ในที่สุดมธุรดาก็ไม่อาจที่จะปฎิเสธคำสั่งของสามีในนามได้ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องมากับเขาอยู่ดี ความรู้สึกเหมือนทำกับดักเอาไว้แล้วตัวเองก็เป็นฝ่ายที่หลุดเข้าไปในบ่วงของกับดักเสียเอง
มธุรดาได้แต่แอบถอนหายใจเป็นระยะในขณะที่นั่งรถมากับเขา จนมาถึงโรงแรมหรูริมหาดแห่งหนึ่ง สิ่งที่ทำให้หญิงสาวต้องรู้สึกหวั่นวิตกอีกครั้งก็คือ ภาคินจองห้องพักแค่เพียงห้องเดียว เขาหล่อดูดีจนอยากจะลากขึ้นเตียงก็จริงแต่มธุรดา...ก็อดที่จะหวั่นหน่อยๆ ไม่ได้เพราะมธุรดาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนั้นไม่อยากให้เขาหัวเราะเยาะว่าเธอเป็นแค่เด็กไร้เดียงสากับเรื่องบนเตียง
จะกลับไปหาประสบการณ์มันก็ไม่ทันแล้วไง จริตต้องเป็นแบบไหน ต้องร้อนแรงแค่ไหนมธุรดาไม่รู้เลย สมัยเรียนใครสั่งสอนให้เธอรักนวลสงวนตัวนะ ก็ไม่
เห้อ! แล้วฉันต้องมานั่งเครียดกับเรื่องที่มันไม่สมควรเครียดได้ยังไงกันอ่ะ..มธุรดา ดันสร้างภาพไว้ว่าเป็นสาวเซ็กซี่สตาร์ซะด้วย
เรื่องเสียตัวหรือไม่เสียตัวมธุรดาทำใจแล้ว
ถือคติที่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เหอะ!กลัวว่ามันจะไม่เกิดมากว่า บุคลิกคุณภาคินคนนี้ดู หยิ่ง ถือตัว เข้าถึงยาก แม้ว่าในไนท์คลับคืนนั้นจะเห็นมีผู้หญิงนั่งบริการอยู่ข้างๆ แต่มธุรดาสัมผัสได้ว่าเขาไม่กินใครง่ายๆ
"คุณรอผมอีกประมานสองชั่วโมง ผมคุยกับลูกค้าเสร็จแล้วจะมารับไปดินเนอร์"
บอกในขณะที่ลากกระเป๋าเดินทางใบขนาดกะทัดรัดเข้ามาในห้อง เพราะเขาสั่งให้เจ้าหน้าที่ของโรงแรมยกมาวางไว้ให้แค่เพียงหน้าประตูห้องพักเท่านั้น
"ค่ะ"
หลังจากรออยู่สองชั่วโมงเขาก็โทรตามมธุรดาลงไปดินเนอร์จริงๆ แต่ทว่าไม่ได้เป็นดินเนอร์ที่มีเพียงเราสองคนเท่านั้น เขาพาผู้หญิงที่ไหนอีกคนมาด้วยก็ไม่รู้ หล่อนดูสวย แพง ดูสง่าดุจนางพญาก็ไม่ปาน
"แอนนี่ นี่นิโคลีนเป็นคู่ค้าทางธุรกิจและเป็นเพื่อนของผมด้วยครับ"
ภาคินผายมือแนะนำด้วยสีหน้าเรียบๆ ไม่ยิ้มไม่แสดงอาการตามคาแรคเตอร์ปกติของเขา
"สวัสดีค่ะ"
มธุรดายิ้มทักทายโดยไม่ได้ยื่นมือไปจับหรือยกมือขึ้นไหว้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรมธุรดาถึงสัมผัสได้ว่านิโคลีนคนนี้ไม่ค่อยชอบเธอนัก
"เราสนิทกันมากๆ น่ะค่ะ ถ้าคินไม่แต่งงานไป ป่านนี้เราก็คงยังสนิทกันมากๆ อยู่...หวังว่าคุณแอนนี่คงจะไม่คิดมากนะคะ"
คำพูดประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากแดงฉ่ำคลายความสงสัยของมธุรดาได้โดยที่ไม่ต้องนั่งค้นหาคำตอบนาน
'อ๋อ คู่ขา แฟนเก่า หรือไม่ก็กิ๊กที่ยังไม่มูฟออน ชิ! อยากได้ก็เอาไปสิจ้ะ ฉันไม่อยากได้เลยสักนิดและวันนี้ฉันไม่มีอารมณ์แสดงละครหวงผัวด้วย..'มธุรดาได้แต่ตอบโต้อยู่ภายในใจ แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกอยากปะทะคารมกับผู้หญิงของสามีแต่มธุรดาก็อดที่จะรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้
"ไม่คิดมากหรอกค่ะ แอนนี่เป็นคนโฟกัสปัจจุบันไม่ใช่อดีต"
กล่าวจบมธุรดาก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเบาๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจ ส่วนนิโคลีนอ้าปากจะพูดต่อแต่ภาคินส่ายหน้าห้ามเอาไว้ ก่อนที่เขาจะชวนหล่อนคุยเรื่องอื่นต่ออย่างสนิทสนมจริงๆ ตามคำบอกเล่า
มธุรดารู้สึกว่าเธอกลายเป็นส่วนเกินแต่ก็ไม่สนใจ ดีเสียอีกที่เขามีเพื่อนคุยและถ้าให้ดีกว่านี้จะดีมากๆ ถ้ายัยนิโคลีนคนนี้ทำให้ภาคินหย่ากับเธอได้จริงๆ
หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นสเต๊กเนื้อ ไก่ตุ๋นไวน์แดงและล็อบสเตอร์อบชีสถูกจัดการอย่างรวดเร็ว มธุรดาตักกินอย่างคนที่หิวจัดมาครึ่งปี จากนั้นก็สั่งเป็นของหวานต่อเบาๆ ส่วนสองคนปรายตาหันมามองบ้างเป็นระยะ แต่ไม่ได้สนใจจะชวนมธุรดาคุยด้วย
"ไม่ทานกันเหรอคะ?"
มธุรดาถามแทรกขึ้นกลางวงสนทนา ถ้าดูไม่ผิด ตอนนี้ยัยนิโคลีนทำหน้ายี้ใส่เธออยู่ ไม่ผิดหรอกหล่อนทำหน้าแบบนั้นจริงๆ คงจะคิดรังเกียจที่มธุรดาสวาปามเข้าไปเยอะ
'แล้วไง ปากฉัน ท้องของฉัน และที่สำคัญผัวของฉันจ่ายเงินจ้า'
เชิ่ดหน้าสวยๆ ขึ้นพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อยตอบโต้กลับนิโคลีนด้วยภาษากาย
"พอดีว่านิโคลไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ"
อาการและน้ำเสียงของนิโคลีนค่อยๆ แสดงออกมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าไม่ชอบมธุรดาจริงๆ
"คุณอยากทานอะไรเพิ่มสั่งได้เลยนะแอนนี่"
ภาคินเอ่ยขึ้น เขาแอบอมยิ้มหน่อยๆ รู้ดีว่ามธุรดาแกล้งทำตัวให้ดูไร้มารยาทต่อหน้าคนอื่นเพื่อแกล้งเขา เพราะปกติอยู่ที่บ้านหล่อนทานข้าวอย่างกะแมวดม
ใครจะคิดว่านิโคลีนทำให้หญิงสาวเจริญอาหารขึ้นขนาดนี้
"ไม่สั่งแล้วค่ะแอนนี่อิ่มแล้ว คุณสองคนคุยอะไรกันอยู่เหรอคะ ชวนแอนนี่คุยด้วยคนสิ"
คลี่ยิ้มหวานให้คนทั้งคู่ จากที่ไม่อยากสอดก็เริ่มมีความคิดอยากจะปั่นหัวคู่กรณีขึ้นมาทันที
"มันเป็นเรื่องของธุรกิจ คุณฟังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ เผลอๆ เดี๋ยวจะเบื่อเอาได้"
กล่าวพรางทำหน้ารำคาญที่มธุรดาขัดจังหวะ มธุรดาเม้มปากเริ่มรู้สึกหมั่นไส้มากขึ้น ยัยนี่ไม่ผ่าน! เอาเป็นว่าฉันขอกลับคำไม่ยกสามีให้หล่อนแล้ว
"จริงด้วยสิคะ แอนนี่ไม่ค่อยรู้เรื่องของธุรกิจหรอกค่ะ แต่เรื่องนึงที่แอนนี่รู้ก็คือ นอกเวลางานเป็นเวลาพักผ่อน ยิ่งเป็นมื้อดินเนอร์ของคู่รักแต่งงานใหม่ ถ้าเป็นแอนนี่นะคะจะไม่ไปนั่งเสนอหน้าเป็นก้างขวางคอใครหรอกค่ะ มัน...เอิ่ม ดูไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่"
ประโยคหลังแอนนี่พูดเบาๆ เสียงลอดไรฟันก่อนจะยิ้มให้นิโคลีนแต่รอบนี้เป็นยิ้มเยาะมากกว่า
"คินคะ ผู้หญิงของคุณดูท่าจะไม่พอใจที่นิโคลอยู่ด้วยนะคะ"
"อย่าคิดมากสิครับ แอนนี่ชอบพูดเล่นน่ะ คุณกับผมเราสนิทกันมากอยู่แล้ว แอนนี่เขาเข้าใจ"
ภาคินยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบาๆ เขาแอบยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยที่เห็นมธุรดาไม่พอใจ หล่อนหึงจริงหรือกำลังเล่นละครกันแน่ความคิดนี้แวบกลับมาให้เขาต้องคิดทบทวนใหม่อีกครั้งเพราะพฤติกรรมของมธุรดาตอนนี้ไม่น่าจะใช่การแสดง
'เหอะ! ฉันพูดจริงค่ะอิคุณคิน ไม่ได้รู้สึกว่าอยากพูดเล่นกับยัยนี่แม้แต่นิด ยิ่งสายตาดูถูกอีก ทำไมหรือ สวยกว่าฉันแล้วมันทำไมหรือ ในเมื่อคนนี้มันสามีของฉัน ฉันชนะหล่อนวันยังค่ำอยู่แล้ว'
มธุรดาแอบเบ้ปากกลอกตามองบนใส่
"อ๋อ แอนนี่ไม่พูดเล่นกับคนไม่สนิทค่ะ"
มธุรดาโต้แย้งช็อตฟิลภาคินกลับไป ทำให้นิโคลีนแทบจะกรี๊ดออกมาแต่ต้องอดทนเอาไว้ทำได้เพียงแค่แสดงสีหน้าความรู้สึกไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่ายัยนี่จะแค้นเคืองมธุรดามาก่อนหน้านี้สักพักแล้ว คงจะเป็นเรื่องที่คิดว่ามธุรดาแย่งคู่ขาของหล่อนมาสินะ
"ไม่เอาน่าแอนนี่ ถึงนิโคลกับผมเราจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้คุณคือที่หนึ่งของผมเสมอ"
มธุรดารู้สึกอยากจะตัดหางปล่อยวัดสามีในนามขึ้นมาอีกครั้งเนื่องจากคำพูดที่เห็นแก่ตัวของเขา
"งั้นยัยนี่คือที่สองงั้นเหรอคะ!"
มธุรดาสวนออกมาทันควันและตรงเผง ไม่เหลือมารยาทและความยำเกรงใดๆ หลงเหลืออยู่อีกและไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวยัยนิโคลนี่เหมือนกัน
"ไปกันใหญ่แล้วแอนนี่"
"คินหมายถึงตอนนี้น่ะค่ะ แม้ว่านิโคลจะมาก่อนก็ตาม"
ผีเน่าโลงผุ กิ่งทองใบรับรองแพทย์ เชอะ! เชิญพวกหล่อนไปสมสู่กันเถอะ
ตี้ด~~~
เสียงโทรศัพท์มือถือมธุรดาดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
"งั้นก็เชิญรำลึกความหลังกันให้พอนะคะ แอนนี่ขอตัว"
มธุรดาลุกพรวดขึ้นทันที เพราะเธออยากรีบออกไปรับโทรศัพท์มือถือต่างหากเนื่องจากปลายสายคือพี่กรรวี ไม่ได้นึกน้อยใจถึงกับต้องหนีออกมาหรอก ความจริงอยากจะนั่งต่อปากต่อคำอีกสักหน่อยรู้สึกสนุกดีพิลึก
ทว่า...พี่สาวของเธอสำคัญกว่าต่างหากเล่า
'แอนนี่พี่อยู่โรงพยาบาล'