บทที่ 1.2 หมาล่านื้อ
ทับทิมพยายามสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติอารมณ์ทั้งที่ในใจเดือดพล่านยิ่งกว่าน้ำร้อน หน้าตาเหมือนกันแท้ ๆ แต่คนพี่ดูจะกวนประสาทน้อยกว่าเยอะ รายนั้นค่อนไปทางอารมณ์ร้อนมากกว่า ต่างจาก
ลีออนที่ติดเล่นและชอบหาเรื่องสนุกทำด้วยการแกล้งคนอื่นโดยเฉพาะกับสาว ๆ
การแกล้งให้พวกเธอหวั่นไหวแล้วค่อยถอยห่างออกมามันคือความสุขของเขาเชียวล่ะ
‘พี่ต้องการอะไรคะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า ฉันไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาไปมากกว่านี้’
คนตัวเล็กกวาดตามองไปรอบ ๆ สายตาแทบทุกคู่จับจ้องมาทางเธอกับเขา ลำพังแค่ลีออนมาปรากฏตัวที่นี่ก็น่าตกใจพออยู่แล้ว ยังจะมายืนคุยกับผู้หญิงที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรอย่างทับทิมอีก
‘เอาโทรศัพท์เธอมา’
‘เอาไปทำไมคะ’
‘เถอะน่า’
ลีออนทำเสียงรำคาญ เธอหยิบจากในกระเป๋ากระโปรงออกมาส่งให้ อีกฝ่ายรับไปกดยิก ๆ สักพักก็มีเสียงเรียกเข้าไปที่มือถือของเขา
‘อย่าบอกนะว่า…’
‘นั่นเบอร์ฉัน เมมเอาไว้ว่ารุ่นพี่สุดหล่อแล้วต้องรับสายทันทีที่ฉันโทรหาไม่อย่างนั้น…’
‘...’
‘เธอได้ไปนอนเล่นในคุกแน่ เพราะฉันจะใช้อำนาจของตระกูลล้างแค้นให้ได้’
ก้มลงมาจนอยู่ในระดับสายตาเดียวกันก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากคล้ายจะเยาะเย้ยแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ทับทิมยืนอารมณ์เดือดดาลใกล้จะทะลุปรอทเต็มที
‘รุ่นพี่สุดหล่ออย่างนั้นเหรอ…’
‘...’
‘พี่มันก็แค่หมาล่าเนื้อบ้ากามเท่านั้นแหละ!’
และเพราะแบบนั้น…เธอเลยมีเบอร์เขาเป็นเครื่องรางไว้ไล่ผีไปโดยปริยาย จากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วเพิ่งจะมีการติดต่อเข้ามา เอาอย่างไรดีนะ จะรับหรือไม่รับดี
‘ต้องรับสายทันทีที่ฉันโทรหาไม่อย่างนั้นเธอได้ไปนอนเล่นในคุกแน่’
คำขู่ของลีออนยังวนเวียนอยู่ในหัว สุดท้ายทับทิมก็ต้องกดรับสายอย่างเลี่ยงไม่ได้ รอให้คดีหมดอายุความจนใบบันทึกประจำวันใช้อะไรไม่ได้ก่อนเถอะ หล่อนจะเอาคืนให้สาสมเลย!
“ค่ะ”
[ทำไมรับช้า]
“เข้าห้องน้ำค่ะ”
น้ำเสียงแสดงออกชัดเจนว่าไม่ค่อยอยากคุยกับเขาเท่าไหร่ นอกจากเรื่องทำร้ายร่างกายบ้า ๆ นั่นแล้วอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวไม่อยากอยู่ใกล้ลีออนก็คือความลับของเธอเอง
ตัวตน ‘ทิมมี่’ ที่จะปรากฏกายออกมาแค่ในยามราตรีเท่านั้นคือปัญหาหนักใจอีกเรื่อง แม้ว่าหลังจากที่ถูกลีออนเข้าหาในผับวันนั้นแล้วเธอจะไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลยก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าสักวันจะไม่เจอกันอีกเสียหน่อย
ตัวแม่แห่งการเที่ยวกลางคืนอดกลั้นมาเป็นอาทิตย์ก็เพื่อหลบหน้าหมาล่าเนื้ออย่างลีออน คนที่กัดไม่ปล่อยอย่างเขาลองถ้าได้รู้ว่าทับทิมกับทิมมี่คือคนเดียวกันต้องเป็นเรื่องแน่
[มาหาฉันที่ผับของไอ้เสือในสามสิบนาที]
“พี่คิดว่าฉันเหาะได้เหรอคะ ผับพี่ไทเกอร์อยู่ห่างไปอย่างน้อยก็เกินสี่สิบนาที”
หญิงสาวเถียง พอเป็นต่อเข้าหน่อยก็สั่งเป็นเจ้าชีวิตเลยนะ สักวันหล่อนจะต้องหลุดพ้นเงื้อมมือไอ้หมาตัวนี้ให้ได้
[เอ๋…รู้กระทั่งระยะเวลาจากมหา’ ลัยมาผับ เธอคงมาเที่ยวผับนี้บ่อยสิท่า แต่แปลกนะ ฉันเองก็มาทุกวัน ไม่ยักจะเจอเธอ]
“เอ่อ…ฉัน…ฉันเคยได้ยินจากข้าวหอมค่ะ ก็เลยเคยเสิร์ชดูในแผนที่อยู่บ้าง”
ทับทิมแก้ตัว เป็นคำแถที่ฟังดูโง่สิ้นดี ใครมันจะไปเชื่อกัน เด็กอนุบาลยังมองออกเลยมั้งว่าโกหก
[อย่างนี้นี่เอง]
“เอ๊ะ? พะ…พี่เชื่อเหรอคะ”
[มีเหตุผลต้องไม่เชื่อด้วยเหรอ หรือว่าเธอโกหก?]
“ไม่ค่ะๆๆ ไม่ได้โกหก ฉันพูดความจริงล้านเปอร์เซ็นต์ ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ ฉันจะรีบไปหาทันทีตามคำสั่ง”
ติ๊ด!
ทับทิมกดวางสายแล้วรวบข้าวของทั้งหมดใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ ถ้าถามว่ามีอะไรโง่ไปกว่าการแถค้าง ๆ คู ๆ ของหล่อนก็คงเป็นลีออนนี่แหละมั้ง แต่การที่เขาเชื่อง่าย ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะปกติแล้วหญิงสาวเป็นพวกโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย