คราวนี้วาริศาไม่ได้หันกลับไปมองรันอีกเพราะเดินออกมาถึงหน้าประตูแล้ว เพียงแค่โผล่หน้าออกมา ไตรภพที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องก็ลุกขึ้นยืนทันที
“คุณรันจะให้ผมขับรถให้ไหมครับ”
“เดี๋ยวฉันขับไปเอง”
“ครับ”
ทั้งสองเดินตรงไปยังหน้าลิฟต์โดยที่วาริศาเดินตีตัวออกห่างจากคนเป็นเจ้านายเพราะกลัวว่าคนในบริษัทจะเข้าใจผิด และคิดเธอไปต่าง ๆ นานาในแง่ทางที่ไม่ดี แม้ว่าเธอจะเดินเข้าออกบริษัทนี้ตั้งแต่จำความได้ แต่ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กที่ยังไม่รู้ความสักเท่าไหร่ ต่างจากตอนนี้ที่โตเป็นสาวสะพรั่งแล้ว การจะทำตัวสนิทสนมกับเจ้านายมากเกินความจำเป็นมันคงจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ซึ่งรันก็ไม่ได้ห้ามหากเธอตีตัวออกแบบนั้น แม้ว่าจะรู้ถึงความคิดของเธอ แต่ก็ไม่อยากห้ามและไม่อยากขัดใจ
“อยากกินอะไร” เมื่อขึ้นมาบนรถแล้วรันก็หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างกายราวกับว่าไม่ใช่สาวใช้กับเจ้านายอย่างไรอย่างนั้น
“กินอะไรก็ได้ค่ะ”
“มันมีด้วยเหรอเมนูกินอะไรก็ได้”
ดวงตากลมโตเหลือบมองคนขับรถหลังจากที่ได้ยินถ้อยคำที่แอบกวนประสาท “คุณรันอยากกินอะไรก็เลือกเลยค่ะ หวานกินได้หมดทุกอย่าง”
“ถ้าให้ฉันเลือก เดี๋ยวเธอก็บ่น”
“หวานจะบ่นเจ้านายได้ไงคะ” วาริศาทำปากขมุบขมิบ “เจ้านายกินอะไร หวานก็กินอันนั้นนั่นแหละค่ะ”
“ไม่บ่นแต่เถียงใช่ไหม”
“ไม่ใช่สักหน่อย หวานแค่อธิบายเฉย ๆ ต่างหาก” เป็นอีกครั้งที่คนตัวเล็กส่ายหน้าพัลวันจนผมสยายเพราะเผลอทำนิสัยเคยตัวออกมาให้รันได้เห็น ด้วยความที่เธออยู่กับรันมาตั้งแต่จำความได้ ความคุ้นชินมันก็เลยทำให้เธอทำอย่างนั้น
ซึ่งรันไม่ได้ตอบรับกับคำพูดนั้นของคนนั่งข้างกายเพราะไม่อยากที่จะเถียง เขายังคงทำนิ่งและขับรถไม่พูดไม่จา ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะนิสัยส่วนตัวของเขาเป็นแบบนั้น แต่มันทำให้วาริศาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะคิดว่าเจ้านายอาจจะโกรธตัวเอง
“คุณรันจะหักเงินเดือนหวานไหมคะ”
“หักทำไม”
“ก็หวานเถียงคุณรัน”
“ยอมรับแล้วว่าเถียง?” มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “ฉันควรหักเท่าไหร่ดี”
“…”
“หรือควรหักหมดเลย”
“…”
“เธอคิดว่าไง”
“หักหมดแล้วหวานจะเอาที่ไหนกินคะ” ปากเล็กขมุบขมิบก่อนที่จะหันหน้าไปหาเจ้านายตัวเองอีกครั้ง “ไม่หักได้ไหม เดี๋ยวหวานจะทำงานบ้านให้สะอาดเอี่ยมเลยค่ะ จะรดน้ำต้นไม้ให้ชุ่มเลย และจะทำอาหารไว้ให้คุณรันเยอะ ๆ เลยด้วย”
“มันเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ถึงจะนึกเอ็นดูที่อีกฝ่ายหัวหมอแต่ก็อดจะเย้าแหย่ไม่ได้ “มีที่ไหนเอาหน้าที่ที่ทำทุกวันมาต่อรอง”
“งั้นคุณรันหักเลยก็ได้” วาริศาตอบกลับเสียงอ่อย
“ฉันไม่ใจร้ายกับเธอขนาดนั้นหรอกเด็กน้อย” มือหนาวางลงบนศีรษะของวาริศาแล้วโยกไปมาแผ่วเบา “เอาไว้ฉันจะบอกอีกทีว่าต้องการอะไร”
“ขอบคุณค่ะ”
รันไม่ได้ตอบรับ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่กำลังประกายอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งแน่นอนว่าวาริศาไม่รับรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังแสดงออก ไม่ได้รับรู้เลยว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย…
รันเลี้ยงวาริศามาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก จนกระทั่งตอนนี้เธออายุยี่สิบสี่ปีแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเด็กในปกครองของตัวเองมีนิสัยเป็นเช่นไร
มองเผิน ๆ วาริศาจะเป็นคนบอกง่าย หัวอ่อน ดูนุ่มนิ่มและอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย นิสัยลึก ๆ ของเธอมีความดื้อรั้นอยู่ในที และมักจะแสดงออกมาเวลาที่ลืมตัว
วาริศาพยายามทำตัวเชื่อฟังเขาตลอด แม้บางครั้งเธอจะแอบทำปากขมุบขมิบเถียงหรือว่าเขาลับหลังก็ตาม
ไม่ใช่ไม่รู้
รู้… แต่ก็ไม่อยากทำอะไร
เพราะหากเขาเผลอพลั้ง ‘ทำอะไร’ มันคงไม่เป็นผลดีต่อเธอแน่นอน
“คุณจะรันพาหวานไปกินข้าวที่ไหนคะ” เสียงเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาในโสตประสาทของรันอีกครั้ง “ใช่ไปกินที่ห้างสรรพสินค้าไหม”
“อืม”
“พอดีเลยค่ะ”
“…”
“หวานว่าจะแวะตัดผมสักหน่อย”
“…”
“พอดีว่าผมมันยาว…”
“ไม่ต้องตัด” รันเหลือบตามองวาริศาเป็นจังหวะที่เลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้าพอดี “มันยังไม่ยาวเท่าไหร่”
“ไม่ให้ตัดอีกแล้วเหรอ”
“มันยังไม่ยาว”
คนเป็นสาวใช้แอบทำหน้ามุ่ยและถอนหายใจเล็ก ๆ ออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้านายของเธอห้ามไม่ให้ตัดผม ซึ่งมันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ และผมของเธอมันก็เริ่มยาวมาก ๆ แล้วด้วย
คุณรันชอบผู้หญิงผมยาว…
สิ่งที่รู้มามันทำให้เธอไม่คิดที่จะขัดคำสั่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่ได้ชอบเธอ แต่ถ้าหากมีสักเสี้ยวเล็ก ๆ ที่ทำให้ชอบได้ เธอก็จะทำ
มันไม่มีหรอกคนที่ไม่แอบหวัง ถึงปากจะย้ำพูดย้ำปฏิเสธล้านรอบ แต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังหวังอยู่ดี
“ทำไมถึงเงียบไป” รันหันไปถามเมื่อเลี้ยวเข้าซองจอดรถแล้ว “โกรธ?”
“เปล่าค่ะ หวานจะโกรธคุณรันเรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่ฉันไม่ให้ตัดผม”
“ไม่ได้โกรธ”
“งั้นก็ลง” เพราะไม่อยากคะยั้นคะยอ และกลัวว่าคนตัวเล็กจะวกกลับมาที่เรื่องตัดผม รันก็เลยตัดจบแล้วก้าวนำลงจากรถ ซึ่งมันก็ทำให้วาริศารีบก้าวลงตาม พร้อมเดินตามหลังเหมือนเดินตามผู้ปกครองอย่างไรอย่างนั้น
รันพาคนตัวเล็กเดินเข้าร้านอาหารร้านหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควร จัดการสั่งอาหารที่ทั้งเขาและเธอชอบทาน
“เอาอะไรอีกไหม”
“พอแล้วค่ะ”
“อยากได้อะไรก็บอก” เขาว่าพลางส่งเมนูอาหารกลับคืนให้พนักงานที่มายืนรอรับออเดอร์ “ฉันจ่ายเอง ไม่ต้องกลัวว่าจะได้จ่าย”
มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะร้านอาหารที่เจ้านายพาเข้าแต่ละร้านราคามื้อละหลักหมื่นอัพทั้งนั้น หากให้เธอจ่ายก็คงต้องส่ายหน้าเพราะมันแพงเกินไป
เพราะแบบนี้เธอถึงไม่ชอบสั่งอาหาร และเลือกที่จะทานกับรัน จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างในการจ่ายเงิน
ซึ่งแน่นอนว่ารันก็ตามทันมุกกล้วย ๆ ของเธออยู่ดี
“คุณรันอย่าลืมเอาแก้วคิตตี้กลับมาให้หวานด้วยนะ” วาริศารีบเปลี่ยนเรื่องหนี “หรือจะให้หวานไปเอาที่บริษัทเอง”
“เดี๋ยวฉันเอากลับไปให้”
“ถ้าคุณรันไม่อายที่ถือแก้วสีชมพูก็โอเคค่ะ”
“ทีหลังใส่แก้วธรรมดามา”
“…”
“อีกอย่างถ้าเธอกลัวฉันอายคงไม่เอาแก้วสีชมพูมาให้ฉันหรอกจริงไหม” และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำที่วาริศาถือแก้วสีชมพูมาให้เขา มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“หวานกลัวกาแฟจะละลายเร็ว”
“…”
“ถ้าละลายเร็วเดี๋ยวก็ให้หวานชงกาแฟที่ร้านมาส่งอีก”
“…”
“ฉะนั้นใส่แก้วสีชมพูดีแล้วค่ะ” ปากเล็กขยับเอ่ยพูดไม่หยุด และไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีตาคมเข้มกำลังจับจ้องปากกระจับเล็ก ๆ ไม่วางตา ไม่ได้สนใจกับคำพูดของเธอเลยสักนิด
“หรือถ้าคุณรันอาย เดี๋ยวหวานหาซื้อแก้วให้ใหม่ก็ได้ เอาสีดำดีไหมคะ”
“ไม่ต้อง”
“ไม่…”
“เอาใส่แก้วเดิมมา ไม่ต้องเปลืองตังซื้อ” รันเอ่ยในขณะที่วาริศายังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ คำพูดของเขาทำให้เธอขมวดคิ้วทันที
คนกินข้าวมื้อละหมื่นมื้อละแสน ใช้คำว่า ‘เปลืองตังซื้อ’ กับแก้วแค่ราคาไม่กี่พัน มันใช่เหรอ
นับวันเจ้านายของเธอชักจะทำตัวย้อนแย้งขึ้นทุกที…