บทที่ 1
ในคืนที่ฟ้าฝนเม็ดใหญ่กระหน่ำตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ณ บริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง “กะรัต” ซีอีโอสาวใหญ่วัยสามสิบเจ็ด เธอเลิกงานดึกกว่าพนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัทเป็นประจำทุกวัน
และวันนี้ก็เช่นกันเวลายี่สิบเอ็ดนาฬิกา กะรัตเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ทว่าวันนี้รถยนต์ของเธอดันสตาร์ทไม่ติด
“สงสัยแบตเตอรี่หมด” เธอพึมพำกับตนเอง และหยิบมือถือขึ้นมาเรียกแท็กซี่เพื่อจะได้กลับบ้าน
หญิงสาวเดินลงมารอที่หน้าตึก ซึ่งตอนนี้ฝนก็กำลังกระหน่ำเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ละอองฝนสาดมาโดนเนื้อตัวจนเธอรู้สึกได้ถึงความชื้น
ไม่นานก็มีแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดเทียบ คงเป็นคันที่เธอเรียกไว้ กะรัตขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ก่อนจะยื่นหน้าไปแจ้งสถานที่ปลายทาง จึงได้สังเกตคนขับรถแท็กซี่คันนี้ เขายังดูอายุไม่เยอะเท่าไร แต่ป้ายประตัวที่ติดอยู่ที่รถกลับเป็นรูปชายสูงอายุซึ่งไม่ใช่ตัวเขา
“ทำไมป้ายประจำตัวคันขับถึงไม่ใช่คุณคะ” กะรัตเอ่ยถามด้วยความสงสัย
แท็กซี่หนุ่มมองเธอผ่านกระจกหลัง
“นั่นพ่อผมเองครับ วันนี้แกไม่สบายผมเลยมาขับแทน”
“อ๋อ..แล้วน้องมีใบขับขี่หรือเปล่าล่ะ”
“มีสิครับ” ชายหนุ่มหยิบใบขับขี่หน้ารถส่งให้หญิงสาวดู
“เขตต์รัฐ …” กะรัตอ่านชื่อและชำเลืองมองนามสกุลบนป้ายหน้ารถซึ่งก็เป็นนามสกุลเดียวกัน จึงได้ส่งใบขับขี่คืน
“น้องอายุยี่สิบกว่าเอง ยังเรียนอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ครับ ผมอยู่ปีสี่แล้ว”
“ขยันจังนะ เรียนแล้วยังมาช่วยพ่อขับรถด้วย”
“ใช่ครับ ครอบครัวผมเหลือแค่ผมกับพ่อแล้ว”
ทั้งสองคุณกันไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง เขตต์รัฐจึงได้รู้ว่าเธอชื่อกะรัต เธอรู้สึกว่าเด็กคนนี้คุยด้วยแล้วถูกคอ จนใกล้จะถึงทางเข้าหมู่บ้าน จู่ ๆ รถก็เกิดการกระแทกที่ล้อหลังจนรถหยุด
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขตหันมาถามกะรัต
“ไม่ ๆ แต่เกิดอะไรขึ้น” เธอถามเขาด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก
“ผมก็ไม่รู้ พี่นั่งรออยู่ในรถก่อนนะครับเดี๋ยวผมขอลงไปดูก่อน” ชายหนุ่มบอกเธอ จากนั้นเขาก็ลงจากรถเดินฝ่าสายฝนลงไปดูที่ด้านหลัง ไม่นานก็เดินวนมาที่ข้างประตูฝั่งที่เธอนั่ง
กะรัตจึงได้ลดกระจกลง ดวงตาสวยไล่สายตามองรูปร่างชายหนุ่มที่ตัวเปียกโชกเสื้อยืดของเขาแนบไปกับลำตัว จนเห็นแผ่นอกและมัดกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนนูน
“ล้อหลังมันตกหลุมครับพี่ เหมือนถนนตรงนี้มันยุบตัวพอดี พี่รอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมจะดันรถ” เขตเอ่ยบอกเธอกะรัตก็พยักหน้ารับรู้
จากนั้นชายหนุ่มก็รีบไปดันรถ หญิงสาวก็เกาะขอบเบาะมองเขาผ่านกระจกอย่างเอาใจช่วย เวลาผ่านไปหลายนาทีก็ไม่สำเร็จกะรัตเห็นเขาตัวเปียกชุ่มยืนเท้าเอวพักเหนื่อย ใช่มือเสยผมขึ้นยิ่งเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา
กะรัตตัดสินใจเปิดประตูรถเดินลงมาหาเขา
“มา..เดี๋ยวพี่ช่วย”
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวเปียกพี่ยั้งรออยู่ในรถเถอะครับ”
“ไม่เป็นไรน่ะ เปียกก็เปียก”
“.....” เขตพูดไม่ออกเมื่อเธอยืนยันที่จะช่วย ทั้งสองก็เลยช่วยกันออกแรงดันอีกสองสามครั้งในที่สุดล้อก็ขึ้นจากหลุมได้ ร่างบอกบางของหญิงสาวจึงเซถลาตอนที่รถเคลื่อนตัว จนหน้าขม่ำหัวเข่าและข้อศอกกระแทกพื้นถนน
“พี่!” เขตรีบเข้าไปประคองกะรัตไว้ ทั้งสองจึงได้สบตากันจนเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา
กะรัตรู้สึกหวันไหวกับเด็กหนุ่มนี้อย่างบอกไม่ถูก
“พี่..พี่เลือดออกแล้ว” เขตเอ่ยน้ำเสียงดุจากนั้นจึงพยุงตัวเธอลุกขึ้นกลับไปที่รถ กะรัตได้แต่เดินขากะเผลกเพราะเจ็บที่หัวเข่า
เมื่อถึงจุดหมายเธอจ่ายค่าโดยสารให้เขตต์รัฐเรียบร้อย และชายหนุ่มรีบลงมาเปิดประตูรถให้เธอ
“ผมช่วย” เขาเอ่ยบอก หญิงสาวแหงนหน้ามองเขาด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะส่งมือไปเกาะแขนเขา แล้วเปิดประตูรั่วเข้าบ้าน
เขตเดินพยุงเธอมาถึงประตูหน้าบ้าน เขาส่งให้เธอยืนอย่างมั่งคง
“พี่รอผมสักครู่นะครับ ผมจะไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลให้”
“เดี๋ยวสิ ไม่ต้องหรอกที่บ้านพี่มี”
“อ๋อ ครับ งั้นให้ผมเข้าไปช่วยพี่ทำแผลไหม” เขตต์รัฐเอ่ยถามดวงตาสั่นไหว ไม่กล้าจ้องมองเธอตรง ๆ เพราะหัวใจกำลังเต้นโครมคราม
“อืม..ดีเลย เข้ามาสิ” กะรัตตอบชายหนุ่มโดยไม่สบตาเขาเช่นกัน
“กล่องยาอยู่ตรงไหนครับ”
กะรัตชี้นิ้วไปที่มุมหนึ่งของบ้าน เขตต์รัฐจึงเดินไปหยิบมา
“อ่ะ ชุดเธอเปียกเปลี่ยนใส่ชุดคลุมไปก่อนเดี๋ยวพี่เอาผ้าเปียกไปอบให้”
“ครับ” เขตต์รัฐรับชุดคลุมที่กะรัตส่งให้ไปเปลี่ยนในห้องน้ำก่อนจะกลับมา ก็พบว่าเธอก็อยู่ในชุดคลุมเช่นกัน
ร่างสูงใหญ่ถือกล่องยา มานั่งข้าง ๆ
“ผมเช็ดแผลให้ก่อนนะครับ แล้วค่อยใส่ยา”
“อืม” กะรัตยกข้อศอกขึ้นมา ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ใช้น้ำเกลือเช็ดแผลให้
“ซี้ด…แสบจัง” เสียงกะรัตซี้ดปากทำเอาชายหนุ่มขนลุกชัน มือเขาเริ่มสั่นอย่างสังเกตได้
เมื่อทำแผลที่ข้อศอกเสร็จแล้ว ก็เหลือแผลที่หัวเข่า เขตต์รัฐจึงต้องมาคุกเข่าอยู่ที่พื้นเพื่อจะได้ทำแผลถนัด
ฝ่ามือใหญ่จับที่น่องขาเรียว มืออีกข้างจับชายชุดคลุมร่นขึ้นไปด้วยใจที่เต้นตึก ๆ กะรัตเองก็มองชายหนุ่มอย่างตื่นเต้น
“เธอมีแฟนหรือยัง” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ตอนนี้ไม่มีครับ และพี่ล่ะ”
“พี่ก็ไม่มี อ๊ะ…ซี้ด” เป็นจังหวะที่มือใหญ่แตะสำลีชุ่มน้ำเกลือลงบนแผลเธอพอดี
“ขอโทษครับ” ร่างใหญ่รีบเอ่ยขอโทษและเป่าลมที่แผลของเธอ
ลมอุ่น ๆ จากริมฝีปากหนารดลงบนแผล แต่ทำเอาร่างบางเสียววูบวาบ รู้สึกร้อนรุ่มจนเกิดความรู้สึกต้องการบางสิ่งที่ขาดหายไปนาน
“ดีขึ้นไหมครับ” เขตต์รัฐหยุดเป่าแล้วเงยหน้าเอ่ยถาม สีหน้าและแววตาชายหนุ่มนั้นบ่งบอกได้ถึงความต้องการบางอย่างเช่นกัน
“เป่าต่ออีกซิ พี่รู้สึกดีตอนที่เธอเป่า”
เขตต์รัฐจึงก้มหน้าลง ริมฝีปากหนาแนบชิดผิวขาวแล้วเป่าลมอุ่น ๆ สูงขึ้นมาเรื่อย ๆ
“แบบนี้ใช่ไหมครับ” เขาเอ่ยถามแค่เห็นใบหน้าสวยของกะรัตที่กัดริมฝีปากล่างจดแน่น เขาก็รู้ว่าเธอคงจะพอใจ
ชายหนุ่มจึงได้ก้มลงแล้วทำแบบเดิมต่อ ขาเรียวก็ค่อย ๆ แยกออกจากกันอย่างลืมตัว
เขตต์รัฐเริ่มจากเป่าลม เปลี่ยนมาเป็นจูบเม้มจนถึงโคนขาอ่อน จนหญิงสาวตัวอ่อนระทวยหายใจแรง
ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากของทั้งสอง เขตเงยหน้าขึ้นกระตุกปมชุดคลุมของกะรัตออกช้า ๆ เผยให้เห็นเรือนร่างขาวโพลน สัดส่วนที่ยั่วยวน
เขตต์รัฐชันตัวขึ้นใช้ปากครอบครองยอดถันสีอ่อน ชายหนุ่มใช้มือประคองเต้ากลมบีบนวดจนจุกยื่นออกมา ลิ้นอุ่นละเลงเลียไปทั่วปานนม มือที่ข้างไม่นิ่งเฉยดันขาเรียวของเธอแยกออก สอดปลายนิ้วเข้าเนินสวาท แล้ววนหาติ่งเสียวจากนั้นจึงบนขยี้ระรัว
“อื้ออ…อ่าส์” สาวใหญ่ครางเสียงกระเส่า ความรู้สึกที่โหยหามานาน เขตต์ก็สนองเธอได้ดีจนร่างของเธอสั่นสท้าน
สวบ!
“อ๊ะ”
สองนิ้วใหญ่ถูกสอดเข้าไปในรูรักที่ยังคงความแน่นฟิตกระชับ จนตอดนิ้วใหญ่เขาเป็นอย่างดี
เขตต์รัฐเริ่มขยับข้อมือเข้าออกอย่างเนิบนาบ ขาของเธอก็ถ่างอ้าร่อนเนินสวาทรับนิ้วที่สอดเข้ามาอย่างรัญจวนใจ
“อะ…อ๊า”
จ๊วบๆ จ๊วบๆ เสียงดูดเต้านมดังแข่งกับเสียงครางของกะรัต
เขตต์รัฐผละใบหน้าจากเต้าสวย เร่งความเร็วระรัวข้อมือก่อนจะกดแช่นิ้วไว้ในรูรัก และงอนิ้วมือขยี้ผนังช่องคลอดจนร่างของเธอดิ้นเร่า ร้องครางเสียงกระสันฟังไม่เป็นภาษา
“แบบนี้พี่ชอบไหม”