นาตาชาเดินทอดน่องด้วยความสบายใจ เธอสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับรองเท้าผ้าใบ เพื่อความคล่องตัว แม้เธอจะดูชิลมาก แต่หูตาของเธอยังคงจับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายแทบจะทุกฝีก้าว นาตาชาเดินมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ย่านร้านค้าที่คนพลุกพล่านที่สุด เธอก็ตัดสินใจหักเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ร่างบางเอาตัวแอบเข้าไปในหลืบของตึกที่อยู่ด้านใน พยายามทำตัวให้เหมือนเงามากที่สุด
เพียงชั่ววินาที ชายแปลกหน้าสวมหมวกแก๊ปในชุดสีดำพร้อมกางเกงยีนส์ที่ทำให้เขาดูไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มร่างสูงเดินผ่านจุดซ่อนตัวของนาตาชาไปอย่างไม่ระมัดระวัง จังหวะนั้นเองที่นาตาชากระโดดล็อคคอเขาจากด้านหลัง มีเพียงปลายมีดคมกริบที่จดจ่ออยู่ที่ลำคอของอีกฝ่าย เธอได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของฝ่ายที่ปลุกรอยยิ้มของเธอให้วาดเป็นเส้นตรงบนหน้าอย่างพึงใจ เธอขยับปากเข้าไปใกล้ใบหูของเขา
“ใครส่งคุณมา”
เธอรู้แน่ว่าชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนของพ่อเธอ และต้องมีใครส่งหมอนี่ให้มาตามสืบเธอแน่
“อะ เอ่อ...” เขาพูดตะกุกตะกัก
“คิดว่าฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เหรอ” เธอส่งน้ำเสียงเยือกเย็นปลุกความกลัวให้อีกฝ่ายเพิ่มขึ้นอีก
“คือว่า...ผมไม่ได้...” เขายืนตัวนิ่งพยายามตั้งสติเมื่อปลายมีดจดจ่อเข้าหากระชั้นขึ้น
“ตอบมาเถอะ ยังไงเรื่องที่ฉันจับคุณได้แบบนี้ก็ถึงหูเขาอยู่ดี”
“คุณฌอนครับ เขาส่งผมมาให้ตามสืบคุณ” เสียงของชายแปลกหน้าบอกกับนาตาชาอย่างสมยอม
นาตาชาขมวดคิ้วก่อนจะปล่อยชายหนุ่มให้เป็นอิสระ เขาล้มลงพร้อมไอออกมาด้วยคอถูกล็อคแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ชายแปลกหน้าเหลือบมองนาตาชา สาวสวยที่น่ากลัวด้วยความหวาดระแวง
“ใคร? แล้วจะมาสืบเรื่องฉันทำไม?”
ให้ตายเถอะเธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ชื่อฌอนเหรอ? ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักหรือคนที่เธอไปทำให้เกลียดขี้หน้าด้วยซ้ำ นาตาชารู้สึกสับสนที่ชื่อแปลก ๆ นี่มาตามติดชีวิตเธอไปเพื่ออะไร?
“ผมไม่ทราบ” เขาตอบพลางไอต่อเนื่อง
“ฉันไม่ต้องการคำตอบนั้น บอกมาว่าเขาจะมาตามฉันทำไม” นาตาชาคว้าคอชายแปลกหน้าก่อนจะบีบจนอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ
“ผะ ผมไม่รู้...จะ...จริง ๆ ครับ เขาแค่มาจ้าง หน้าตาก็ไม่เคยเห็น” ชายแปลกหน้าตอบด้วยอาการลนลาน ซึ่งตอกย้ำกับเธอว่าเขาคนนี้คงไม่รู้จักฌอนอย่างที่อ้าง
“พอเถอะ”
เสียงคุ้นหูดังแว่วมาจากด้านหลัง ทำให้นาตาชาหยุดชะงัก เธอเหลือบมอง แต่ยังไม่เห็นหน้าชายที่เดินตามเธอมา แล้วเธอก็ตัดสินใจหันหน้าไปเผชิญกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง เสี้ยววินาทีที่สายตาเธอสบกับเขา หัวใจเธอแทบจะหยุดเต้นไปในทันที
“นะ นาย” นาตาชาถึงกับพูดไม่เต็มคำ เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“มาที่นี่ได้ยังไง?” เธอถาม
“ผมเป็นคนจ้างหมอนี่เอง” เขาตอบหน้าตาเฉย ก่อนจะโยนซองสีขาวที่น่าจะมีเงินอยู่ในนั้นไปทางชายแปลกหน้า พร้อมพยักหน้าให้ไปได้
“คุณเอง? ทำไมต้องมาตามสืบเรื่องฉันด้วย” นาตาชารู้สึกหน้าชา
“ก็บอกแล้วว่าคุณน่าสนใจ”
เขายิ้ม รอยยิ้มเย็นชาไร้อารมณ์นั่นแหละที่ทำให้นาตาชาใจเต้นไม่หยุด
“ฉันกำลังจะออกจากไทยแล้ว คุณจะตามฉันให้ได้อะไรขึ้นมา” นาตาชาถาม
“ผมว่า...คุณคงไม่ได้ไปไหนหรอก นาตาชา” เขายิ้มเย็น
“หมายความว่ายังไง?” นาตาชาขยับเท้าเดินเข้าหาเขาเพียงก้าวเดียว เพราะหากมากกว่านี้ เธอเกรงว่าเธออาจจะหลวมตัวให้ใจเขาไปก็เป็นได้
“คุณรอดูแล้วกัน ผมก็แค่เดาเฉย ๆ” ชายหนุ่มยิ้ม
“ตกลงไม่ได้ชื่อโนเนม แต่ชื่อฌอนสินะ” นาตาชาพยายามยิ้มแบบไร้เยื่อใยให้เขา
“ก็ตามนั้น”
“คุณเล่นผิดคนแล้วล่ะ ฌอน”
“ผมก็ว่างั้น” ฌอนเผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
อะไรกันแน่ที่ทำให้เขาตามสืบเรื่องของเธอ แล้วทำไมเขาต้องเข้าไปทำงานในบาร์โฮสต์ ทั้งหมดนี้ถูดจัดฉากเพื่อให้เข้าถึงเธอเหรอ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นาตาชาเอากลับมาครุ่นคิดจนแทบนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เธอเคยเจอโรคจิต เธอเคยเจอคนพยายามตามทำร้าย แต่เธอก็ผ่านมาได้ และผ่านไปได้ดีเสียด้วย แต่กับฌอน ผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรจากเธอ
“บ้าผู้ชาย!”
ฌอนกระแทกรูปถ่ายนาตาชาที่เดินโอบคอ คล้องแขน รวมถึงซื้อของแพงให้เด็กหนุ่ม ๆ หลายคนในช่วงเวลาเพียง 4 วัน เธอก็เลี้ยงข้าวเด็กหนุ่มไปกว่า 10 คน นี่ยังไม่รวมพวกผู้ชายในบาร์โฮสต์ที่เรียงหน้าเอาอกเอาใจเธออีกเกือบ 20 คน แค่คิดก็สยองแล้ว ฌอนกอดอก พลางมองไปทางรูปเหล่านั้นด้วยความรังเกียจ
“เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนบ้าผู้ชายได้ขนาดนี้” ฌอนยังบ่นไม่หยุด เขาเดินออกจากโต๊ะทำงานที่มีแต่รูปฉาว ๆ ของนาตาชาที่วางอยู่เต็มไปหมด
“คุณฌอนคะ” เสียงของป้าแจ่มแม่บ้านเก่าแก่ของบ้านเดินเข้าหานายน้อยของเธอด้วยความเป็นห่วง
“อ้อ ป้าแจ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ฌอนรีบหันไปหาหญิงสูงวัยที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“คุณบอกว่าอยากได้กาแฟ ป้าก็เลยเอามาให้ค่ะ” เธอวางแก้วสีดำด้านไว้บนโต๊ะฌอนอย่างเบามือ พลางมองภาพหญิงสาวบนโต๊ะของเขาโดยไม่ตั้งใจ สายตาของหญิงสูงวัยแม้จะไม่ชัดนักแต่เธอก็พอมองออกว่าเป็นรูปอะไร ป้าแจ่มถอนใจเบา ๆ แล้วละสายตาไปทางอื่น
“ขอโทษครับ ผมหงุดหงิดไปหน่อย” ฌอนรู้ตัวว่าพูดจาไม่รื่นหูเท่าไหร่นัก เขาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา
“อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยคะ”