ตอนที่ 3-2

1462 Words
"อ้าว คุณหญิง ตื่นเช้าเชียว ต้องการรับอะไรดีคะ ป้าจะทำให้" ป้าจิตรหัวหน้าแม่บ้านถามขึ้นเพราะหันมาเห็นเธอก่อนใคร "เอ่อ เปล่าค่ะ หนูแค่ไม่มีอะไรทำ เลยจะเข้ามาช่วย" ร่างบางเลิกลั่ก ปฏิเสธเสียงเบาเพราะยังไม่คุ้นชินกับการถูกปฏิบัติดีด้วยเท่าไร "ตายแล้ว! ไม่ได้นะคะ คุณหญิงเป็นคู่หมั้นของคุณธันย์ ไม่มีใครกล้าให้ทำอะไรหรอกค่ะ แค่เหยียบเข้ามาในครัวก็ไม่ควรแล้ว" อีกฝ่ายลนลานปฏิเสธกลับมาราวกับเป็นเรื่องใหญ่โตจนรินลดาได้แต่ทำหน้างง "...ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ หนูเต็มใจช่วย" เสียงหวานยืนยันคำเดิมอย่างตั้งใจ ถึงเธอจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยฐานะที่สูงกว่าแต่เธอไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ไม่รู้สึกยินดีกับการได้นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร สิ่งไหนที่เธอพอจะทำได้เธอก็อยากช่วยเต็มที่ "ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณท่านทั้งสองรู้จะดุป้าเอา เชิญไปนั่งรอมื้อเช้าในห้องนั่งเล่นดีกว่า เดี๋ยวป้าให้เด็กยกของว่างไปให้นะคะ" ป้าจิตรอ้อนวอนเสียงอ่อนทำใจคนฟังอ่อนยวบตามไปด้วย รินลดากลัวป้าถูกคุณหญิงดุอย่างที่เจ้าตัวอ้างเลยยอมพยักหน้าและเดินกลับออกมารอที่ห้องนั่งเล่น สักพักคุณหญิงก็ลงมาจากชั้นบน "อรุณสวัสดิ์จ้ะ ตื่นเช้าจัง เมื่อคืนหลับสบายมั้ยจ๊ะ" คุณหญิงเอ่ยทักกันด้วยน้ำเสียงสดใส ใบหน้าอ่อนเยาว์เผยรอยยิ้มที่คนมองคิดว่าสวยเหมือนรอยยิ้มของแม่ออกมาจนอดยิ้มตอบไม่ได้ "อรุณสวัสดิ์ค่ะ.. รู้สึกแปลกที่นิดหน่อย แต่ก็หลับสบายดีค่ะ" ร่างบางผุดลุกเข้าไปประคองคนอายุมากกว่ามานั่ง จังหวะเดียวกันป้าจิตรก็พาเด็กๆ ยกของว่างมาให้ คุณสุรศักดิ์ที่ไปดูต้นไม้ในสวนหลังบ้านก็กลับเข้ามาพอดี "เจ้าธันย์ออกไปตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ยอมกลับบ้าน" ร่างสูงนั้นพูดลอยๆ ขึ้นมาให้คุณหญิงรับรู้ ซึ่งเธอก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับลูกชายดี "คุณพี่ก็อย่าเพิ่งไปกดดันลูกมากเลยค่ะ แกคงไม่ชอบใจนัก" คุณนาฏยาเอ่ยอย่างจำใจ แน่นอนว่าไม่มีใครชอบถูกบังคับ เธอเข้าใจทั้งลูกชายและสามี ทุกคนต่างมีเหตุผลส่วนตัวที่พอมันไม่ตรงกันก็เลยขัดแย้งกันแบบนี้ "ผมยอมมามากพอแล้วคุณหญิง" คุณสุรศักดิ์พูดเสียงเข้ม ผู้เป็นภรรยาก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ ก็อย่างที่บอกว่าเธอเข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่สามีไม่ได้อยู่ที่เธอ ผู้นำตระกูลไม่ว่ารุ่นไหนๆ ก็ต้องมีทายาทสืบสกุลเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ยิ่งลูกชายเพียงคนเดียวอายุเฉียดครึ่งชีวิตเข้าไปแล้วก็ยิ่งต้องรีบมี.. ลึกๆ แล้วคุณหญิงก็นึกโทษตัวเองอยู่เหมือนกันที่ร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถมีลูกหลายๆ คนได้ ไม่งั้นวรธันย์คงไม่ต้องถูกกดดันถึงขนาดนี้.. "เฮ้อ พาน้องเครียดแต่เช้าเลยนะคะ ปล่อยๆ ลูกไปก่อนเถอะค่ะ อย่าเคี่ยวนักเลย ให้เวลาแกทำใจสักหน่อย เดี๋ยวก็คงยอมรับได้เอง" คุณหญิงถอนหายใจอย่างจำยอม ทำได้แค่ช่วยพูดให้สามีเข้าใจลูกอีกหน่อยเพราะสถานการณ์มันก็ค่อนข้างจะกะทันหันเกินไป คุณสุรศักดิ์พอเห็นภรรยาบ่นเครียดก็ยอมลงให้ ยอมให้ลูกชายยังทำตัวเหลวไหลต่อไปได้อีกสักพัก แต่ไม่ยอมให้ยกเลิกงานแต่งอย่างเด็ดขาด! .. .. หลังจากนั่งคิดนอนคิดมาทั้งคืน ไม่พอยังลามมารบกวนเวลาทำงานในเช้าวันนี้ด้วย วรธันย์ก็ยังหาบทสรุปเรื่องงาน (บังคับ) แต่งไม่ได้ จะให้ยอมแต่งง่ายๆ อย่างที่เพื่อนแนะนำนั้น บอกตรงๆ ว่าพอรู้ธาตุแท้ของฝ่ายว่าที่เจ้าสาวแล้วทำใจยอมรับง่ายๆ ไม่ได้ แต่ทันใดในขณะที่กำลังจะเลิกคิดนั้นก็เกิดแสงสว่างเล็กๆ ขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดในสมอง.. จริงอยู่ว่าเขาถูกมัดมือชกไม่ให้ปฏิเสธได้ แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธงานแต่งไม่ได้นี่นา! จะถูกพ่อเขาจ้างมาเท่าไรก็ช่างสิ แต่ถ้าเขาจะทำให้อีกฝ่ายอดทนอยู่จนถึงวันแต่งไม่ได้และเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งไปเองล่ะ เขาก็จะไม่ต้องฝืนใจ มรดกก็ยังคงอยู่ มีแต่ได้กับได้เห็นๆ! คิดได้แบบนั้นร่างสูงก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างพึงพอใจ ความเครียดสะสมมลายหายไปเป็นปลิดทิ้งราวกับไม่เคยมีมาก่อน นั่งทำงานต่อไปอย่างอารมณ์ดี๊ดี.. แกรก! "ธันย์คะ! " คนที่นั่งทำงานอย่างใช้สมาธิเป็นอันต้องสะดุ้งตกใจเมื่อผู้มาใหม่เปิดประตูพรวดเข้ามาโดยไม่เคาะบอกหรือแจ้งผ่านเลขาล่วงหน้าก่อนว่าจะมา พอมองเลยไปด้านหลังก็เห็นแต่เลขาถลาตามเข้ามาทำหน้าเจื่อนๆ เหมือนว่าพยายามห้ามแล้วแต่ไม่สำเร็จ "เกว.. จะเข้ามาผมบอกให้เคาะประตูหรือแจ้งเลขาผมก่อนไง" เสียงต่ำเอ่ยตำหนิอดีตคู่ขาที่เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นแฟนอย่างไม่พอใจ เพราะเรื่องนี้เขาต้องย้ำทุกครั้งที่อีกฝ่ายบุกมาหาแต่ก็เหมือนพูดให้ดินฟ้าอากาศฟัง เจ้าหล่อนไม่เคยสนใจใยดีคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย "ทำไมต้องแจ้งด้วยคะ เกวไม่มีสิทธิ์เข้ามาหรือว่าคุณแอบซุกอีหนูคนไหนไว้" ร่างสูงเพรียวบนส้นสูงปลายแหลมหรี่ตามองจับผิดทั้งเขาและกวาดมองไปทั่วห้อง "ไม่ใช่.. แต่.. เผื่อผมติดลูกค้าสำคัญ" วรธันย์เอ่ยเลี่ยงทั้งที่จริงอยากจะบอกว่ามันเป็นมารยาทที่ทุกคนพึงปฏิบัติก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะกลายร่างเป็นยักษ์มาหักคอเอา ไม่ได้กลัวหรอกแต่รำคาญเสียงแหลมๆ ของเจ้าหล่อนมากกว่า "ยังจะมีใครสำคัญเท่าเกวอีกหรอคะ" ริมฝีปากบางเคลือบลิปสติกสีสดของคนพูดยกยิ้มหวาน หลังถือวิสาสะหมุนเก้าอี้ทำงานของร่างสูงหันมาหาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่ง คล้องวงแขนกอดคอ เอียงแก้มซบไหล่หนาอย่างออดอ้อน 'เกวลิน' เป็นผู้หญิงที่เขาคบหานานที่สุดไม่ว่าจะในสถานะคู่ขาหรือแฟน เหตุผลง่ายๆ ก็แค่เจ้าหล่อนงี่เง่าน้อยที่สุดจากในบรรดาผู้หญิงที่เคยพบเจอมา แน่นอนว่างี่เง่าน้อยสุดไม่ใช่จะไม่งี่เง่าเลย.. นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ตกลงปลงใจแต่งงานกับหล่อนตั้งแต่ที่พ่อบอกแรกๆ หล่อนยังไม่ใช่.. แม้จะเข้ากันได้ดีในหลายๆ เรื่องแต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่ไม่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับคนๆ นี้ ก็เลยไม่เคยพาไปแนะนำกับพ่อแม่ ได้แต่คบไปวันๆ "แล้วนี่มามีอะไรหรือเปล่า" ร่างสูงไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับ และถือเป็นโชคดีที่เปลี่ยนความสนใจของเจ้าหล่อนได้ "แหม ไม่มีมาไม่ได้หรอคะ พูดแบบนี้เกวน้อยใจนะเนี่ย" ร่างเพรียวกอดออเซาะพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดน้อยใจ เห็นแรกๆ ก็รู้สึกดีอยู่หรอก แต่เห็นบ่อยเกินไปก็ชักจะเบื่อ.. "ผมทำงาน ไม่มีเวลาเทคแคร์ เกรงว่าคุณจะเบื่อน่ะ" ประธานหนุ่มเอ่ยอ้างไปเหมือนทุกทีที่เคยอ้างเวลาไม่อยากเจออีกฝ่าย อารมณ์เขาไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแค่คู่ควงกันนัก ไม่ได้อยากเจอตลอดเวลา บางทีเจอกันก็อยากหนีไปไกลๆ แต่บางวันก็มีอารมณ์อยากเจอ ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร.. รักหรือ? ก็ไม่น่าใช่ "ไม่เบื่อหรอกค่ะ ที่ไหนมีคุณเกวไม่เคยเบื่อเลย" เกวลินบอกเสียงหวานพร้อมกับยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มสาก ก่อนเคลื่อนมาที่ริมฝีปากหนาอย่างอ้อยอิ่ง กะยั่วยวนให้ร่างสูงตบะแตก แต่เหมือนเขาจะชักช้าไม่ได้ดั่งใจ มือเรียวจึงรั้งใบหน้าคมลงมาประกบปากจูบเสียเอง เรียวขาสวยยกข้ามมานั่งคร่อมตักแกร่งอย่างเต็มตัว ก่อนบดเบียดสะโพกเข้ากับเป้ากางเกงเขาจนอะไรบางอย่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ในนั้นเริ่มตื่น.. จากนั้นงานที่ทำค้างไว้ก็ไม่เดินอีกเลย .. .. .. ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD