“นาตาชา ไม่ต้องเสียเงินเยอะแบบนี้ก็ได้นะครับ เดี๋ยวก็หมดตัวหรอก” เบญจาเอ่ยระหว่างหยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมาดู ถึงเขาจะอยากได้มันมาก แต่ลึก ๆ ก็อดเกรงใจนาตาชาไม่ได้ เพราะนาตาชาคือคนที่ส่งเสียเขาเรียนพร้อมให้เงินใช้ที่เรียกว่ามากมาตลอด
“อย่าคิดมากน่ะ แค่นี้ขนหน้าแข้งแม่ไม่ร่วงหรอกน่า ลูกชายแม่เก่งขนาดนี้ ก็ต้องจัดเต็มให้สมกับที่ตั้งใจเรียนสิ” นาตาชาหยิกแก้มเบญจาเบา ๆ
“คุณนาตาชาสายเปย์เว่อร์ เห็นแล้วอิจฉาสุด” หนุ่มเอ่ยด้วยแววตาเป็นประกาย
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก พวกเธอน่ะตั้งใจเรียนซะ ถ้าเรียนจบแล้วไม่มีงานทำก็มาทำงานที่โรงแรมฉันดีมั้ยล่ะ” นาตาชาเอ่ยพร้อมหันไปยิ้มให้เบญจา
“ว่าแต่...นาตาชาเริ่มทำงานแล้วเหรอครับ” เบญจาถามหน้าซื่อจนนาตาชาเกือบจะชะงัก
ใช่แล้ว ตั้งแต่เรียนจบโทบริหารธุรกิจการโรงแรมมา เธอก็ยังไม่เคยคิดจะเข้าไปช่วยงานพ่อเลยสักครั้ง
“อะ อืม...ก็ทำบ้าง ไม่ทำบ้างน่ะแหละ” เธอตอบแบบขอไปที
“ดีจัง ขืนนาตาชายังเที่ยวไปวัน ๆ ผมคงเป็นห่วงแย่” เบญจายิ้ม
“นี่ ฉันเป็นแม่เธอนะ เอาอะไรมาห่วงก่อนเถอะ” นาตาชาตีไปที่ไหล่เด็กหนุ่มเบา ๆ
“ถึงงั้นก็เถอะครับ คนที่เอาแต่เที่ยว เอาแต่ช้อป มันจะมีความสุขจริง ๆ ได้ยังไงล่ะ” เบญจายิ้มเย็น เขารู้ดีว่านาตาชามีแผลลึก ๆ ที่ทำให้ไม่อยากไปทำงาน พอได้ยินว่าเธอทลายกำแพงนั้นได้แล้ว เด็กหนุ่มเลยดีใจมาก
“เอาล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่งที่หอพักนะ” นาตาชายิ้มให้ทั้งสองคน
หลังจากช้อปปิ้งอุปกรณ์ไอทีให้เบญจาจนครบถ้วน รถของนาตาชาก็เคลื่อนกลับไปที่มหาวิทยาลัย N อีกครั้งเพื่อส่งหนุ่ม ๆ กลับหอพักที่อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยมากนัก
“ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ” นาตาชาเปิดหน้าต่างพูดกับเบญจา
“อยู่แล้วครับนาตาชา” เบญจายิ้มแป้น
“ว่าแต่คุณจะอยู่นานมั้ยครับ?” เขาถามต่อ
“ไม่หรอก ว่าจะไปหาเด็ก ๆ ให้ครบก็จะกลับเลย”
นาตาชาบอกแผนการของเธอให้เขาฟัง
“ผมอยากไปส่งนาตาชาที่สนามบินนะ”
“ได้เลย ถ้าจะกลับแล้วฉันจะโทรหา เข้าไปได้แล้วล่ะ” นาตาชาโบกมือลาพลางกดปิดกระจกรถ
“จะไปไหนต่อครับคุณหนู”
“ไปร้านเดิม” นาตาชากอดอกพิงหลังกับเบาะรถอีกครั้ง
“เย่ เจ้าหญิงมาสนุกกับพวกเราอีกแล้ว” เสียงหนุ่ม ๆ ต่างตะโกนด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าของนาตาชา เธอแจกยิ้มให้พวกเขาก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาใครบางคน
“อะไรกัน ไม่สนใจพวกเด็กนี่แล้วเหรอคุณหนูนา”
ออมเลตเดินมาแทรกกลางระหว่างนาตาชาและหนุ่ม ๆ ที่นั่งเรียงหน้ากันบนโซฟาในห้อง VVIP
“เปล่าสักหน่อย” นาตาชายิ้มเย็น
“ถ้ามองหาเจ้านั่นน่ะ เดี๋ยวก็มา” ออมเลตกระซิบข้างหูนาตาชา
“อืม...” เธอยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตรงกลางห้อง
หนุ่ม ๆ เกือบ 10 คนพากันห้อมล้อมเธอแทบจะทันทีที่เธอนั่งลง บางคนถอดเสื้อแล้วเอาขนมมาเสิร์ฟให้เธอ บางคนรินเครื่องดื่มให้เธอ บางคนก็เต้นให้เธอดูอย่างสนุกสนาน ทว่า... นาตาชากลับไม่ได้รู้สึกสนุกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เธอได้แต่ยิ้มเบา ๆ กับอากัปกิริยาของผู้ชายที่พยายามจะดึงเงินออกจากเธอให้มากที่สุด
นาตาชานั่งอยู่เกือบ 15 นาที ประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้ง โนเนมเดินเข้ามาพลางมองสบตานาตาชาที่มองมาที่เขาพอดี หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
“มาแล้วเหรอ นายเข้างานสายนะ” ออมเลตเตือน
“ขอโทษครับ” เขาโค้งให้ออมเลต แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิครับ” เขามองมาที่นาตาชาด้วยแววตาแข็งขืน
“ฉันเหรอ” นาตาชาชี้มาที่ตัวเอง แล้วโนเนมก็พยักหน้ารับ
“เดี๋ยวฉันมานะ” เธอยื่นเครื่องดื่มไปให้หนุ่มที่นั่งข้าง ๆ ก่อนจะเดินไปหาโนเนมที่เดินนำเธอออกไปด้านนอก
“คลิก”
นาตาชาปิดประตูเบา ๆ แล้วมองชายตรงหน้าที่ยืนประจันหน้ากับเธออย่างตั้งใจ แววตาเขายังเย่อหยิ่งไม่เปลี่ยน แต่ที่มันเปลี่ยนไปก็คงเป็นหัวใจของเธอนี่เองที่มันเต้นไม่ถูกจังหวะเลยสักนิด
“มีอะไร” เธอถาม
“คุณ...เลี้ยงผู้ชายมั้ย?” เขาถาม
“...” เธอมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ แต่ก็อยากจะหยั่งเชิงชายตรงหน้าเหมือนกัน
“ถามทำไมคะ” เธอกอดอก
“ผมสนใจ ตอนนี้ผมไม่มีเงิน” เขายิ้ม
“อืม...ไม่รู้สิ เลี้ยงผู้ชายทั้งคนก็ต้องมีอะไรตอบแทนให้คุ้มเงินที่ฉันจ่ายสิ ถูกมั้ย?” เธอยิ้มตอบกลับ
“คุณอยากได้อะไรล่ะ ดูท่าคุณจะเลี้ยงผู้ชายจริง ๆ สินะ” เขายิ้มที่มุมปาก
“ฉันต้องรายงานคุณด้วยเหรอ?”
“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ดี ผู้หญิงรวย ๆ แบบคุณมีไลฟ์สไตล์แบบนี้นี่เอง”
เขาขยับใบหน้าเคลื่อนเข้าหาเธออย่างย่ามใจ แววตาของนาตาชาไม่อาจสั่นไหวต่อหน้าผู้ชายคนไหนได้ แม้หัวใจของเธอจะไม่แข็งแกร่งขนาดนั้นก็ตาม แต่เธอจำต้องแสร้งว่าไม่รู้สึกอะไร
“ที่ว่าไม่มีเงินน่ะ ไม่จริงสินะ” เธอจ้องตาเขากลับ
“เรื่องนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกคุณเหมือนกันครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว”
นาตาชาทำท่าจะเดินกลับเข้าห้อง แต่แรงดึงจากแขนขวาของเธอทำให้เธอหมุนตัวอย่างแรง และนาตาชาก็ทรงตัวไม่อยู่ ร่างบางพลันอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัว เธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของเขาที่ผ่านจากเสื้อเชิ้ตสีดำเข้ม ไออุ่นจากแผ่นอกของโนแนมทำให้ใบหน้าของนาตาชาระเรื่อด้วยความอาย เธอดันตัวเองออกห่างจากเขาทันทีที่ทำได้
“มีอะไรอีก” เสียงของนาตาชาเข้มขึ้น
“เหมือนแก้มคุณจะมีอะไรเปื้อนนะ”
เขาเอานิ้วเรียวยาวกดไปบนแก้มของเธอ เพื่อปาดคราบขนมออก แต่สายตาร้อนแรงนั้นแทบจะแผดเผานาตาชาให้ละลายในทันที เธอหันหน้าหลบเขา ก่อนจะใช้หลังมือของตัวเองเช็ดคราบที่เขาอ้างว่ามีบนแก้มของเธอ สายตาไม่พอใจมองกลับไปที่ชายหนุ่ม
“แค่นี้ใช่มั้ยคะ ฉันไปล่ะ”
นาตาชารู้ดีว่าโนเนมอันตรายต่อใจเธอมากไป และเธอต้องหนีหมอนี่โดยเร็ว