บทที่ 13

2043 Words
ภาคินทร์หันซ้ายหันขวาอยู่ในอ้อมแขนของภูวินทร์ เด็กน้อยดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว สีสันสดใสจากร้านรวงและของตกแต่งดึงดูดสายตาเขาให้หันมองไม่หยุด ภูวินทร์อาสาอุ้มลูกเอง เพราะไม่อยากให้ลูกน้อยนั่งรถเข็นอยู่ลำพังโดยมองไม่เห็นพ่อแม่ ถึงลูกจะเริ่มตัวโตและหนักขึ้น แต่ในอ้อมแขนของเขากลับรู้สึกเบาสบาย เขามีความสุขที่ได้อุ้มลูกไว้แนบอก คอยชี้ชวนให้ดูนั่นดูนี่ระหว่างเดิน บางครั้ง ภาคินทร์ก็พูดเลียนเสียงพ่อออกมาสั้น ๆ หนึ่งหรือสองพยางค์ เสียงใส ๆ นั้นทำให้ภูวินทร์หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู หัวใจของเขาอิ่มเอมจนพองโตที่ได้ใกล้ชิดลูกในวันนี้ “เฮ้ย ภู มาได้ยังไงเนี่ย ฉันก็นึกว่านายเข้าออฟฟิศซะอีก เลยฝากเอกสารไว้กับเลขาฯ นายไปแล้ว” เสียงของวุฒิดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง หญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับเขารีบปล่อยมือที่เกาะแขนชายหนุ่มไว้แทบจะทันที “อ้าว วุฒิ บังเอิญจริง” ภูวินทร์เอ่ยเรียบ ๆ พลางยกคิ้วเล็กน้อย “วันนี้พอดีมีธุระตอนเช้า ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง ก็เลยบอกวิทยาไว้ก่อนว่าไม่เข้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบดูเอกสารให้นะ” “สวัสดีครับ นิจ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย” วุฒิหันมาทักคะนึงนิจด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “สวัสดีค่ะ พี่วุฒิ สบายดีนะคะ” เธอยิ้มสุภาพ แต่สายตาเหลือบมองหญิงสาวข้างกายเขาแวบหนึ่ง “ก็เรื่อย ๆ น่ะ งานยุ่งบ้างว่างบ้าง” วุฒิหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะชี้ไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง “นี่จันทร์รวี เลขาฯ ของพี่เอง อ้อ...ใช่ เป็นรุ่นน้องของนิจด้วยนี่ พี่ลืมไป” จันทร์รวีรีบยกมือไหว้ทั้งคู่ “สวัสดีค่ะ คุณภู พี่นิจ” เธอเอ่ยเสียงเรียบแต่แววตาดูหวั่น ๆ หลังจากเมื่อครู่เผลอก้มหน้างุดหนีสายตาของภูวินทร์ “วันนี้คุณวุฒิออกมาพบลูกค้าค่ะ จันทร์ก็เลยตามมาด้วย จะได้ช่วยจดรายละเอียดเรื่องที่หารือกัน” จันทร์รวีรีบพูดขึ้น น้ำเสียงฟังดูร้อนรนกว่าปกติ มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นดึงปกเสื้อให้สูงขึ้นเล็กน้อย ปิดรอยแดงจาง ๆ บริเวณไหปลาร้าที่เธอเพิ่งสังเกตเห็นในเงาสะท้อนกระจกเมื่อครู่ “แล้วนี่จะไปไหนกันต่อล่ะ?” วุฒิถามขึ้นพลางเหลือบมองภูวินทร์อย่างไม่ใส่ใจนักกับอาการกระวนกระวายของหญิงสาวที่พามาด้วย “ว่าจะพาครอบครัวไปทานข้าวกลางวัน แล้วแวะซื้อของให้น้องคินหน่อย” ภูวินทร์ตอบเรียบ ๆ พลางหันไปมองลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขน “ช่วงนี้ตัวโตขึ้น เสื้อเริ่มคับพุงปลิ้นแล้วใช่ไหม เจ้าหมูอ้วน” ภาคินทร์หัวเราะเสียงใส ดวงตาเปล่งประกายยิ้มรับกับคำกล่าวหาของพ่อที่แหย่เล่นเขาอย่างซื่อ ๆ ผู้ใหญ่ทั้งหมดต่างพากันหัวเราะตามอย่างเอ็นดู “งั้นฉันขอตัวก่อนนะ ว่าจะเข้าออฟฟิศช่วงบ่ายอีกรอบ ยังไงฝากนายเซ็นเอกสารด้วยล่ะ ซัพพลายเออร์เจ้านี้เขาขอด่วน” วุฒิพูดจบก็หันไปยกมือไหว้ป้าสร้อยเป็นเชิงลากลาย ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป จันทร์รวีรีบยกมือไหว้ลาคนทั้งหมดด้วยท่าทีเรียบร้อย แล้วเดินก้าวตามวุฒิไปอย่างกระชั้นชิด คะนึงนิจเหลือบตามองสามีโดยไม่ตั้งใจ และทันได้เห็นแววตาของภูวินทร์ที่มองตามหลังวุฒิกับจันทร์รวีไป แววตานั้นทั้งแข็งกร้าวและแฝงแววเย้ยหยัน เธออดสงสัยไม่ได้กับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่เพิ่งผละจากไป เพราะเมื่อครู่คะนึงนิจเห็นวุฒิเดินควงแขนจันทร์รวีมาแต่ไกล ราวกับเป็นคู่รักกันจริง ๆ เธอจึงเลือกจะเฝ้าดูต่อไป ว่าภูวินทร์จะสังเกตเห็นหรือไม่ และเขาจะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้ “เราไปร้านอาหารกันเถอะครับ เดี๋ยวคนเยอะ จะต้องรอคิวกันนาน” เสียงของภูวินทร์ดังขึ้นก่อนที่เขาจะหันมาทางป้าสร้อยและคะนึงนิจ พร้อมพยักหน้าเรียกให้เดินตาม ในร้านอาหาร เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กคลอไปทั่ว บางโต๊ะเป็นกลุ่มเพื่อนที่นัดกันมาพบปะ บางโต๊ะมากันเป็นครอบครัว และบางคนก็เลือกจะใช้เวลาส่วนตัวนั่งทานอาหารคนเดียว ครอบครัวภูวินทร์ได้โต๊ะที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งใกล้กระจกที่มองออกไปเห็นวิวด้านนอก ภาคินทร์นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็ก ระหว่างพ่อกับแม่ มือป้อมจับช้อนคันเล็กตักข้าวหอมควินัวคลุกกับปลาแซลมอนย่างเข้าปากอย่างตั้งใจ ดวงตากลมใสจ้องจานอาหารลายการ์ตูนสีสันดึงดูดสายตาของเด็ก ๆ “อร่อยไหมครับลูก” ภูวินทร์ถามพลางใช้ผ้าเช็ดมุมปากให้ลูกชาย “หร่อย” เสียงเล็กใสตอบกลับอย่างร่าเริง และพยายามตักข้าวในจานของตนเองต่อ แม้จะทำหกเลอะเทอะ แต่ผู้ใหญ่แต่ละคนต่างพากันลุ้นเด็กน้อยตักข้าวทานเอง ภาคินทร์ชี้นิ้วป้อมไปที่แครอตบนจานของแม่ พลางพูดเสียงใสว่า “กิน” เป็นเชิงบอกว่าอยากชิมของแม่บ้าง “โอ๊ย น้องคินเอ๊ย ของตัวเองยังไม่หมดเลยนะลูก นี่จะกินของแม่อีกด้วยเหรอ” ป้าสร้อยพูดพลางหัวเราะเสียงใส ขณะที่คะนึงนิจยื่นแก้วน้ำให้ลูกชายดื่มด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “สมฉายาเจ้าหมูน้อยจริง ๆ ครับ” ภูวินทร์เสริมเสียงขำ “ทานเก่งมาก ดูสิครับ ปากไม่ว่างเลย” เขาพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะตักต้มจืดในถ้วยยื่นให้ลูกน้อยอีกคำ ภาคินทร์อ้าปากรอป้อนอย่างว่าง่าย กลายเป็นจุดสนใจของผู้ใหญ่ทั้งโต๊ะที่พากันมองด้วยความเอ็นดู เด็กน้อยดูร่าเริงเป็นพิเศษกับการได้ออกมาเที่ยวข้างนอก ได้เห็นผู้คน ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากบ้านที่คุ้นเคยมาเป็นร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่านแห่งนี้ เสียงเพลงจังหวะนุ่มคลอเบา ๆ ประสานกับเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของคนในร้าน กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยอวล ทำให้ช่วงเวลานี้ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความคึกคัก หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งครอบครัวพากันเดินดูของตามแผนกต่าง ๆ ภายในห้างสรรพสินค้า เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของผู้คนรอบข้างทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา พวกเขาใช้เวลานานเป็นพิเศษในแผนกสินค้าเด็ก ภาคินทร์ตื่นตาตื่นใจกับของเล่นสีสันสดใสที่วางเรียงรายเต็มชั้น เด็กน้อยกลายเป็นลูกค้าคนสำคัญของห้างโดยไม่รู้ตัว เพราะพ่อแม่ต่างผลัดกันหยิบเสื้อผ้า รองเท้า และของเล่นที่เสริมภูมิปัญญาให้เขาจนเต็มตะกร้า กว่าจะเดินชมของกันครบตามต้องการ ก็ล่วงเลยถึงช่วงเย็น ทั้งครอบครัวพากันเดินออกจากห้างด้วยท่าทีผ่อนคลาย เด็กน้อยหลับสนิทในอ้อมกอดของพ่อ แววตาภูวินทร์เต็มไปด้วยความอ่อนโยนขณะค่อย ๆ วางลูกลงบนคาร์ซีทอย่างเบามือ เขาก้มลงจัดท่าทางของลูกให้นอนสบาย ก่อนจะรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรอบคอบ คะนึงนิจที่นั่งอยู่ข้างคาร์ซีทเอื้อมมือคลี่ผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวลูกน้อยไว้ ป้องกันแรงลมจากเครื่องปรับอากาศในรถ เธอมองใบหน้าที่หลับสนิทของภาคินทร์ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “พวกเรากลับบ้านกันเลยนะครับ” ภูวินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากตรวจดูความเรียบร้อยของทุกคนเสร็จ คะนึงนิจกับป้าสร้อยพยักหน้า ยิ้มรับคำอย่างอารมณ์ดี แม้จะเหนื่อยจากการเดินเที่ยวมาตลอดบ่าย แต่ใบหน้าของทุกคนต่างเปื้อนยิ้มด้วยความสุขเรียบง่ายของวันหนึ่งในครอบครัวเล็ก ๆ ... “สัญญาน่าจะถึงมือคุณวันมะรืนนี้นะ หลังจากได้ลายเซ็นครบแล้ว ผมจะให้เลขาฯ สแกนส่งเอกสารให้ทางอีเมลก่อน น่าจะภายในพรุ่งนี้” เสียงของเขานุ่มเรียบ ก่อนเว้นจังหวะเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่ออย่างมีนัย “แล้วก็...อย่าลืมเรื่อง ‘ค่าขนม’ ที่เราตกลงกันไว้ด้วยนะครับ” หลังจากวุฒิวางสายจากซัพพลายเออร์ที่โทรมาติดตามผลการเสนอราคาช่วงหัวค่ำ เสียงโทรศัพท์อีกสายก็ดังขึ้นแทบจะทันที เขารีบกดรับ “จ้ะ ที่รัก วันนี้ผมต้องพาลูกค้าไปเอ็นเตอร์เทนหน่อยนะ อาจกลับดึกนิดนึง ถ้าเลี้ยงเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านเลย ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกก่อน พอดีวันนี้ยุ่งตั้งแต่เช้า... จ้ะ ได้จ้ะ ผมจะขับรถระวัง รักคุณนะ จุ๊บ” เขาทำเสียงจูบเบา ๆ ปิดท้าย ก่อนจะวางสายลง แล้วหันไปมองหญิงสาวร่างเปลือยที่นอนพาดอยู่ข้างกาย “พรุ่งนี้ ช่วยไปเร่งเลขาฯ หน้าห้องภูวินทร์ให้หน่อยนะ” เขาพูดเสียงเรียบพลางคว้าเสื้อขึ้นมาใส่ “ซัพพลายเออร์รายนั้นโทรมาตามหลายรอบแล้ว พอได้เอกสารมาก็สแกนส่งให้เขาก่อนด้วย” จันทร์รวีเงยหน้าขึ้นถามเสียงออดอ้อน “คุณวุฒิจะกลับแล้วเหรอคะ วันนี้จันทร์ได้อยู่กับคุณแค่แป๊บเดียวเอง...” “คุณก็ได้ยินแล้วนี่ ว่าเมียผมโทรมาตามแล้ว รีบลุกขึ้นแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งที่ป้ายรถเมล์ คุณกลับเองนะ บ้านคุณกับบ้านผมคนละทางกัน” น้ำเสียงของวุฒิราบเรียบ ไม่แยแสต่อท่าทางออดอ้อนของหญิงสาวแม้แต่น้อย เขาคว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง ... จันทร์รวีกลับถึงห้องเช่าในคอนโดระดับกลาง หญิงสาวทิ้งกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ความเหนื่อยล้าทั้งจากงานทั้งวันและจากสิ่งที่ต้อง “รับใช้” วุฒิในช่วงบ่ายถาโถมเข้ามาในคราวเดียว เธอถอนหายใจยาว เฮ้อ... เจ้านายของเธอ หน้าตาก็ดี ฐานะก็ดี แต่ดันมีเมียแล้ว แถมยังเขี้ยวจัดเสียด้วย ตอนแรกเธอคิดว่าพอหลอกล่อให้เขาขึ้นเตียงได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่สองของการทำงาน ชีวิตคงจะสบายขึ้น เผื่อโชคดีได้เป็นเมียเก็บ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่ผิดถนัด เขาไม่เคยคิดจะให้ฐานะอะไรกับเธอเลย ใช้งานเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างแค่บางวันที่เบื่อน้ำพริกถ้วยเก่าที่บ้าน ก็เรียกเธอไปนอนด้วยในโรงแรมชานเมืองราคาดีหน่อยเท่านั้นเอง เหมือนวันนี้นั่นแหละ กว่าเธอจะนั่งแท็กซี่กลับมาก็หมดไปหลายร้อย จันทร์รวีเม้มปากแน่น ความหงุดหงิดผสมความอับอายแล่นพล่านอยู่ในอก นาน ๆ วุฒิถึงจะยอมยื่นเงินให้สักครั้ง คงกลัวเมียที่บ้านจะสงสัย...หรือไม่ก็แค่ขี้ตืดตามนิสัยผู้ชายที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่า จันทร์รวีขบกรามแน่น ความแค้นคุกรุ่นอยู่ในอก ยิ่งนึกถึงภาพตอนเที่ยงที่ได้เจอ “นังนิจ” รุ่นพี่น่าโง่ของเธอคนนั้น มาพร้อมกับสามีหนุ่มแสนอบอุ่น ชายในฝันที่เธอเฝ้ามองมานาน และยังอุ้มลูกน้อยหน้าตาน่ารักมาด้วยอีก ยิ่งทำให้หัวใจเธอร้อนรุ่มราวไฟลาม เธออิจฉา...อิจฉาจนแทบจะเป็นบ้า ผู้หญิงที่ดูแสนธรรมดา กลับมีทั้งสามีที่ดี หน้าที่มั่นคง และครอบครัวสมบูรณ์ ส่วนเธอ...ต้องหลบอยู่ในเงามืด ไม่ว่าจะดิ้นรนกระเสือกกระสนแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นได้เพียงของเล่นชั่วคราวในมือคนอื่นเท่านั้นเอง จันทร์รวีกัดริมฝีปากแน่น ยิ่งคิดถึงแววตาของภูวินทร์ที่ไม่แม้แต่จะแลมองเธอ ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เธออ่อยแทบตาย เขากลับไม่ไหวติงสักนิด ชายคนนั้นดูสงบ สุภาพ และห่างเหินเกินไป...เธอจะทำยังไงนะถึงจะได้ใกล้ชิดกับเขาได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD