บทที่ 12

2011 Words
“แล้วก็...ป้าลืมบอกนิจไป พรุ่งนี้ป้าจะไปโรงพยาบาลกับภูนะ” ป้าสร้อยพูดขึ้นพลางตักข้าวเข้าปาก “ภูคุยกับป้าเมื่อวานซืน ว่าอยากให้ป้าไปตรวจสุขภาพบ้าง ป้าว่าก็ดีเหมือนกันเลยตกลงไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ท้องอืดบ่อย แล้วก็มีอาการท้องเสียถี่ ๆ ด้วย ป้าเลยว่าจะให้หมอตรวจดูให้แน่ใจ” “แล้วมีอาการอื่นที่ผิดปกติอีกไหมคะป้า” คะนึงนิจถามพลางวางช้อนในมือลง เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจและเป็นห่วง เธอรู้สึกตื่นตระหนก หัวใจเหมือนถูกบีบรัดทันทีที่ได้ยินคำว่า ท้องอืดบ่อย...ท้องเสียถี่ ความทรงจำจากชาติที่แล้วแล่นวาบเข้ามาในหัว ครั้งนั้น กว่าที่จะรู้ว่าป้าสร้อยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ก็สายเกินกว่าที่จะรักษาไปแล้ว ระยะสุดท้าย...หมอก็บอกได้เพียงให้เตรียมใจ ในชาติก่อน เธอวุ่นวายอยู่กับงานจนไม่มีเวลาแม้แต่จะหันมามองคนใกล้ตัว ด้วยงานที่หนักและวุ่นวาย จนเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการทำงาน คะนึงนิจผลักภาระการดูแลลูกให้ป้าสร้อยแทบทั้งหมด โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุด...กำลังเจ็บป่วยอยู่เงียบ ๆ และในชาตินี้ เธอกลับกำลังทำสิ่งเดิมซ้ำอีกครั้ง ความรู้สึกผิดแล่นวูบขึ้นในใจ คะนึงนิจเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยด้วยเสียงอ่อน “ถ้าอย่างนั้น...พรุ่งนี้ ให้นิจไปโรงพยาบาลกับป้าด้วยนะคะ” ป้าสร้อยหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ภูจะไปด้วยอยู่แล้ว เขาบอกว่าติดต่อหมอเฉพาะทางด้านช่องท้องไว้ให้แล้ว จะได้คิวเร็วหน่อย” เธอยิ้มอย่างเอ็นดู “นิจอยู่บ้านดูน้องคินเถอะ ไปกันทั้งผัวทั้งเมียทำไมกัน ให้ภูไปกับป้าคนเดียวก็พอ ป้าห่วงน้องคิน เดี๋ยวไม่มีคนดูแล ถึงจะมีฝนก็เถอะ ฝนมันยังเด็ก ควรมีผู้ใหญ่คอยดูแลประกบอยู่ด้วย เลี้ยงเด็กเล็กต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แถมช่วงนี้น้องคินเดินเก่งขึ้น เดินร่อนซะทั่วบ้านเลย” คะนึงนิจนิ่งไปครู่หนึ่ง มองป้าสร้อยที่ยังยิ้มอย่างสบายใจ ทั้งที่ตัวเองกำลังไม่สบาย หัวใจเธออ่อนยวบลงทันที คะนึงนิจเอ่ยเสียงอ่อย “ถ้าอย่างนั้น...ผลตรวจออกมาเป็นยังไง ป้าต้องบอกนิจให้หมดนะคะ ห้ามปิดบัง ห้ามหมกเม็ด ห้ามพูดไม่หมด นิจเป็นห่วงป้าจริง ๆ ค่ะ” “แน่นอนอยู่แล้วสิ” ป้าสร้อยยิ้มอ่อน ดวงตาเปล่งประกายอบอุ่น “ป้าก็มีแค่นิจกับหนุ่ยนี่แหละ ที่เป็นญาติที่เหลืออยู่...อ้อ ไม่สิ ยังมีภูกับน้องคินด้วยอีกสองคน” รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความพอใจและความสุขสงบในใจ แค่ได้เห็นลูกหลานอยู่ใกล้ ๆ ล้อมรอบ ทุกคนมีความสุขกันดี...สำหรับป้าสร้อยแล้ว นั่นก็เพียงพอแล้วจริง ๆ ... เช้าวันนี้ ภูวินทร์ตื่นก่อนคะนึงนิจ เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปยังห้องลูกชาย เพื่อดูว่าลูกน้อยตื่นหรือยัง ภาคินทร์เหมือนจะรับรู้ได้ว่าพ่อมีเวลาว่างให้เช้านี้ หนูน้อยขยับตัว พลิกหน้าไปทางประตู ก่อนจะส่งรอยยิ้มกว้างทันทีที่เห็นพ่อเดินเข้ามา “สวัสดีครับ เจ้าหมูน้อย รู้ได้ยังไงว่าพ่อเดินเข้ามาพอดี” “พ่อ! พ่อ! อุ้ม อุ้ม” เสียงใส ๆ ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มดีใจสุดหัวใจ ภูวินทร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะอุ้มลูกน้อยลงจากเตียงอย่างเบามือ เขาอุ้มภาคินทร์เดินไปยังห้องนอนใหญ่ที่อยู่ติดกัน ซึ่งขณะนั้นคะนึงนิจเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและกำลังจะเดินมาหาลูกพอดี เขาวางลูกชายบนเตียง แล้วหันไปพูดกับภรรยาอย่างอารมณ์ดี “นิจค่อย ๆ แต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวพี่ดูเจ้าหมูน้อยนี่ให้เอง กำลังน่ามันเขี้ยวเลย” พูดจบ เขาก็ก้มลงเป่าลมที่ท้องน้อยของลูก เสียงหัวเราะกรี๊ดกร๊าดอย่างสดใสของภาคินทร์ดังลั่นห้อง เด็กน้อยพยายามบิดตัวหนีจากการหยอกล้อของพ่อ แต่ยิ่งทำให้ภูวินทร์หัวเราะอย่างมีความสุขยิ่งกว่าเดิม “แน่ะ...ทำผมคุณพ่อยุ่งหมดแล้วลูก” คะนึงนิจพูดเอ่ยเสียงอ่อนปนขำ ดุลูกชายอย่างไม่จริงจังนัก เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กกำผมของพ่อแน่นเพื่อหลบการหยอกล้อ เสียงหัวเราะสดใสของภาคินทร์ดังลั่นห้อง ทำให้บรรยากาศโดยรอบสดใสตามไปด้วย “พี่ภู เลิกแกล้งลูกได้แล้วค่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อใหม่หน่อยไหม ยับหมดแล้ว” “ไม่เป็นไรหรอกนิจ วันนี้พี่บอกวิทยาไว้แล้วว่าจะไม่เข้าออฟฟิศ จะพาป้าสร้อยไปโรงพยาบาล” คะนึงนิจชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “จริงสิ...นิจว่าจะถามอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าทำไมอยู่ ๆ พี่ภูถึงอยากพาป้าสร้อยไปตรวจร่างกาย เมื่อคืนกว่าพี่จะกลับถึงบ้าน นิจก็หลับป๊อกไปแล้ว มีอะไรที่พี่ภูไม่ได้บอกนิจหรือเปล่าคะ” ภูวินทร์หลบสายตาภรรยาทันที รู้สึกถึงแววสงสัยและไม่ไว้วางใจในดวงตาของหญิงสาวที่จ้องมาอย่างคาดคั้น “ก็ไม่มีอะไรหรอก” เขาตอบเสียงเรียบ “พี่เห็นป้าสร้อยบ่นว่าปวดท้อง ท้องอืดมาหลายวัน แล้วบังเอิญพี่อ่านข่าวเรื่องมะเร็งกระเพาะกับลำไส้ เห็นว่ามักมีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนไม่ค่อยสังเกต พี่เลยคิดว่าป้าสร้อยไม่ได้ตรวจสุขภาพมาหลายปีแล้ว ควรไปตรวจให้ละเอียดสักที แล้วหลังจากนี้ พี่ก็ตั้งใจว่าจะพาท่านไปตรวจสุขภาพทุกปี ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย นิจไม่ต้องห่วงนะ พี่จะดูแลเอง” คะนึงนิจพยักหน้าช้า ๆ แววตาอ่อนลง “นิจขอบคุณพี่ภูมากค่ะที่ห่วงป้าสร้อย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย นิจพอมี นิจอยากช่วยออกด้วยค่ะ” “ไม่ต้องหรอกนิจ” เขายิ้มบาง “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ป้าสร้อยก็เหมือนป้าของพี่ ท่านช่วยดูแลทั้งนิจและน้องคินมาตลอด พี่แค่อยากตอบแทนและดูแลท่านบ้างเท่านั้นเอง” คะนึงนิจเอ่ยขอบคุณภูวินทร์อีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ภายในใจกลับยังรู้สึกตงิด ๆ อย่างบอกไม่ถูก หลายอย่างรอบตัวดูแปลกไปจากเหตุการณ์ที่เธอเคยเจอในชาติที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ภูวินทร์รับเลขานุการส่วนตัวก่อนที่เธอจะเสนอชื่อจันทร์รวีเข้าไป เรื่องการชวนให้หนุ่ยและป้าสร้อยมาอยู่ด้วยกัน เรื่องหาที่ฝึกงานให้หนุ่ย รวมถึงการพาป้าสร้อยไปตรวจสุขภาพในเวลานี้ ทุกอย่าง...ถูกวางแผนไว้เหมือนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เธอได้แต่สะกดความสงสัยเอาไว้ ไม่อยากคิดมากโดยไม่มีหลักฐาน ได้แต่คอยสังเกตการณ์ไปเรื่อย ๆ ... เมื่อป้าสร้อยมาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เพราะภูวินทร์ได้ติดต่อและจองคิวตรวจไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้ได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว การตรวจร่างกายใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็เสร็จสิ้น หลังจากนั้น ป้าสร้อยได้พบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านช่องท้อง หลังจากซักประวัติและตรวจเบื้องต้นแล้ว แพทย์แจ้งว่าต้องนัดส่องกล้องเพิ่มเติมเพื่อวินิจฉัยให้แน่ชัด ซึ่งทางโรงพยาบาลมีคิวการส่องกล้องในสัปดาห์ถัดไป ภูวินทร์รับอาสาจัดการนัดหมายกับทางโรงพยาบาลแทนป้าสร้อยเรียบร้อย ก่อนจะพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงสุภาพและอ่อนโยน “ป้าสร้อยครับ จากที่คุยกับคุณหมอเมื่อกี้นี้ ยังไม่มีอะไรน่ากังวลมากนะครับ โชคดีที่เรามาหาหมอแต่เนิ่น ๆ ตรวจส่องกล้องเสร็จแล้วถึงจะรู้แน่ชัดว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ตอนนี้ป้าอย่าเพิ่งกังวลไปนะครับ” ป้าสร้อยพยักหน้าเบา ๆ “ป้าเข้าใจที่คุณหมอบอก ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่หรอกจ้ะ...แต่เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากไหมภู?” ภูวินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เรื่องนั้นผมกับนิจคุยกันไว้แล้วครับ ขอให้เป็นหน้าที่ของเราสองคนเถอะครับ เรารู้สึกขอบคุณมากที่ป้ามาอยู่ด้วย โดยเฉพาะผม...ผมขอบคุณที่ป้าช่วยดูแลนิจกับน้องคินมาตลอด เพราะฉะนั้น ป้าไม่ต้องคิดมากเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ ผมจะดูแลให้เอง” “ยังไงก็ให้ป้าได้ออกค่าใช้จ่ายบ้างเถอะลูก บางส่วนก็ยังดี ป้าเกรงใจ” ป้าสร้อยพูดพลางยิ้มบาง แววตาแสดงความเกรงใจปนอบอุ่น ภูวินทร์ส่ายหน้ายิ้ม “ป้าสร้อยครับ ผมเป็นหลานของป้านะครับ ถึงจะไม่ใช่หลานแท้ ๆ แต่ผมนับถือป้าเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งจริง ๆ” เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมอยากให้ป้าอย่าคิดมากเลยครับ เรื่องเงินทองให้ผมจัดการเถอะครับ ขอแค่ทุกคนในครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุข ทุกคนสุขสบายดี เท่านี้ผมก็ดีใจที่สุดแล้วครับ” เสียงโทรศัพท์ของป้าสร้อยดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ทั้งคู่หันไปมองแทบพร้อมกัน ป้าสร้อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “นิจโทรมาพอดี” เธอกดรับสายทันที “ฮัลโหล นิจเหรอลูก” เสียงของคะนึงนิจดังลอดมาตามสาย เต็มไปด้วยความห่วงใย “ป้าคะ ตรวจเสร็จแล้วใช่ไหม ผลตรวจเป็นยังไงบ้าง” “ทุกอย่างเรียบร้อยดี โรงพยาบาลตรวจเร็วมาก ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ตรวจเสร็จแล้ว” ป้าสร้อยตอบด้วยน้ำเสียงใจดี “แล้วก็เรื่องปวดท้อง คุณหมอนัดส่องกล้องสัปดาห์หน้า จะได้ตรวจให้ละเอียดมากขึ้นอีกหน่อย ไว้ถึงบ้าน เราค่อยคุยกันละเอียด ๆ อีกที ดีไหมนิจ แล้วมื้อกลางวันนี้ มีอะไรทานหรือยังลูก?” “นิจว่าจะสั่งเดลิเวอรี่ค่ะ” เธอตอบพลางหัวเราะเบา ๆ “วันนี้ไม่มีอารมณ์คิดเมนูเลยค่ะ ป้าพรก็บอกว่าสมองตื้อ คิดไม่ออก รอให้นิจเป็นคนตัดสินใจอยู่เนี่ยค่ะ” “อ้าว ซะงั้น ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของป้าสร้อยดังตามปลายสาย “งั้นพวกเราออกไปทานข้างนอกกันดีไหมครับ?” ภูวินทร์เอ่ยแทรกขึ้นพลางยิ้ม “ให้นิจแต่งตัวแล้วเตรียมของน้องคินไว้เลย พอรถถึงก็ออกไปพร้อมกัน” ป้าสร้อยหันมายิ้มบางแล้วคุยสายกับคะนึงนิจต่อ “ภูเสนอว่าให้ไปทานข้างนอกกัน ดีไหมนิจ?” “ก็ดีค่ะ” คะนึงนิจตอบ “ให้น้องคินได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้างก็ดีเหมือนกันค่ะ” “งั้นนิจเตรียมตัวไว้เลยนะ รถไม่ค่อยติด น่าจะถึงบ้านเร็ว” ป้าสร้อยกำชับอีกครั้งก่อนวางสาย คะนึงนิจเรียกฝนให้ช่วยเตรียมข้าวของจำเป็นที่น้องคินจะต้องใช้ระหว่างออกไปข้างนอก ทั้งกระเป๋าใส่ขวดนม เสื้อผ้า และของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่ลูกชายขาดไม่ได้เวลาเดินทาง เธอกำชับฝนกับป้าพรให้สั่งอาหารกลางวันที่อยากทานทางเดลิเวอรี่ได้เลย แล้วค่อยเบิกค่าอาหารกับเธอภายหลัง หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย คะนึงนิจหันไปยิ้มให้ลูกน้อย “แม่ขอขึ้นไปแต่งตัวแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวเราจะได้ออกไปเที่ยวกัน วันนี้คุณพ่อเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว พวกเราต้องช่วยกันถล่มให้คุ้มเลยดีไหมลูก?” เธอพูดพลางหยิกแก้มกลม ๆ ของลูกชายเบา ๆ เสียงหัวเราะใสของภาคินทร์ดังขึ้นทันที เธอฝากฝนให้ช่วยดูแลภาคินทร์ไว้ชั่วครู่ ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นบน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD