ชายตัวโตถูกพาเข้ามาในห้องนอนใหญ่ เตียงขนาดบิ๊กไซส์แค่มองก็รู้ว่าเป็นที่นอนราคาแพง
“กัปตันนอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพระพายออกไปซื้อข้าวมาให้”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะอ้าปากพูด หญิงสาวตัวเล็กก็เดินออกไปจากห้องซะแล้ว
..ฉันเดินออกมายืนอยู่หน้าคอนโดที่ใช้คำว่าสวยหรูได้เปลืองมากๆ ตึกสูงเสียดฟ้าตั้งตระหง่านกลางเมือง รถที่วิ่งเข้าออกถ้าไม่ใช้รถยุโรป ก็เป็นรถนำเข้าราคาหลายล้าน
“อยู่คอนโดหรูขนาดนี้ สงสัยที่บ้านผลิตเงินใช้เองหรือไม่ก็ทำเรื่องผิดกฎหมาย”
ฉันกลับมาที่สนามกีฬาเพื่อดูการแข่งอีกครั้ง เพราะเป็นห่วงพี่ตั้มกับสมาชิกทีมคนอื่น แต่กว่าจะนั่งรถมาถึงก็ไม่ทันซะแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักเหลือเพียงไม่กี่คนยังยังอยู่
“พี่ภาคิน พี่ขุนเขา แล้วคนอื่นๆล่ะคะ?” ฉันถามพลางมองไปรอบๆ
“กลับไปพักกันหมดแล้วครับ”
“แล้วพวกพี่ทำไมยังไม่กลับล่ะคะ?”
“รอไอ้ซันมารับ ว่าจะไปดูไอ้คิมหน่อย” ดวงตากลมเบิกกว้างมองหน้าชายทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความตกใจ
“พี่คิมหันต์ เป็นอะไรคะ?”
“โดนเตะตัดขานะสิ ไม่รู้กระดูดหักหรือเปล่า ตอนนี้กำลังรอเข้าเครื่อง MRI ที่โรงพยาบาล”
“ขอพระพายไปเยี่ยมพี่คิมด้วยนะคะ?”
“ไปสิ นั่นไง ไอ้วันมาพอดี”
ฉันตามมาเยี่ยมพี่คิมหันต์ที่โรงพยาบาล แต่กว่าจะได้กลับก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม
“แย่แล้ว!”
“น้องพระพายเป็นอะไรครับ?” ซันหันไปถามทันทีที่ได้ยินคนตัวเล็กอุทาน ซึ่งไม่ต่างจากขุนเขาและภาคินที่ยืนมองอยู่ข้างๆ
“พระพายลืมไปเลยคะว่าจะออกมาซื้อข้าวไปให้กัปตัน ป่านนี้คงบ่นจนเสียงแหบคอแห้งไปแล้วแน่ ๆ”
“นึกว่าเรื่องอะไร ไม่ต้องห่วงมันหรอกครับ คนอย่างไอ้เพลิงมันไม่ปล่อยให้ตัวเองอดตายหรอก”
“ยิ่งเรื่องเสียงแหบ ยิ่งเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ?” ฉันมองหน้าพี่ซันกับพี่ขุนเขาที่กำลังยิ้มแปลกๆ
“เพราะคนที่จะเสียงแหบคงเป็นคนอื่นนะสิครับ พี่ว่าพวกเรากลับไปพักผ่อนดีกว่า”
พี่ภาคินอาสาจะไปส่ง อย่าเพิ่งคิดไปไกลนะคะเพราะไปส่งที่ว่า หมายถึงที่พักของพวกเราอยู่โรงแรมเดียวกันทั้งทีม จะมีก็เพียงกัปตันขี้เก๊กคนเดียวที่แยกออกมาอยู่คอนโดหรู
“พี่ๆกลับไปก่อนนะคะ พระพายจะแวะซื้อของก่อน”
“ก็ได้ครับ มีคีย์การ์ดแล้วใช่ไหม?”
“มีแล้วค่ะ ^^”
หลังแยกจากพี่ภาคิน พี่ขุนเขาแล้วก็พี่ซัน ฉันก็รีบไปร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วกลับมาที่คอนโดอีกครั้ง ถึงพี่ซันกับพี่ขุนเขาจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ในฐานะผู้จัดการทีมหน้าที่รับผิดชอบนี้ก็ยังต้องเป็นฉันอยู่ดี
“แวะดูหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไร้น้ำใจ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต” คนตัวเล็กพูดกับตัวเอง ถอนหายใจมองขึ้นไปบนยอดคอนโดสูง
ปิ๊งป่อง!
“เงียบแบบนี้ หรือว่าหลับ! งั้นก็..”
ติ๊ด!
แกร่ก!!
ฉันใช้คีย์การ์ดที่หยิบไปก่อนหน้านี้ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา เพราะคิดว่าเจ้าของห้องคงนอนหลับไปแล้ว แต่...
อ่า~~ น้องเพลิง กินดุจังเลยนะคะ อ้า
“แล้วชอบไหมครับ”
อ้า~
ตับ ๆ ตับ ๆ
“จะแตกอีกแล้ว อ่ะ อ่ะ”
อ้า~
ตับๆ ตับๆ
เสียงพูดคุยสลับกับเสียงครางฟังไม่ได้ศัพท์ ลอยรอดออกมาจากห้องนอนใหญ่ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เสียงนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ประตูห้องเปิดแง้มเหลือช่อง กว้างพอให้เห็นเจ้าของเสียง
ฉันรีบหลับตาวิ่งออกมาจากห้อง นั่งแท็กซี่ตรงดิ่งกลับมาที่โรงแรมทันที
“ถ้าเชื่อพี่ขุนเขากับพี่ซันตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องไปเห็นภาพน่าเกลียดแบบนั้น อี๋! สงสัยกลับไปต้องเอาน้ำเกลือล้างตาสักขวด”
..ขณะเดียวกัน
ผมเดินออกมาจากห้อง สายตาก็ไปพลันสะดุดเข้ากับถุงอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น ผมจำได้ว่าไม่ได้สั่งแล้วก็ไม่เคยสั่งอาหารแบบนี้ขึ้นมากินที่ห้อง กระทั่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้..
“คงจะเห็นหมดแล้ว ก็ดี!” มุมปากยกยิ้ม มองที่ถุงอาหารญี่ปุ่นอย่างเป็นนัย
..ณ ห้องประชุมของโรงแรม
การแข่งวันที่สองผมกับลูกทีมนัดร่วมตัวกันที่เพื่อวางแผนการแข่งในช่วงบ่าย
“ผู้จัดการล่ะ ไปไหน? หรือว่ายังไม่ตื่น?”
“พระพายออกไปซื้อน้ำกับไอ้ตั้ม พวกเราวางแผนกันก่อนได้เลย”
พวกเราเริ่มคุยปรึกษากันเกี่ยวกับทีมตรงข้าม วันนี้ผมกับไอ้คิมไม่ได้ลงสนามเพราะยังมีอาการบาดเจ็บทั้งคู่จึงต้องจัดรูปแบบการแข่งใหม่ทั้งหมด
“มีใครสงสัยอะไรอีกไหม?”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องเปิดกว้าง ร่างชายหญิงหอบหิ้วเครื่องดื่มและของกินมากมายเข้ามาวางบนโต๊ะ
“ไอ้ตั้ม วันนี้มึงลง”
ตั้มหันมองกัปตันทีมทันทีที่ได้ยินคำสั่ง เพราะตั้งแต่สมัครเข้ามา เขาก็ไม่เคยได้ลงสนามแข่งจริงๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“พี่เพลิงพูดจริงเหรอครับ!?”
อืม!
ตั้มหันไปยิ้มให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้สีหน้าและแววตาของเธอดีใจไม่ต่างกัน
หลังพูดคุยทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปพักที่ห้องของตัวเอง
“พระพาย! หยิบน้ำให้หน่อย”
เสียงเรียกรั้งสาวน้อยให้ชะงักขณะกำลังจะก้าวเท้าพ้นบานประตู สาวน้อยสูดลมหายใจลึก แล้วเดินหันกลับเข้ามมาหยิบน้ำไปให้ตามคำขอ
“เป็นอะไร ทำไมไม่มองหน้าฉัน?”
“จำเป็นต้องมองด้วยเหรอคะ? ส่วนอันนี้คืนค่ะ” คีย์การ์ดวางตรงหน้าข้างขวดน้ำ ทว่า...
หมับ!!
“ทำอะไรคะ?”
สาวน้อยมองหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ เพราะแทนที่เขาคว้าขวดน้ำขึ้นไปดื่ม ทว่าเขากลับคว้าข้อมือเล็กไว้แทน
“เมื่อคืนนี้..”
“ถ้าหมายถึงข้าวกล่องไม่ต้องขอบคุณนะคะ พระพายแค่ทำตามหน้าที่ ถ้ากัปตันไม่มีอะไรถามแล้ว ค่อยไปเจอกันที่สนามนะคะ”
แขนเล็กสะบัดแขนดึงมือกลับแล้วเดินหันหลังออกไปจากห้อง ซึ่งเป็นเวลาเดี๋ยวที่ภาคินกับขุนเขาเดินเข้ามาพอดี
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ภาคินถามทั้งที่สายตายังมองคนที่เพิ่งเดินออกไปไม่วางตา
“เปล่า”
“เรื่องนั้น กูว่าพวกเราเลิกเล่นเถอะ กูสงสารพระพายว่ะ”
“สงสาร? หึ มึงแน่ใจเหรอว่าแค่สงสาร?” ผมถามพร้อมกับจ้องตาเพื่อน
“ถ้ากูบอกว่าก็ชอบพระพายล่ะ มึงจะปล่อยเธอไปไหม?”
“ไอ้คิน มึงก็อีกคนเหรอวะ”
“หมายความว่ายังไง อีกคน?”
ขุนเขาทำสายตาเลิ่กลั่ก อ้ำอึ้งไม่กล้าตอบทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำแต่หน้าผากกลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา
“ไอ้คิม กับกู ชอบพระพาย กูสองคนคุยกันแล้วว่าจะแข่งกันจีบอย่างยุติธรรม”
ปึง!
กำปั้นใหญ่ทุบโต๊ะดังลั่น สีหน้านิ่ง สายตาน่ากลัวไม่ต่างจากสัตว์ป่า ฟังกรามบีบแน่น
“กะ กูว่า พะ พวกมึง ใจเย็นๆก่อนดีไหม คือ..”
อย่าเสือก!!
ขุนเขาเม้มปากมองหน้าเพลิงกับภาคินสลับกันไปมา ก่อนจะถอนหายใจนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกลางระหว่างเพื่อนทั้งสอง
..ช่วงบ่าย ณ สนามฟุตบอล
การแข่งขันครึ่งแรกเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด ซึ่งทีมของพวกเราเป็นฝ่ายนำก่อนและมีแนวโน้มว่าจะชนะได้ไม่ยาก หลังจบเกมครึ่งแรกผมจึงขอกลับไปพักปล่อยให้พี่แชมป์ค่อยกำกับดูแลทีมต่อ
..หลังจากเริ่มการแข่งครึ่งหลังได้ไม่นาน
ติ๊ง!!
“อาจารย์คะ พระพายขอเอาข้าวกับยาไปให้กัปตันที่คอนโดก่อนนะคะ เดี๋ยวรีบกลับมา” สาวน้อยกระซิบบอกโค้ชหนุ่ม
“ครับ ไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วง”
สิ้นคำตอบรับของโค้ชหนุ่ม คนตัวเล็กก็รีบโบกรถนั่งมอไซค์จากสนามกีฬาขนาดใหญ่ตรงดิ่งไปที่คอนโดหรูในทันที
ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง!
เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นตามมารยาท หญิงสาวในชุดวอมยืนรอหน้าประตูอย่างกังวล