอะ ระวังจะหลงเหยื่อไม่รู้ตัว” ขุนเขาพูดแทรกเอาแขนวางบนไหล่ของภาคินพร้อมแสยะยิ้ม ยักคิ้วให้กับเพลิง แล้วยกแก้วเทน้ำสีทองลงคอจนหมดใครคร่าวเดียว
“ทำไม? กลัวว่ากูจะพลาดเหมือนมึงเหรอ?”
“อ้าว ไอ้เชี่ยเพลิง”
“เฮ้ย! พอเลย คุยเรื่องนี้ทีไรทำไมพวกมึงต้องกัดกันทุกทีวะ” ภาคินใช้มือดันผลักอกของเพื่อนทั้งสองออกไปคนละฝั่ง
“ก็ไอ้เพลิงมันกวนตีนกูก่อน”
“มึงหุบปากไปเลยไอ้ขุน เมาแล้วก็ไปนอนไป มึงก็เหมือนกันไอ้เพลิง แม่ง! กัดกันอย่างกับหมา”
ระหว่างที่ภาคินบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ทันใดนั้นเองที่สายตาของเพลิงเหลือบไปมองโซฟาซึ่งเคยมีหญิงสาวตัวเล็กนั่งอยู่ หากแต่ตอนนี้ที่ตรงนั้นเหลือเพียงความว่างปล่า
“ไปไหนแล้ว!”
เสียงพูดในลำคอ สายตาคมกวาดมองสำรวจไปรอบๆห้อง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่เพื่อนสนิทของเธอแทน
“พระพายไปไหน?”
คำถามพุ่งตรงไปที่จุ๊บแจงซึ่งตอนนี้เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
“พระพาย เมื่อกี้ยังนั่งอยู่ตรงนี่ หะ หายไปไหนแล้วคะ”
“กูถามว่า พระพายไปไหน?” เสียงตะคอกดัง สายตาน่ากลัวทำให้เธอตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
“เฮ้ย! ไอ้เพลิง มึงใจเย็นๆสิวะ จุ๊บแจงไม่..
“มึงอย่าเสือก! กูไม่ได้ถาม”
ซันกัดฟันแน่น แต่ก็ทำได้เพียงก้มหน้านั่งเงียบๆตามคำสั่ง
“ไม่รู้ จุ๊บแจงไม่รู้ ฮึก! ฮึก!”
ใบหน้าขาวซีดพร้อมกับร่างที่กำลังสั่นเทา ทำให้เขาประเมินได้ว่าคำพูดของเธอไม่ใช่คำโกหกและเชื่อว่าเธอเองก็คงไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะจากชื่อเสียงด้านมืดที่ทุกคนกล่าวขาน การจะทำให้เธอหายสาบสูญก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
..ด้านหน้าของผับ ร่างสูงโปร่งเดินสับเท้าออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด จากที่เคยใจเย็น สุขุม ทว่าตอนนี้เขากลับไม่สามารถข่มอารณ์ความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้ เสียงขบกรามดังกร็อดๆ ใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงติ่งหู มือสองข้างกำจนสั่นหากแต่ไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เพราะความโกรธเกรี้ยวที่กำลังลุกโชนอยู่ในอก เขาเร่งฝีเท้าก้มหน้าเดินห่างจากผับแห่งนี้ออกไปไกลเรื่อย ๆ โดยไม่สนว่ามีใครบางคนวิ่งตามออกมา
พี่ตั้ม! พี่ตั้มคะ!
“รอพระพายด้วย! ฟังพระพายอธิบายก่อน”
พี่ตั้ม!
พี่ตั้มคะ!
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
เสียงหอบร้องเรียกพร้อมกับเสียงเท้าเล็กวิ่งไล่หลังตั้งแต่ออกมาจากผับ ทว่ากลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหยุดหรือหันแม้แต่จะหันมาสนใจ
ตุบ!
อ่ะ อร้าย!!
กึก!
ฝีเท้าของชายตัวสูงหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของหญิงสาว และเมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าร่างบางเล็กได้ทรุดลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นถนนเสียแล้ว
ดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยน้ำใสก่อนที่มันจะค่อยๆ ล้นไหลผ่านสองแก้มขาว สายตาของเธอทำให้เขาไม่อาจทิ้งเธอไปได้
กึก กึก กึก
ตั้มเดินกลับมาหาคนตัวเล็ก ซึ่งเธอเองก็นั่งรอเฝ้ามองเขาผ่านม่านน้ำตาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเขามายืนอยู่เบื้องหน้า สายตาที่ทั้งคู่มองกันและกันเต็มเปี่ยมไปด้วยความผูกพันและห่วงหา ความรู้สึกที่พวกเขาไม่ต้องเอ่ยปากพูดแต่ก็เข้าใจกัน
ตั้มนั่งคุกเข่าประคองร่างของหญิงสาวให้ลุกขึ้น เขาจับมือเล็กอย่างแผ่วเบารอยถลอกเล็กๆ มีของเหลวสีแดงซึมออกมา
“เจ็บไหม?” น้ำเสียงนุ่ม สายตาอบอุ่น ความอ่อนโยนกลับทำให้น้ำตาหยดเล็กๆของเธอพรั่งพรูออกมาเป็นสาย
สาวน้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ รอยยิ้มหวานเปื้อนน้ำตา ทว่ากลับสามารถสร้างรอยยิ้มให้เขาได้
“ถ้าไม่เจ็บ แล้วร้องไห้ทำไมครับ?”
“ก็พระพายกลัว กลัวว่าพี่ตั้มจะไปจากพระพาย กลัวว่าพี่จะไม่สนใจ กลัวว่า.
อุ๊บ!!
ยังพูดไม่ทันสิ้นคำเสียงเล็กของเธอก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากนุ่มของชายหนุ่ม แม้เธอจะรู้สึกตกใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อต้านการกระทำนั้นของเขา คนตัวเล็กหลับตาพริ้มปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่หัวใจของเขาและเธอเพรียกหา
หมับ!!
พึ่บ!!
อ่ะ!!
ท่อนแขนเล็กถูกกระชากดึงเอาร่างบางออกมาจากห้วงจูบของความฝัน กายเนื้อปลิวไปตามแรงเหวี่ยงกระแทกเข้ากับแผงอกกว้างของใครบางคน
“ถ้าอยากได้ของเหลือจากกู มึงก็ต้องรอให้กูเบื่อก่อน”
ทันทีที่ได้ยินเสียงพูด หัวใจของหญิงสาวก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะและเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปมองสิ่งที่เธอคิดตอนนี้ได้ปรากฎอยู่ตรงหน้า ความร้อนแผ่ไปทั่วใบหน้าราวกับกองไฟนับร้อยโหมเข้ามาหาเธอใครคร่าวเดียว
“หมายความว่ายังไง?”
“กัป กัปตัน!” ดวงตาเบิกกว้าง เรียกเจ้าของอกแกร่งในลำคอ
“ปล่อยพระพายมาให้ผม ตอนนี้เราสองคนไม่ใช่คนในทีมฟุตบอลของพี่แล้ว พี่ไม่มีสิทธิ์มาบังคับหรือออกคำสั่ง”
“ปล่อยเหรอ? กูคงปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปไม่ได้ อยากรู้ไหมว่าทำไม?” มุมปากหนากระตุกยิ้ม สายตาเจ้าเล่ห์ทำให้หัวใจคนตัวเล็กยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“พูดบ้าอะไร? ปล่อยนะ พระพายจะกลับบ้าน ปล่อย!”
ฉันพยายามพูดเหตุผลเพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่ยิ่งพยายามดิ้นแรงโอบรัดของเขาก็ยิ่งแน่นและดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเลย
“ทำไม?”
“พี่ตั้มจะกลับบ้านใช่ไหมคะ พี่ตั้มกลับไปก่อนก็ได้ ดะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พระพายโทรหา นะคะ!”
“หึ! ก็เพราะ..
“เพราะ เพราะพระพายเป็นผู้จัดการทีมยังไงล่ะ พระ พระพาย ตะ ต้องกลับไปจัดการเอกสารก่อนถึงจะกลับได้ พี่ตั้มกลับไปก่อนนะคะ”
ฉันรีบพูดแทรกก่อนที่กัปตันจอมปีศาจจะพูดอะไรออกมา และเหมือนว่าเหตุผลของฉันจะได้ผลเพราะตอนนี้สายตาของพี่ตั้มหันมามองฉันแล้ว
“ก็ได้ครับ งั้นพี่จะนั่งรอ”
“ไม่ๆ ไม่เป็นไรคะ ^^ มีจุ๊บแจงอยู่เป็นเพื่อนแล้ว พี่ตั้มกลับไปพักเถอะนะคะ”
รอยยิ้มแห้งๆ คำพูดตะกุกตะกัก มองยังไงก็ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด จะให้ทำยังไงล่ะก็ตอนนี้สมองของฉันมันตันคิดคำโกหกอื่นไม่ออก แต่ถึงเป็นคำโกหกแบบตื้อๆ อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่เสียพี่ตั้มไปและจะไม่ยอมเสียเขาไปเด็ดขาด
“หึ! หัดเป็นเด็กเลี้ยงแกะตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“กัปตัน หุบปากไปเลยนะ! ไม่ต้องพูด!”
ห๊ะ!
คิ้วหนาเลิกสูง ดวงตาคมจ้องใบหน้าขาวของคนตัวเล็กในอ้อมกอด การกระทำของเธอกลับยิ่งกระตุ้นให้น่าสนใจมากขึ้น เพราะตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าพูดกับเขาแบบนี้และยิ่งไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง ขณะที่เธอเป็นคนเดียวที่กล้าทำ