ภาคินกลับมาถึงบ้านในตอนเกือบเที่ยงวัน
"ป้าแสงครับ"
เนื่องจากไม่เห็นบุคคลที่อยู่ร่วมบ้านเลยเรียกหาแม่บ้านเพื่อถามไถ่
"คะ คุณคิน"
ป้าแสงกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาตามเสียงเรียกของผู้เป็นเจ้านาย
"แล้ว คุณแอนนี่ล่ะ?"
หัวคิ้วมุ่นขึ้นในขณะที่ใช้สายตากวาดไปรอบๆบ้าน รถของมธุรดาก็ยังจอดอยู่ที่โรงจอดรถ นั่นก็แสดงว่าหล่อนไม่ได้ออกไปไหน
"เมื่อครู่ป้าเห็นขนอุปกรณ์วาดรูปไปที่สระว่ายน้ำหลังบ้านค่ะ"
"อ๋อ ครับ"
ภาคินพยักหน้ารับทราบ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่เรื่องเมื่อคืนมธุรดาไม่ได้เอาไปฟ้องผู้เป็นบิดาและมารดาของเขา
"คุณคินมีอะไรหรือเปล่าคะ?"
ป้าแสงถามขึ้นเพราะปกติแล้วภาคินไม่ได้ดูสนใจมธุรดาขนาดนั้น
"ไปหาน้ำกับของว่างให้แอนนี่ด้วยนะครับ"
"ค่ะ"
ภาคินเดินตามไปที่สระว่ายน้ำ เพิ่งอยู่ด้วยกันไม่กี่วันเขาไม่รู้เลยว่าภรรยาในนามชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร รู้เพียงแต่ว่าหล่อนชอบตามระรานเขาเป็นชีวิตจิตใจเท่านั้น
ร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งสวมทับกางเกงขาสั้นอวดขาเรียวเล็กนวลเนียน ใบหน้าใสไร้ซึ่งเครื่องสำอางมองเผินๆคงไม่คิดว่าเป็นสาววัยยี่สิบสี่ปี แต่หากเป็นเพียงเด็กสาววัยแรกแย้มที่ยังคงเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ทรงผมดำขลับที่เคยปล่อยยาวสลวยถูกรวบไว้หลวมๆเป็นทรงดังโงะอย่างไม่ได้ตั้งใจ
บนพื้นเต็มไปด้วยกระดาษวาดรูปที่ถูกขยำทิ้ง
"อืม ฝึกวาดมาเป็นเดือนแล้ว ทำไมถึงวาดไม่ได้สักทีนะ"
บ่นขึ้นโดยไม่รู้ว่าคนตัวสูงบางคนเดินกอดอกมายืนอยู่ข้างหลัง
"อุย! คุณ"
เผลออุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อมือเรียวที่กำดินสอวาดรูปถูกเขากอบกุมเอาไว้ ก่อนจะจับมือให้ลงน้ำหนักและจังหวะไปพร้อมกับเขา มธุรดาใจสั่นระรัวเพราะอยู่ใกล้กันเพียงปลายจมูก
"ใจเย็นๆค่อยๆลากเส้น สังเกตมุมของแสงค่อยๆแรเงาไปแบบนี้ เห็นไหมเริ่มเป็นเค้าโครงแล้ว"
เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ
"จริงๆด้วยค่ะ"
มธุรดาคลี่ยิ้มกว้างอย่างน่ารักเหมือนเด็กน้อยให้ภาคิน เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหล่อนในอิริยาบถแบบนี้ ไม่ใช่สาวเจนจัดทาปากแดงแปร๊ดวิ่งตามหึงหวงเขาไม่เว้นแต่ละวัน
"เอาล่ะทีนี้ก็ลอง.."
ภาคินลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ มธุรดาได้แต่ขมวดคิ้วว่าเขามาไม้ไหนอีก หรือว่าจะใช้แผนเดียวกับเธอ แต่..วันนี้เธอเฟคไม่ไหวหรอกนะ
"แล้วนั่นอะไร?"
ชี้ไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยหนังสือและแล็ปท็อป
"ทำงานค่ะ"
"หืม มีงานทำด้วยเหรอ?"
ไม่รอช้าภาคินถือวิสาสะเดินเข้าไปดูงานอย่างว่าของเธอทันที มธุรดายักไหล่ไม่ได้สนใจจะร้องห้ามเพราะงานของเธอไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อะไร สุดท้ายแล้วก็ถูกเขาดูถูกอยู่ดีเพราะสำหรับเธอแล้วงานของเธอไม่ได้มีคุณค่าถึงขั้นรับเงินทองเป็นกอบเป็นกำ เพียงแต่มธุรดามองว่ามันมีคุณค่าทางใจที่ประเมินออกมาไม่ได้ต่างหาก
ภาคินนั่งลงอ่านสิ่งที่อยู่หน้าจออย่างตั้งใจ โดยที่มธุรดาสนใจอยู่กับการวาดรูป
ทุกอย่างอยู่ในความเงียบไปชั่วครู่เมื่ออีกคนนั่งอ่านนิยายส่วนอีกคนนั่งตั้งใจวาดรูป
"อืม...บทเลิฟซีน มันยังดูแข็งๆไปนะ"จู่ๆภาคินก็เอ่ยวิจารณ์บทนิยายของเธอขึ้นมา มธุรดาแทบสำลักน้ำลาย ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปปิดหน้าจอทันที แก้มสาวแดงปลั่งด้วยความเขินอายเธอลืมไปว่านิยายเรื่องนี้มีบทอัศจรรย์ด้วย
ท่าทางอายแทบแทรกแผ่นดินหนีของหญิงสาวทำให้ภาคินเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างขำขันปนไปด้วยความรู้สึกเอ็นดู
มธุรดาอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย
'เขายิ้ม ให้ตายเถอะ ยิ้มออกมาแบบนี้หล่อเป็นบ้า'
ใจสาวเต้นตึก ๆ รัวเร็วอย่างไม่เป็นจังหวะ ไม่อยากจะคิดว่าคุณภาคิน สุทธาคุณผู้เย็นชาเหมือนน้ำแข็งที่เย็นเชียบวันนี้มีอารมณ์ขันกับเขาด้วย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มของเขามันมีผลกับหัวใจของเธอมากเลยทีเดียว
"ก็..ก็ แอนนี่ยังไม่ได้รีไรท์เลย เขียนไปงั้นๆก่อน"
รีบแก้ตัว แก้มยังคงร้อนผ่าวแดงเป็นลูกตำลึง ยิ่งถูกสายตาคมจ้องมองแบบแปลกๆอีก มธุรดาเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ดูถูกเย้ยหยันหรือว่า...เห้อ ก็แล้วแต่ มธุรดาไม่อาจจะห้ามความคิดของใครได้ จะคิดอย่างไรก็ช่างเถอะ
"ชอบงานด้านนี้สินะ"
ตอนแรกภาคินนึกว่าลูกสาวคนรองของรัศมิ์สกุลจะไม่เอาการเอางานซะอีกที่แท้หล่อนไม่ได้มีหัวด้านธุรกิจ
แต่ถึงจะมีความสามารถให้เขาเดาแล้วล่ะก็ไม่น่าจะบังคับมธุรดาให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้ หล่อนมีสไตล์ตัวตนอีกแบบกับที่แสดงออกมาให้เขาเห็น
'เธอเป็นคนยังไงกันแน่นะแอนนี่?'
ภาคินเริ่มวิเคราะห์หญิงสาวแต่แอบเก็บงำทุกอย่างไว้ในใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดมาตลอดหลายเดือน และไม่ได้เหมือนกับกรรวีพี่สาวแม้แต่นิด
'จะว่าไปแล้วก็น่าค้นหาไม่ใช่น้อย จะเป็นไรถ้าเราจะเล่นตามบทของหล่อนไปด้วย ก็คงจะน่าสนุกดีพิลึก' มุมปากหยักโค้งขึ้นผุดยิ้มออกมาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกต
"เย็นนี้ผมมีนัดคุยงานด่วนกับลูกค้าที่พัทยา"
มธุรดาที่กลับไปนั่งตรงโต๊ะของตัวเองฟังแล้วนิ่งเฉย ไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกจาก
"ค่ะ"
คำตอบสั้นๆที่ปกติคนขี้หึงขี้หวงเขาจะไม่นิ่งเฉยแบบนี้แน่นอน ภาคินเริ่มแน่ใจอะไรบางอย่าง
"คุณต้องไปเตรียมตัวเพราะคุณจะต้องไปกับผมด้วย"
"แอนนี่ไม่ไปหรอกค่ะ "
ตอบเอื่อยเฉื่อย ก็บอกแล้ววันนี้ไม่มีแรงเฟคใส่เขาจะไปทำอะไรก็ไปดิ จะมารายงานทำไมคะคุณสามี
"ผมไปพัทยานะ สาวๆเยอะกว่าไนท์คลับเมื่อคืนอีก"
"ค่ะ"
ยังมีทีท่าเงียบเชียบเหมือนเดิม เธอสนใจแต่รูปวาดที่กำลังบรรจงวาดขึ้นตามที่เขาสอนและยิ้มดีใจที่เริ่มออกมาดี ออกจะรำคาญภาคินมากกว่าที่ไม่ออกไปซะที
"คุณไม่ได้หึงหวงผมแล้วเหรอ?"
แค่นั้นแหล่ะดินสอสองบีที่อยู่ในมือก็ร่วงหล่นลงบนพื้นในทันที
"เมื่อกี้ว่าอะไรนะคะ ไปพัทยาเหรอ ไปกับใครคะ แล้วไปพบลูกค้าแบบไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย?"
จากที่แน่ใจแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ตอนนี้ภาคินเริ่มแน่ใจแล้วว่ามธุรดาไม่ได้รู้สึกชอบเขาจริงๆ
มธุรดาคงจะทำตามความต้องการของพ่อแม่ของหล่อนที่ต้องการให้หล่อนทำแบบนี้เอาใจเขา ซึ่งเขาไม่ต้องการความสัมพันธ์จอมปลอมแบบนั้น
ก็ได้...อยากแสดงก็เอาให้เต็มที่เลยแอนนี่ เขาจะรอดูบทละครที่คุณเขียนขึ้นมาแสดงเองเหมือนกัน
แต่บอกไว้ก่อนว่าคนอย่างเขาไม่มีวันยอมขาดทุน
'วิทวัส จองห้องพักให้ผมกับภรรยาที่พัทยาด้วย เอาห้องHoneymoon Roomอย่างดีเลยนะ'
ข้อความถูกส่งไปหาเลขาฯส่วนตัวชื่อวิทวัส หนุ่มหน้าตี๋อายุยี่สิบเจ็ดปีซึ่งมีอายุน้อยกว่าเขาสามปี วิทวัสเป็นเลขาฯและผู้ช่วยซึ่งมีหน้าที่คอยจัดการเรื่องส่วนตัวให้เขาในทุกๆเรื่องและทุกๆเวลาที่ภาคินต้องการ