เฟยหมิงพยายามข่มอารมณ์รีบพานางไปที่อ่างน้ำที่เฟยเฟิ่งเตรียมไว้
“ปล่อยให้นางแช่น้ำสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เฟยหมิงปล่อยร่างบางให้นอนในอ่างน้ำ และคอยมองดูอยู่ห่าง ๆ กับเฟยเฟิ่ง
ผ่านไปเพียงครู่เดียวร่างของนางก็ค่อย ๆ จมลงจนสองหนุ่มตกใจรีบช่วยนางขึ้นมา
“พี่รองตัวนางเย็นแล้ว ไม่ร้อนเหมือนเมื่อครู่”
“อืม..พานางไปนอนพักที่เตียงก่อน”
“แต่ชุดนางเปียกจะทำเช่นไรดี”
“คงต้องเปลี่ยนให้ แต่เจ้ากับข้าเป็นบุรุษทั้งคู่”
“เราคงต้องเอาผ้าปิดตาไว้” เฟยเฟิ่งออกความเห็น
“เอาเช่นนั้นก็ได้”
สองหนุ่มจึงใช้ผ้าปิดตา พวกเขาพาร่างลี่อินมานอนที่เตียง แล้วเริ่มถอนชุดที่เปียกของนางออก
“ท่านพี่ทำไมตัวนางร้อนขึ้นมาอีกแล้ว”
“คงเพราะพิษมันรุนแรงเกินไป”
“เราจะทำเช่นไรดี”
“อืม..ช่วยข้าด้วย..อ่าส์ข้ารู้สึกร้อนรุ่มเหลือเกิน” เสียงลี่อินร้องครางกระเส่า
เฟยเฟิ่งตกใจจึงรีบดึงผ้าปิดตาออก เขาเห็นร่างเล็กของนางที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งช่างดูเย้ายวนชวนให้บุรุษเช่นเขากระสัน
ขาของนางเบียดชิดเข้าหากัน แล้วถูไถไปมา
“ทะ..ท่านพี่นางดูทรมานมากเลย”
“น้องสามนี้เจ้าเปิดผ้าปิดตาออกหรือ”
“อืม..พะ..พี่รองดูนางสิ”
เฟยหมิงรีบเปิดผ้าปิดตา เห็นร่างเปลือยเปล่าของลี่อินนอนบิดไปมาเรียวขาถูเบียดกัน เต้านมอวบอิ่มกับยอดปลายอกสีชมพูบวมเป่งกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจแรง
“เราจะช่วยนางได้เยี่ยงไรบาง” เฟยเฟิ่งเอ่ยถามน้ำเสียงสั่น หันไปมองพี่รองของตนเองที่กำลังจ้องร่างสวยของลี่อินตาเป็นประกาย หนำซ้ำแท่งกลางกายของพี่รองยังดุนดันจนกางเกงตุงนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็ไม่ต้องอะไรกับเขาเอง เพราะตอนนี้แท่งร้อนของเฟยเฟิ่งก็ปวดหนึบแข็งตั้งดันอยู่ในร่มผ้าเช่นกัน
“เฟยเฟิ่ง ข้ารู้ว่าเจ้าเคยแอบอ่านตำราประโลมรัก”
**ตำราประโลมรัก คือ หนังสือโป๊ของกวีชื่อดังในแคว้นต้าเจา**
“ก็ใช่..พี่รองจะสื่อถึงสิ่งใด”
“พวกเรามาทำตามตำราประโลมรักกันเถอะ นางจะได้ไม่ทรมาน”
“อืม..เอาสิ” เฟยเฟิ่งไม่ปฏิเสธ
“ข้าจะเริ่มที่เต้านมนาง”เฟยหมิงเอ่ย
“งั้นข้าจะเริ่มที่..ที่จุดสงวนของนาง”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยสองพี่นางจึงเข้าไปนั่งประจำที่
เฟยเฟิ่งจับข้อพับขาลี่อินแยกออกจนกว้าง
“อู้วว..” เฟยเฟิ่งร้องเสียงกระเส่า
“เป็นเยี่ยงไรน้องสาม”
“จุดสงวนของนางอวบอูมมากเลยพี่รอง ข้าพึงเคยเห็นของสตรีจริง ๆ”
“รีบลงมือเข้าเถิดดูนางทรมานน่าสงสารยิ่งนัก”
เฟยเฟิ่งมองเนินสวาทสีแดงแจ๋ ติ่งกระสันที่ดึงดูดจนชายหนุ่มทนไม่ไว้รีบก้มหน้าลงไปกระดกลิ้นเลียที่ติ่งเสียวระรัว”
“อร๊ายย”