บทที่ 1
“แพนไม่ยอม แม่ตายไปแค่สามปีพ่อก็พาเมียใหม่เข้าบ้านแล้วเหรอคะ”
“แพนฟังพ่อก่อน”
“ไม่ แพนรับไม่ได้ เมียใหม่คนเดียวไม่พอยังมีลูกติดมาด้วย”
แพน พรรัมภา หญิงสาวตัวเล็กบอกบาง ท่าทางร้ายกาจและเอาแต่ใจ คงเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ วิเชียรประธานกรรมบริษัทโภคภัณฑ์ อันดับหนึ่งของประเทศ เธอถูกเลี้ยงมาอย่างดีแต่เธอพึงจะเสียแม่ที่เธอรักที่สุดไปเมื่อสามปีก่อน วันนี้พ่อของเธอก็พาผู้หญิงใหม่เข้าบ้าน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอเห็นจะได้ แถมยังมีลูกติดมาอีกคน ชายคนนั้นเธอจำได้ดี เขาเป็นรุ่นที่เคยเรียนคณะบริหารที่เธอเรียนอยู่
“พ่อคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะรักพ่อจริง ๆ หรือคะ คนพวกนี้ก็แค่อยากจะได้สมบัติของพ่อก็แค่นั้น” ร่างเธอกวาดสายตามองวิภาดา และ การันต์ สองแม่ลูกอย่างดูถูก
“ยัยแพน จะมากเกินไปแล้วนะพ่อไม่เคยสั่งสอนให้แกดูถูกคนอื่นแบบนี้”
“แพนไม่ได้ดูถูก แพนพูดความจริงดูก็รู้ท่าทางแบบนี้เป็นพวกหิวเงินแน่ คุณอยากได้เท่าไรล่ะ ฉันจะจ่ายให้แล้วออกจากชีวิตพ่อฉันไปซะ” เธอหันไปพูดใส่วิภาดา
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย!”
เสียงฝ่ามือหนัก ๆ กระทบใบหน้าสวยจนร่างบางเซถอยหลัง
“คุณทำไมถึงตีลูกแบบนี้ ไม่เป็นไรนะหนูแพน”
วิภาดารีบถลาเข้าไปประคอง ร่างของพรรัมภาด้วยความหวังดี
“ออกไป! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
พรรัมภาดวงตาแดงก่ำ แก้มของเธอแดงเถือก เธอออกแรงผลักวิภาดาจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
“แม่!” การันต์ตกใจรีบเข้าไปพยุงแม่ของเขาทันที
“แม่ไม่เป็นไร ๆ” เธอเอ่ยบอกลูกชาย ที่ตอนนี้เขากำมือแน่นดวงตาจ้องเขม็งมองที่หญิงสาวตัวเล็กด้วยสายตาแค้นเคือง
“แก ๆ ทำไมนิสัยเสียแบบนี้!” พ่อของพรรัมภาตวาดดังลั่นเขาง้างมือจะตีเธออีกครั้ง วิภาดาจึงถลาเข้าไปห้ามได้อีก
“ดูสิ ยัยแพนน้าวิเขาดีแค่ไหนทำไมไม่เปิดใจบ้าง”
พรรัมภายืนกุมใบหน้าข้างที่โดนพ่อตบ น้ำตาไหล
“พ่ออยากเปิดใจก็เปิดไปคนเดียว แพนไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย และแพนก็จะไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ เชิญอยู่กันตามสบาย”
“หนูแพน เดี๋ยวก่อนหนูแพน”
“ปล่อยไปเถอะคุณวิ ถึงเวลาที่ต้องดัดนิสัยของเธอบ้างแล้ว”
“แต่คุณคะ หนูแพนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก เธอจะไปอยู่ไหน”
“ไม่ต้องห่วง ยายแพนมีคอนโดอยู่ เดี๋ยวพ่อจะสั่งระงับบัตรเครดิต พอไม่มีเงินด้วยก็กลับมาเอง”
การันต์ที่อยู่ใกล้ ๆ เขายืนมองเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ ใช่ว่าเขาและแม่จะมาปอกลอกพ่อของเธอซะเมื่อไร บ้านของเขาก็มีกิจการโชว์รูมรถซูปเปอร์ใหญ่โต แถมการันต์ยังเป็นทายาทรุ่นต่อไปที่ต้องสืบทอดตำแหน่งกรรมการผู้จัดการต่อจากคุณตาเขาด้วย
พ่อของการันต์เสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก แม่ของเขาก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ จนกระทั่งได้เจอกับพ่อของเธอและตกหลุมรักกันและจะแต่งงานกันในอีกไม่ช้า
“แม่ครับ แม่จะอยู่ร่วมกับยัยเด็กเอาแต่ใจนั้นได้เหรอครับ” เขาเอ่ยถามด้วยความกังวล
“ได้สิ แม่กับหนูแพนเรายังไม่รู้จักกันดีเลย แม่ว่าหนูแพรต้องเป็นเด็กน่ารัก เธอไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เราเห็นหรอก”
หลังจากวันนั้นที่ทะเลาะกัน พรรัมภาก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย เธอยังคงอยู่ที่คอนโดและเงินจำนวนหนึ่งที่เธอเก็บไว้เอง ซึ่งหน้าจะอยู่อีกไม่เกินสองเดือน
“ขอบใจนะการันต์ ที่คอยดูยัยแพรให้ลุง”
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ ถ้าแม่เขาไม่ขอร้องเขาก็จะไม่ไปค่อยดูยัยเด็กนั้นเด็ดขาด เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าลูกคุณหนูแบบนั้นจะไปได้สักกี่น้ำ
ในที่สุดวันแต่งงานของ วิเชียรและวิภาดาก็มาถึง งานแต่งงานนี้จัดขึ้นอย่างใหญ่โต เพราะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั้นจัดว่ารวยอันดับต้น ๆ ของประเทศ ภายในงานมีแขกคนสำคัญและนักข่าวมากมาย
พิธีการถูกดำเนินการไปเรื่อย ๆ วิเชียรพยายามมองหาลูกสาวคนเดียวของเขา แต่ก็ยังไม่เห็นเธอแม้แต่เงา สงสัยเธอคงยังโกรธอยู่วิเชียรคิดแบบนั้น
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยอยู่บนเวที การันต์จึงได้เดินออกมาสูดอากาศที่หน้างาน
ร่างสูงก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นว่ามีหญิงใส่เดรสสายเดียวสีดำถือพวงหรีดตรงมาทางนี้ ชายหนุ่มเพ่งมองจึงแน่ใจว่าเธอคือพรรัมภาลูกสาวของวิเชียร
ขายาว ๆ ของเขารีบก้าวเข้าไปประชิดตัวจับตนแขนของเธอไว้แล้วลากร่างบอบบางไปประตูหนีไฟ
“นี้ปล่อยฉันนะ ไอ้ลูกเมียน้อยแกมีสิทธิ์อะไรมาจับตัวฉัน” เธอพยายามจะแกะมือใหญ่ที่กำต้นแขนเธอไว้แน่น
“แล้วเธอล่ะ ทำบ้าอะไรงานแต่งพ่อตัวเองแท้ ๆ” เขาใช้สายตาดุมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็งานแต่งที่ฉันไม่ยอมรับไง ฉันจะไปขัดขวาง หลบไปไอ้ลูกเมียน้อย”
“โอ้ย! เจ็บ”
การันต์เริ่มโกรธเขากระชากพวงหรีดใจมือเธอโยนทิ้ง และกระชากต้นแขนลากเธอขึ้นบันไดเพื่อจะใช้ลิฟต์ขึ้นไปยังห้องพักของเขา
การันต์ลากเธอเอามาในลิฟต์แล้วเหวี่ยงตัวจนเธอไปกระแทกผนัง
“ไอ้บ้า จะพาฉันไปไหนเปิดลิฟต์เดี๋ยวนี้เลยนะ” พรรัมภาพยายามยื้อยุดแย่งกดลิฟต์
“อยู่เฉย ๆ ก่อนที่ฉันจะโมโหจนทนไม่ไหว” ชายหนุ่มรวมมือเธอกำไว้แน่น
“ไม่ปล่อยนะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วยฉันโดนลักพาตัว”
“หุบปาก”
“ไม่ ปล่อยนะไอ้บ้า ปล่อยไอ้ลูกเมียน้อย อุ๊บ..”
เสียงโวยวายถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อปากใหญ่ของชายหนุ่มประกบจูบปิดปากเธอไว้แน่น ปากหนาขบเม้มริมฝีปากเธออย่างรุนแรง
หญิงสาวพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่ถูกร่างใหญ่ของเขาดันไว้จนแนบชิดผนังลิฟต์ สองมือก็ถูกเขาขึงไว้จนดิ้นไม่ได้
“อืม ปากของคุณหนูอยากเธอก็หวานดีเหมือนกันนะ”
เขาถอนจูบออกมองใบหน้าหวานที่มีอาการตกใจและสั่น ๆ เล็กน้อย
หญิงสาวตกใจที่อยู่ ๆ เขาก็จูบเธอแถมยังรุนแรงแบบนี้ เพราะเธอยังไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเลยทำให้เธอตกใจ
“ปะ ปล่อยนะ” เธอเอ่ยน้ำเสียงสั่นพยายามจะตั้งสติ
“หึ..กลัวแล้วเหรอ” การันต์หัวเราะในลำคอ เข้าโน้มใบหน้าลงไปอยากจะจูบที่ปากหวานนั้นอีกสักรอบ
“อ๊าก…ปล่อย”
ริมฝีปากหนาถูกเธอกัดจนเลือดออก และเธอก็ไม่ยอมปล่อย ชายหนุ่มหายใจแรงในเมื่อไม่ปล่อย เขาจูบเธอไปทั้งแบบนั้น การันต์ปล่อยมือเธอออกแล้วเปลี่ยนมาบีบที่ปลายคางเธอแรง ๆ ร่างบางเจ็บจี๊ดจำใจต้องปล่อยแต่เขาก็ยังบดจูบเธออย่างรุนแรง จนริมฝีปากบางของเธอบวมเห่อ รู้สึกถึงรสฟาดคาวเลือดในโพรงปาก
ร่างเล็กเริ่มดิ้นขลุกขลัก ถึงจูบนี้มันจะรุนแรงแต่ก็สร้างความวาบหวามให้ร่างสวยปั่นป่วนอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
มือเล็กขย้ำยึดเสื้อเชิ้ตอยู่บริเวณอก แข้งขาเธออ่อนแรงลมหายใจติดขัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“แฮ่ก ๆ” การันต์ถอนจูบออก เข้าถอยหลังออกจากร่างสาว พรรัมภาก็ขาอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้น เธอตัวสั่นหายใจแรงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ยืนเท้าเอวมองเธออยู่
ริมฝีปากของเขาแตกและแดงไปด้วยเลือดสีสด จากนั้นจึงได้คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ใช้มือจับปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะให้นิ้วเกลี่ยเช็ดคราบเลือดที่ปากเธอ
“ชั่ว!” เธอสบถด่าเขาแล้วสะบัดหน้าหนี ลิฟต์ก็ถึงชั้นที่ต้องการพอดี
การันต์จึงได้กระชากแขนเธอให้ลุกขึ้นและลากเธอเดินไปยังห้องที่เขาจองไว้
“มานี้” ร่างสูงเปิดประตูห้อง แล้วเหวี่ยงหญิงสาวลงบนเตียงอย่างแรง
“กรี๊ด …ไอ้บ้า ไอ้ป่าเถื่อน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ปล่อยไปเธอก็ไปก่อกวนงานแต่งพ่อเธอกับแม่ฉันนะสิ”
“ก็ใช่ไง ฉันจะล่มงานให้พังไม่เป็นท่าเลย”
“หึ..ฝันไปเถอะ” ดวงตาคมดุจ้องเธออย่างเจ้าเล่ห์ เข้าเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของบางอย่างขึ้นมา
แก๊ก ๆ
“กะ กุญแจมือ จะทำอะไร” พรรัมภาเริ่มลนลานกระเถิบตัวหนี แต่ร่างใหญ่ไวกว่า เขาคว้าข้อเท้าเธอไว้ก่อนจะกระชากอย่างแรง จนตัวของเธอย้ายมาอยู่ใต้ร่างเขา
“จะ จะทำอะไร”
“......” ชาวหนุ่มนิ่งเงียบเขาคว้าข้อมือเธอมาใส่กุญแจมือไว้ อีกข้างก็ล็อกไว้ที่หัวเตียง
“แก…ไอ้…”
“หุบปากถ้าไม่อยากโดนจูบเหมือนเมื่อกี้”
ชายหนุ่มถอยออกจากร่างเล็กมาจัดเสื้อผ้าตนเองให้เข้าที่ เขาใช้ลิ้นแตะที่ริมฝีปากเลียเลือดที่ยังติดอยู่
“อยู่ที่นี้ไปก่อนจนกว่างานแต่งจะจบแล้วฉันจะมาปล่อยเธอไป”
“อีกอย่างห้องนี้เก็บเสียงอยากจะตะโกนแหกปากก็เชิญเต็มที่เลย พูดจบเขาก็แสยะยิ้มร้ายให้เธอแล้วเดินออกไป