“Dad อยากกลับไปดูงานที่ฝรั่งเศส อากาศตรงนั้นดี แล้วก็มีหมอดูแลด้วย” อูแบร์เอ่ย
“เพราะฉะนั้นลูกก็ต้องดูโรงแรมที่ไทยแทน Dad สัก 1 ปีนะ นาตาชา”
เพ็ญนีย์เอ่ยเสียงแข็ง ซึ่งก็เป็นไปตามที่นาตาชาคาดเอาไว้ เธอรู้ดีว่าชีวิตที่เที่ยวช้อปของเธอคงต้องจบสักวัน แม้มันจะล่วงมาจนเธออายุ 25 ปีก็ตาม หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ให้แม่
“ได้ค่ะ”
“ขอบคุณนะลูกรัก พ่อหนักใจมาก ลูกไม่เคยทำงานแถมยังกะทันหันอีก”
อูแบร์ยังห่วงลูกสาวไม่หาย อันที่จริงที่เขาตามใจให้เธอเที่ยวเล่นก็เพราะเขารู้ว่านาตาชาเก่งและเอาตัวรอดได้ ตั้งแต่เกิดมา นอกจากนิสัยเปย์ไปทั่ว กับเอาแต่ใจสุด ๆ ก็ไม่มีเรื่องไหนที่นาตาชาทำให้เขาหนักใจเลยแม้แต่น้อย เขาเลยปล่อยให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตอย่างที่เธอต้องการให้เต็มที่ เพื่อว่าวันไหนที่เขาต้องรามือจากธุรกิจ เธอจะต้องมากุมบังเ**ยน CEO อย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี เพียงแต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วเช่นนี้
“Dad คะ หนูโอเค แต่ Dad ต้องสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ” นาตาชาหันไปมองพ่อของเธอด้วยความเป็นห่วง อูแบร์อายุค่อนข้างมากแล้ว และเธอก็รักพ่อของเธอมากเสียด้วย สุขภาพของอูแบร์เลยสำคัญมาก และเธอก็พร้อมจะสละทุกอย่างที่ทำได้ หากมันทำให้อูแบร์มีความสุขและมีอายุที่ยืนยาวขึ้น
“แล้วแม่กับ Dad จะไปที่ฝรั่งเศสเมื่อไหร่คะ?” นาตาชาหันไปถามแม่ที่เกิดอาหารสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามของลูกสาว
“เช้านี้จ้ะ” เพ็ญนีย์พูดตะกุกตะกัก
“คะ??” นาตาชาเลิกคิ้วสงสัย
“ลูกไปด้วยนะ Dad อยากให้ลูกอยู่ข้าง ๆ ตอน Dad ไปหาหมอน่ะ” อูแบร์ส่งสายตาออดอ้อนลูกสาวอย่างจริงจัง และมันก็ได้ผลเสมอ
นาตาชายิ้มแล้วกอดพ่อของเธอด้วยความเต็มใจ ตอนนี้เธอยังไม่อยากอยู่ไทยก็เพราะปริศนาที่ยังไขไม่ได้ของนายฌอนนั่นแหละ อีกทั้งการได้กลับไปฝรั่งเศสสัก 2-3 วันก็น่าจะดี เพราะหลังจากนี้เธอต้องลุยงานหนักคนเดียว แถมยังต้องสืบหาเรื่องของฌอนให้ได้ด้วย นาตาชามีเรื่องที่ต้องจัดการอีกหลายอย่าง แต่ตอนนี้ เธอจะทุ่มเวลาให้กับพ่อและแม่ก่อน
“ได้ค่ะ Dad” นาตาชาตอบพร้อมรอยยิ้มสดใสที่พ่อและแม่ไม่ได้เห็นมานาน
อูแบร์เหลือบมองเพ็ญนีย์ที่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้เขาด้วยสายตาประหลาด ๆ แต่โชคดีเหลือเกินที่นาตาชาไม่เห็นมัน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีทางเดินทางไปฝรั่งเศสครั้งนี้แน่นอน.....เมืองลียงถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองมาจากปารีส อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องอาหาร และมีสถานที่สวยงามอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวชมกันเกือบตลอดทั้งปี และเมืองลียงนี่เองที่เป็นสถานที่ตั้งของโรงแรม N ที่อูแบร์เป็นเจ้าของอยู่ด้วย อูแบร์ เพ็ญนีย์และนาตาชาเดินทางมาถึงในวันถัดมา
“กลับบ้านกันนะคะ” นาตาชาคล้องแขนผู้เป็นพ่อทันทีที่ก้าวออกจากสนามบิน
“พ่อ...ว่าจะไปพักที่โรงแรมก่อนดีมั้ยลูก ลูกจะได้ออกไปเดินช้อปปิ้งด้วยตอนที่พ่อนอนพักหรือทำงาน” อูแบร์เอ่ยชวนลูกสาว เนื่องจากบ้านของพวกเขาอยู่ห่างออกมาจากตัวเมือง ทำให้การเดินทางไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
“อืม...ก็ได้ค่ะ” นาตาชาไม่อยากขัดใจพ่อเลยตอบรับ
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย คุณผู้หญิง เอ่อ...คุณนาตาชา” เจโรม ผู้ช่วยของอูแบร์เอ่ยทักทายเธอด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“เป็นไงคะเจโรม ไม่ได้เจอกันนานเลย”
นาตาชาเอ่ยทักทายเขากลับ แต่เพราะเจโรมเคยเจอพิษความเอาแต่ใจของหญิงสาวมาก่อน เขาเลยค่อนข้างกลัวเธอนิด ๆ
“สบายดีครับคุณนาตาชา” ชายวัย 30 ตอบนาตาชาด้วยประโยคที่รวบรัดที่สุด พลางเดินนำครอบครัวลูอิสไปที่รถที่รอรับอยู่ด้านหน้า
ภายในรถขนาดใหญ่นั้น ทั้งอูแบร์ เพ็ญนีย์ต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ แตกต่างจากนาตาชาที่เหม่อมองออกไปด้านนอกตัวรถด้วยสีหน้าสดชื่น เกือบจะ 2 ปีแล้วที่เธอไม่ได้แวะมาที่ฝรั่งเศสจนเธอแทบจะลืมความสวยงามของเมืองลียงไปเสียด้วยซ้ำ ที่ผ่านมา เธอเอาแต่ช้อปปิ้งและดูแลเด็ก ๆ มากกว่าจะเดินทางมาดูงานหรือพักต่างอากาศที่ฝรั่งเศส
“คิดถึง La Table Brestoise จังค่ะ” นาตาชาเอ่ยถึงร้านเบเกอรี่ที่เธอชื่นชอบ
“อ้อ...บ่ายนี้เราไปด้วยกันสิ” อูแบร์เอ่ยตอบลูกสาว
“ค่ะ Dad เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนานมาแล้วนะคะ” นาตาชาโน้มศีรษะไปอิงไหล่ของอูแบร์
ไหล่กว้างอันอบอุ่นของผู้เป็นพ่อยังคงอบอวลไปด้วยความรักที่เกินจะบรรยายสำหรับเธอเสมอ แม้เธอจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มากเหมือนเด็กปกติ แต่ก็รับรู้ถึงความรักและความอบอุ่นจากท่านทั้งสองเสมอ นาตาชาหลับตาพริ้มเมื่อนึกว่าจะได้ทำอะไรบ้างระหว่างที่อยู่ที่เมืองนี้ แต่เมื่อถึงโรงแรม N หน้าที่ของลูกสาวเจ้าของโรงแรมก็เข้ามาสวมทับตัวเธอทันที
นาตาชาก้าวเท้าออกจากรถไปที่ทางเข้าของพนักงานที่อยู่ด้านข้าง เนื่องจากอูแบร์ไม่อยากรบกวนการทำงานของพนักงานและแขกที่แวะมาพักที่นี่ เขาเลยเลี่ยงที่จะเดินเข้าทางประตูหน้า ทั้งอูแบร์ เพ็ญนีย์และนาตาชาเดินตาม เจโรมที่นำหน้าครอบครัวลูอิสไปที่ลิฟต์ส่วนตัวเพื่อส่งทั้งสามไปที่ห้องพักส่วนตัวของพวกเขา
ใช้เวลาเพียงไม่นาน นาตาชาก็ได้เข้ามาอยู่ที่ห้องพักส่วนตัวในโรงแรมเป็นที่เรียบร้อย หญิงสาววางประเป๋าของเธอลง แล้วหันไปหาพนักงานที่เดินเข้ามาพร้อม Welcome Drink เช่นเคย
“สวัสดีค่ะ นาตาชา” ซูซานเอยทักทาย
“สวัสดี สบายดีมั้ย?” นาตาชาทักทายกลับพร้อมหยิบ Welcome Drink ขึ้นจิบ
“สบายดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะคะ แล้วคุณสบายดีใช่มั้ยคะ?”
“ยิ่งกว่าสบายดีอีกที่รัก” นาตาชายิ้มกริ่ม ก่อนจะหันไปสนใจมือถือของเธอที่เธอเพิ่งหยิบมันออกมา เธอเลื่อนหาร้านอาหารต่าง ๆ เพราะตั้งใจจะชวนพ่อกับแม่ไปทานมื้อค่ำสไตล์ฝรั่งเศสกันเองแบบครอบครัว
“ทำอะไรน่ะ” เพ็ญนีย์แตะไหล่ลูกสาวเบา ๆ
“อ่อ...หาร้านสำหรับดินเนอร์ค่ะ” นาตาชาตื่นเต้นมากที่จะได้เที่ยวชมเมืองลียงที่ไม่ได้มาเสียนาน
“อืม...ได้สิ แม่อยากซื้อชุดใหม่ให้ลูกด้วย” เพ็ญนีย์ยิ้มจาง ๆ ให้ลูกสาวคนสวย
“หืม ...ซื้อชุดใหม่ ทำไมคะ?” นาตาชาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“เอาน่า แม่อยากซื้อให้ แต่ต้องตามใจแม่นะ”
“...” นาตาชาเม้มปากเล็ก ๆ ด้วยความสงสัย แต่ความดีใจที่เธอกำลังรู้สึกอยู่นั้นมันมากกว่าความสงสัยที่เธอมีตอนนี้ เธอเลยไม่ได้ว่าอะไร