อินทัชมองท่าทางใกล้ชิดของอุ่นไอฟ้ากับชายที่ชื่อรามแล้วก็รู้สึกปวดแปลบในใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาไม่ควรจะรู้สึกอะไรกับคำตอบหรือท่าทางของคนทั้งสอง แต่เขาก็ยังรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ อินทัชมองหน้าของอาทิตย์อีกครั้ง สัมผัสได้ถึงอีกความรู้สึกที่ผุดขึ้นในตัวของตนเอง
ผิดหวังอย่างนั้นเหรอ...
อินทัชแค่นยิ้ม นี่เขากำลังคาดหวังอะไรกันแน่ ในเมื่อตอนนั้นเขาเป็นคนต้นคิดที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงเอง
“เอาล่ะๆ แนะนำตัวกันเสร็จแล้วก็รีบคุยเรื่องที่เหลือกันต่อเถอะ” เป็นตะวันที่พูดแทรกขึ้นมา ชญช์เลยผายมือให้อินทัชเข้ามาในห้อง อินทัชจึงก้าวไปดูร่างของตะวันที่กำลังหลับใหล
“คุยกับทางโรงพยาบาลแล้วใช่ไหมชญช์” อินทัชพยายามปัดเรื่องอื่นๆ ออกจากความคิดและหลีกเลี่ยงที่จะมองไปทางอุ่นไอฟ้ากับราม
“ครับ ผมบอกโรงพยาบาลไปแล้วว่าคุณอินจะย้ายร่างของคุณตะวันไปรักษาต่อที่กรุงเทพฯ”
“ไม่ได้นะ” อุ่นไอฟ้าร้องขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน อินทัชมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมอุ่นไอฟ้าต้องทำท่าร้อนรนขนาดนั้น เขากำลังจะเอ่ยถาม แต่เมื่อเห็นมือของรามที่กำลังลูบไปมาบนไหล่บางก็ทำให้เขาต้องกลืนคำพูด
“ใจเย็นๆ ก่อนนะอุ่น”
น้ำเสียงของรามที่ใช้เกลี่ยกล่อมอุ่นไอฟ้ายิ่งทำให้อินทัชรู้สึกขัดหู ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นซึ่งอินทัชคิดว่าน่าจะอายุมากกว่าเขาอยู่หลายปีจะหันมาพูดกับเขา
“เราคงปล่อยให้คุณพาร่างของคุณตะวันกลับไปตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ พอดีว่ามันมีปัญหาอื่นเกิดขึ้น”
“ปัญหาอะไร” อินทัชเผลอทำเสียงแข็ง ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยทำกับคนที่เพิ่งรู้จักแบบนี้ เขาเห็นอุ่นไอฟ้าจิกสายตาใส่เขาจนคนชื่อรามต้องพูดปลอบขึ้นมาอีก จนเขายิ่งรู้สึกหงุดหงิด ก่อนที่ลูกของทั้งสองคนที่ชื่อว่าอาทิตย์จะเดินเข้ามาหาเขา และหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“พี่อินตั้งใจฟังดีๆ นะ” เด็กชายพูดเสียงดัง “ผมคือตะวัน ตะวันน้องชายของพี่”
ภายในห้องเงียบลงไปอีกครั้งเมื่อตะวันถ่ายทอดเรื่องราวแปลกประหลาดให้อินทัชฟังจบ อุ่นไอฟ้ามองหน้าของอินทัชที่ทำหน้าตาราวกับไม่เชื่อถือคำพูดของตะวัน ก่อนที่ตะวันจะพูดถึงเรื่องหลายๆ เรื่องเพื่อยืนยันตัวตนของตนเอง ช่วงหนึ่งตะวันเอ่ยชื่อถึงบรรดาหญิงสาวที่อินทัชแอบพูดคุยด้วยนอกเหนือไปจากคู่หมั้นอย่างฐิสา อินทัชเลยบอกให้ตะวันเงียบเสียงขณะที่สายตาของเขากวาดมองมาทางอุ่นไอฟ้า อุ่นไอฟ้าจึงเบือนหน้าหนี และมองเขาแค่เพียงหางตา ผู้หญิงเหล่านั้นก็คงเป็นของเล่นในสายตาอินทัชเหมือนที่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยอยู่ในสถานะนั้นอย่างไม่ทันรู้ตัว
อุ่นไอฟ้าปั้นใบหน้าให้เรียบเฉย แม้ภาพอดีตที่ผุดขึ้นมาอีกจะทำให้เธอรู้สึกปวดแปลบจนต้องรีบหาทางสลัดภาพพวกนั้นออกไปจากความคิด
“คุณแน่ใจนะ ว่าลูกของคุณปกติ” เสียงอินทัชถามขึ้น สายตาของเขาจดจ้องมาทางราม แต่คำถามของเขาทำให้อุ่นไอฟ้าไม่พอใจขึ้นมาทันที
“อย่ามาว่าลูกของฉันบ้านะ” อุ่นไอฟ้าหันไปตวาดอินทัชเสียงเขียว
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” อินทัชเสียงอ่อนลงทันทีที่เห็นว่าอุ่นไอฟ้าไม่พอใจ และสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างจำนน
“จะยังไงก็ช่าง ตะวันก็ต้องกลับกรุงเทพฯ ไม่อย่างนั้นป้าของตะวันได้ตามมาถึงที่นี่แน่ และตอนนั้นเรื่องจะยิ่งใหญ่โตมากขึ้นกว่านี้อีก” อินทัชยังคงยืนยันตามความคิดเดิมแม้จะรู้เรื่องทุกอย่างโดยละเอียดแล้ว
“แต่ฉันไม่ให้ไป” อุ่นไอฟ้าปฏิเสธเสียงแข็ง
“แต่ผมจะไปกับพี่อิน” ตะวันพูดแทรก ถึงอย่างไรเขาก็อยากกลับไปอยู่ในสถานที่และผู้คนที่เขาคุ้นเคยมากกว่าอยู่ที่นี่
“ตะวันอยู่ในร่างของอาทิตย์ เพราะฉะนั้นพี่มีสิทธิ์ตัดสินใจ” อุ่นไอฟ้างัดไม้แข็ง ตะวันยกมือขึ้นกอดอก
“ถ้าอย่างนั้นร่างของผม พี่อุ่นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง” ตะวันพยักพเยิดทางเตียงคนไข้ “แน่ใจเหรอว่าจะเอาแบบนี้”
อุ่นไอฟ้าเม้มปากแน่น เมื่อเรื่องนี้เธอก็ยอมรับไม่ได้ เธอจะปล่อยให้วิญญาณของอาทิตย์อยู่ห่างจากตัวของเธอได้อย่างไร
“อุ่น...พี่จำเป็นต้องพาทั้งสองคนกลับไปกรุงเทพฯ ด้วยจริงๆ ป้าของตะวันไม่มีทางให้ตะวันมาอยู่ไกลถึงที่นี่นานๆ แน่ และอีกอย่าง เรื่องการรักษาอีก บางทีที่กรุงเทพฯ อาจจะมีหนทางที่ช่วยให้เราเจอคนที่ทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้”
อินทัชพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่อุ่นไอฟ้ายังคงเชิดหน้าท่าทางดื้อดึง อุ่นไอฟ้าไม่อยากอยู่ใกล้อินทัชเพราะเธอไม่แน่ใจว่าจะปิดเรื่องของอาทิตย์ไปได้อีกนานแค่ไหน
“อย่าเรื่องมากน่ะพี่อุ่น โตๆ กันแล้ว มีเหตุผลหน่อยเถอะ ป้าผมไม่ใช่คนธรรมดาที่จะตามหาบ้านพี่ไม่เจอหรอกนะ อีกอย่าง ผมอยากกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ มากกว่าอยู่ที่นี่ และร่างของผมก็ต้องไปกับผมด้วย” ตะวันพูดเสริมเพื่อช่วยกดดันอุ่นไอฟ้าอีกแรง หญิงสาวน้ำตารื้นก่อนจะลุกขึ้น เดินหนีออกจากห้องทันที