“อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยคะ”
“ไม่ล่ะครับป้า ขอบคุณที่เอากาแฟมาให้นะครับ ป้าไปพักเถอะครับ นี่ก็จะดึกแล้ว” ฌอนเหลือบมองเวลาที่แขวนบนผนัง จึงรู้ว่านี่ใกล้ 21.00 น. เข้าไปแล้ว
“มีอะไรวะ ไอ้ฌอน” เสียงบ่นของเฉินเพื่อนสนิทซี้ปึ้กของฌอนดังขึ้นระหว่างที่ผลักประตูเข้ามา
“อ้าว คุณเฉิน” ป้าแจ่มทักชายหนุ่มทันทีที่เห็นหน้า
“อ้อ ป้าแจ่มขอโทษที่ผมเสียงดังนะครับ” สีหน้าที่รำคาญใจเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่แสนสุภาพในบัดดล
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้ากำลังจะออกไปแล้ว เชิญตามสบายนะคะ” ป้าแจ่มยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากันอย่างไม่สบอารมณ์
“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ โทรเรียกมาตอน...” เฉินยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา
“3 ทุ่ม ไอ้บ้า!!” เขาด่าฌอนพร้อมคิ้วที่แทบจะชนกัน
“ยัยนาตาชา หนูนา อะไรนั่นน่ะ” ฌอนไม่แม้แต่จะขอโทษเพราะเขาคิดว่ามันเสียเวลาเกินไป แต่เลือกที่จะเข้าประเด็นเลยทันที
“เออ ทำไมวะ” เฉินถามต่อ
“ไปดูรูปบนโต๊ะสิ” ฌอนพยักพเยิดหน้าไปที่โต๊ะทำงานของเขา
“อะไรวะ” เฉินบ่นนิดหน่อย แต่ก็ยอมเดินไปที่โต๊ะทำงานของฌอน รูปภาพของนาตาชาเป็นสิบใบวางเรียงบนโต๊ะเต็มไปหมด ชายหนุ่มใช้มือเกลี่ยไปมาเพื่อดูคร่าว ๆ คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดยิ่งกว่าเดิม
“อะไรวะเนี่ย” เขาสบถต่อ
“หึ แกคิดว่าไงล่ะ” ฌอนถามความเห็นเพื่อน
“แม่งร้ายว่ะ” เฉินหันหน้าออกจากโต๊ะของฌอน แล้วเดินตรงมาหาเพื่อนรักที่นั่งดื่มกาแฟด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แล้วแกจะเอาไงต่อวะ” เขาถาม
“นี่แหละ เลยเรียกแกมาที่นี่ไง”
ฌอนมองไปที่เพื่อนของเขา สายตาเคร่งขรึมจริงจังทำให้เฉินมีไอเดียบางอย่างผุดขึ้นมา เขายิ้มเล็ก ๆ ให้ฌอน
“ได้ มีโจทย์ก็ต้องแก้ล่ะวะ”
แสงนวลอ่อนจากเทียนหอมกลิ่นลอนดอน ทำให้บรรยากาศในห้องของนาตาชาดูอึดอัดน้อยลงไปบ้าง หญิงสาวเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนระบายสีขาวสะอาดตา ปอยผมของเธอยังเปียกชื้นเพราะเพิ่งสระผมได้ไม่นาน แต่ใบหน้าของเธอดูไม่ผ่อนคลายเท่าไหร่นัก เธอนั่งจดจ่อกับหน้าจอโน้ตบุ๊คมาพักใหญ่ แต่เธอก็ยังคิดไม่ตกเสียที
“ชอบเหรอ?” เธอพึมพำก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ เมื่อนึกถึงสายตาของฌอนที่มองเธอ ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาควงเล่นเพื่อผ่อนคลายความคิด
“หรือว่า...สนใจ” เธอขึ้นเสียงสูงแล้วหันไปมองกระจกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ
“ไม่สิ เกลียด”
นาตาชาฟันธง สายตาที่เขามองเธอมันรังเกียจกันชัด ๆ แต่อาจเพราะความสวยที่มีแบบไม่มีจำกัดของเธอละมั้งที่ทำให้เขาอ่อนใจ เขามีแววตาสนใจเรื่องของเธอ แม้จะไม่ใช่ใคร่รู้ในทางเสน่หา แต่ก็อยากรู้เรื่องเธอไม่น้อย แต่เขาคือใครล่ะ?!
“ฌอน”
เธอรู้แค่ชื่อกับใบหน้าของเขาเท่านั้น ทำไมเธอไม่คาดคั้นเขาให้มากกว่านี้นะ หญิงสาวได้แต่นึกโมโห ก่อนจะกดเสิร์จชื่อเขาในกูเกิล แต่ชื่อนี้มีการค้นหากว่า 4,990,000 รายการ และแน่นอนว่าไม่มีหน้าของเขาปรากฏขึ้นมาเลย นาตาชาปิดโน้ตบุ๊คของเธอลงอย่างช่วยไม่ได้
“ไว้ค่อยหาคนไปตามสืบอีกทีก็แล้วกัน” เธอถอนหายใจพลางเดินไปนั่งที่ปลายเตียงของเธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยใจ
“คุณหนูคะ คุณท่านมาค่ะ”
เสียงของแม่บ้านดังขึ้นในยามรุ่งเช้าที่นาตาชาเพิ่งข่มตาหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมง เธออยากจะโวยวายใส่แม่บ้าน แต่คำว่า “คุณท่าน” และการถือวิสาสะเข้ามาปลุกเธอในเวลานี้คงมีความหมายเดียวนั่นก็คือ “เรื่องด่วนและสำคัญ”
นาตาชาหลับตาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้แม่บ้านรู้ว่าเธอรับรู้แล้ว เธอยันตัวขึ้นตามเสียงฝีเท้าของแม่บ้านที่เดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวเดินไปหยิบเสื้อคลุมสีครีมมาคลุมทับตัวไว้ ก่อนจะค่อย ๆ เดินลงไปด้านล่าง แม้จะเป็นเวลาตี 4 นิด ๆ แต่ชั้นล่างของบ้านนั้นมีไฟเปิดพอให้เห็นทางที่นำสายตาเธอให้ไปยังห้องรับแขกซึ่งส่องสว่างอยู่ นาตาชากระชับเสื้อคลุมอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
“My Dear…” เสียงของอูแบร์ดังทันทีที่เห็นลูกสาวคนสวยของเขาเดินเข้ามาในห้อง
“Dad”
นาตาชาตกใจ แต่ก็ยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพ่อเบา ๆ แล้วผละออกเพื่อไปนั่งข้าง ๆ เขาแทน สีหน้าของอูแบร์แม้จะมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจ แต่ความอิดโรยไม่อาจซ่อนได้อีกต่อไป นาตาชาเก็บสีหน้าให้เหมือนกับไม่เห็นอะไร
“ทำไมมาไม่บอกกันก่อนคะ” นาตาชากุมมือผู้เป็นพ่อเอาไว้
“มีเรื่องด่วนน่ะสิ” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น ทำให้นาตาชารีบหันไปมองทันที
“แม่” นาตาชาลุกจากโซฟาแล้วสวมกอดแม่ของเธอ
“มีเรื่องต้องรบกวนลูกหน่อย”
เพ็ญนีย์ไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อสวมกอดลูกสาวเรียบร้อย เธอก็จูงมือเรียวของนาตาชามานั่งที่โซฟา สีหน้าของผู้เป็นแม่บ่งบอกชัดเจนถึงความกังวล
“มีอะไรคะ” นาตาชาจำต้องถาม
“Dad ไม่สบาย” เพ็ญนีย์เอ่ย
“เป็นอะไรคะ รุนแรงเหรอ?” นาตาชาหันไปหากดูอูแบร์ เขาส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่รุนแรง แต่ Dad โหมงานหนัก ๆ ช่วงนี้ไม่ได้ หมอแนะนำให้พักสักปีสองปีน่ะ” เพ็ญนีย์อธิบายทั้งหมดแทนสามี
“นานขนาดนั้นเลยเหรอคะ แน่ใจนะคะว่าไม่มีเรื่องอื่นที่หนูต้องรู้” นาตาชาหันไปคาดคั้นจากแม่ของเธอ
“ตอนนี้ไม่มี แต่ถ้า Dad ยังบินไปมาแบบนี้แย่แน่” เพ็ญนีย์หันไปมองสามีด้วยสายตาติเตียน
“โอเคค่ะ แล้วแม่กับ Dad มีแผนอะไรคะ?” นาตาชารีบรวบรัด