มธุรดาตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน สมองของเธอหนักอึ้งรู้สึกได้ว่าคอแห้งผากด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปแบบไม่คิดชีวิต สาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่ยอมดื่มแบบนั้นอีกแล้ว
กะอีแค่เพียงอยากเอาชนะแบบขาดสติ
หญิงสาวพยายามยันกายตัวของตัวเองให้ลุกขึ้น ก้มมองสำรวจตัวเองรู้สึกโล่งที่ยังอยู่ในสภาพปกติและเหตุการณ์เมื่อคืนเธอก็ไม่ได้ลืมด้วย แต่ในละครตื่นมาแล้วต้องเสียตัวไม่ใช่เหรอ
เหอะ! เราไม่น่าพิศวาสหรือไง อิตาคนตายด้าน! ตายด้านทั้งตัวทั้งใจ
ก๊อก ๆ ๆ
"เข้ามาได้ค่ะ"
พลั่ก!
บานประตูถูกผลักเข้ามาทันที เจอป้าแสงแม่บ้านเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
"เอาข้าวต้มมาให้คุณแอนนี่ค่ะ เมื่อคืนคุณเมามาก เมาแบบทิ้งตัวแบบนั้นไม่ดีนะคะ"
เออ!อย่างน้อยก็ยังมีป้าแม่บ้านที่คอยเป็นห่วงเป็นใย
"แล้วใครพาแอนนี่มาส่งที่ห้องคะ?"
"ป้ากับชมพู่เองค่ะ"
ชมพู่คือลูกสาววัยสิบห้าของป้าแสงนั้นเอง
"อ้าว เหรอคะ?"
ในนิยายพระเอกต้องเป็นคนหามนางเอกมาส่งต่อตามด้วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ไม่ใช่เหรอ
หลังจากนั้นต้องงง ฮ๋าย! นี่ฉันกำลังคิดหวังอะไรจากผู้ชายคนนั้นอยู่วะ ไม่เอาไม่คิด แต่ๆๆ มันก็อดคิดไม่ได้ โอกาสล่อแหลมแบบนั้นอิตานั่นก็ยังตายด้าน
ฉันสวยน้อยเซ็กซี่น้อยกว่าพวกสาวพีอาร์พวกนั้นหรืออย่างไรกัน ?
"แล้วคุณภาคินล่ะคะ?"
"วันนี้วันหยุด คุณเขาจะออกไปวิ่งออกกำลังกาย เสร็จแล้วก็จะกลับมาขลุกอยู่ในสวนหลังบ้าน หรือไม่ก็ไปไดร์ฟกอล์ฟกับเพื่อนๆค่ะ"
มธุรดาพยักหน้ารับทราบ อืม..กิจกรรมของคนรวยสินะ อีตานี่ก็มีมุมที่เราไม่เคยเห็นเหมือนกันแหะ
"โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวแอนนี่ขอไปจัดการกับสภาพตัวเองก่อนนะ รู้สึกว่า แฮ่! เครื่องสำอางค์ทั้งหมดมันจะมากองรวมกันอยู่ใต้ตาแล้วค่ะ"
ป้าแสงหัวเราะออกมาเบาๆเพราะเป็นแบบนั้นจริงๆ
"งั้นอย่าลืมข้าวต้มของป้านะคะ ป้าทำสุดฝีมือเลยค่ะ แล้ววันนี้คุณแอนนี่จะไปไหนมั้ยคะ..ถ้าไม่ไปไหนป้าจะได้เตรียมกลางวันไว้ให้"
มธุรดาพยายามนึกถึงโปรแกรมของวันนี้ ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอมีงานเขียนค้างเอาไว้ที่ต้องสะสาง และสภาพร่างกายของเธอที่แทบจะแหลกสลายตอนนี้ไม่น่าจะไปไหนได้
"ไม่น่าจะไปไหนไหวค่ะ แอนนี่รู้สึกว่าร่างกำลังจะพัง เพราะงั้นแอนนี่ขอพักก่อนดีกว่า"
"ถ้าอย่างนั้นมื้อกลางวัน รับประทานอะไรดีคะ?"
"ได้หมดเลยค่ะ อะไรก็ได้เอาที่ป้าแสงอยากจะทำให้แอนนี่ทานเลยค่ะ"
มธุรดายิ้มน่ารักให้ป้าแสง คนแก่ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย นายผู้หญิงของเธอคนนี้เป็นกันเองเสมอ ข่าวที่ว่าพวกคนตระกูลนี้ถือเนื้อถือตัวเอาใจยาก ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด หรือถ้าหากเป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่มธุรดาแล้วหนึ่ง
"ค่ะ งั้นป้าไปเตรียมเลยนะคะ กลัวคุณหิวขึ้นมาจะไม่ทันการ"
"น่าจะรอบบ่ายโมงค่ะ ป้าไม่ต้องรีบนะคะ"
กล่าวจบมธุรดาก็เดินเข้าห้องอาบน้ำทันที เธอรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเธอเหมือนลูกละมุดดีๆนี่เอง กลิ่นอย่างนี้ไงล่ะสามีที่รักจึงหายหัวไปแต่เช้า
เมื่อคืนเธอก่อเรื่องขนาดนั้น นึกว่าเช้านี้จะตื่นมาพร้อมใบหย่าซะอีก ทว่า นึกไปนึกมา ใบหย่ากลับเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สองที่เธออย่างได้ อย่างแรกตอนนี้อยากจะเอาชนะใจผู้ชายเย็นชาไร้หัวใจคนนี้มากกว่า
'เห้อ สรุปอยากทำให้เกลียดหรือให้รักกันนะยัยแอนนี่ โอ้ย!สับสนว่ะ'
ในขณะที่กำลังอาบน้ำในสมองน้อยๆของเธอก็เอาแต่คิดถึงเขา รู้สึกปั่นป่วนข้างในไปหมด ความรู้สึกสับสนค่อยๆครอบงำเข้ามาในจิตใจ ภาพของภาคินที่นั่งเคียงคู่กับผู้หญิงคนอื่นและคำพูดจาของเขาที่ค่อนข้างจะใจร้ายกับเธอด้วย
ตอนแรกมธุรดาคิดว่ามันจะไม่มีผลกับใจเธอเสียอีกสุดท้ายแล้ว มันกลับตกค้างอยู่ข้างในใจสลัดให้หลุดไปเท่าไหร่ก็ไม่หลุด
ไลน์!
เสียงแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น ปลุกให้มธุรดาที่กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งตื่นขึ้นจากภวังค์
(ไงจ้ะเพื่อนร้าก เมื่อคืนโดนผัวลากกลับไป แกคงไม่ได้เพลี่ยงพล้ำโดนเขาจับปล้ำแล้วหรอกนะ เพราะเมื่อคืนดูเหมือนพี่แกจะโกรธเอามากๆ)
'โดนบ้าโดนบออะไร หายหัวไปแต่ยังไม่ย่ำรุ่ง แถมเมื่อคืนก็ปล่อยให้พวกคนรับใช้ดูแลฉันด้วย'
(อ้าวเหรอ ไงเป็นงั้นล่ะ สรุปนอกจากไม่ได้ใบหย่าแล้ว เขายังปล่อยให้แกแห้งเหี่ยวอีกเหรอ)
'นี่แกไม่ได้เยาะเย้ยฉันอยู่ใช่มั้ย?'
(ฉันอยากจะทุบหลังแกแรงๆมากกว่า ทำไมปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนั้นในที่แบบนั้นมันอันตรายมากเลยรู้ป่ะ?)
'อืม..คงเข็ดไปอีกนานอ่ะ ต่อไปนี้ไม่กล้าดื่มแบบนั้นแล้วล่ะ รู้สึกว่าเมื่อคืนมันเสียเปล่าไปหมดเลย ไม่ได้อะไรสักอย่างนอกจากความขายขี้หน้า'
มธุรดารู้สึกว่าเธอกำลังโดนครอบงำด้วยความรู้สึกบางอย่าง
"ไม่เอานะแอนนี่ เธออย่าเผลอใจเชียวล่ะ คุณภาคินนั่นไร้หัวใจจะตาย"
ได้แต่เตือนตัวเองซ้ำๆ เธอควรจะหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด หากไม่อยากอยู่เป็นสินค้าที่เอาไว้เก็งกำไรหรือขาดทุน ทว่า...ถ้าหากเขายังพอมีหัวใจรักอยู่บ้าง มธุรดาเองอาจจะลองคิดดูใหม่สำหรับเรื่องหย่า
แต่มันก็เป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากมากอยู่เหมือนกัน คนอย่างเขาย่อมใช้สมองมองโลกนี้มากกว่าจะใช้หัวใจและความรู้สึก เธอกับเขาต่างกันคนล่ะขั้วอย่างไม่อาจกั้น
ร้านกาแฟยามเช้าแห่งหนึ่ง
"หนีเมียออกมาแต่เช้าเลยนะมึง"
กฤตินพูดขึ้นขณะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ทั้งคู่ยังอยู่ในชุดออกกำลังกายเพราะเพิ่งจะออกกำลังด้วยการวิ่งที่สวนสาธารณะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง
"ทำยังไงถึงจะหยุดผู้หญิงไม่ให้หึงได้วะ กูรู้สึกว่ากูใช้ชีวิตลำบาก"
"ยากอะไรก็แค่ฟ้องหย่า จะได้จบๆ"
"บ้า! กูจะหย่าได้ยังไง คุณแม่ตีหัวแตกเพราะท่านรักลูกสาวบ้านนี้อย่างกะอะไรดี"
ภาคินถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างหมดทาง
"ก็มีอีกทาง มึงก็ต้องตามใจเขา เอาอกเอาใจแสดงความรักให้มากกว่านี้ ผู้หญิงจะทำตัวน่ารักเวลาที่มีความสุข"
"กูนี่อ่ะนะ เอาอกเอาใจยัยนั่น อีกอย่างเรื่องรักใคร่อะไรนั่นไม่ได้อยู่ในสมองกูด้วยซ้ำ"
ภาคินเอามือชี้หน้าตัวเองก่อนจะทำหน้าพิศวงใส่อีกฝ่าย แค่คิดก็ขนลุก เอาอกเอาใจยัยแอนนี่เหรอเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่เขาจะคิดทำ
"งั้นก็เรื่องของมึง..."
กฤตินยักไหล่อย่างโนสนโนแคร์เพื่อนสนิทอีกต่อไป ขอคำปรึกษาแต่ไม่เคยฟังกู จะมาปรึกหาเตี่ยอะไร เพราะเขาเองก็หมดปัญญาแล้วเหมือนกัน