“สินค้าของคุณ”
ไม่ใช่… คำตอบที่แมทธิวคาดหวังไม่ใช่คำตอบนี้
“ตอบใหม่” เขาให้โอกาส
“สินค้าของคุณ”
ยืนยันคำตอบเดิมอย่างหนักแน่น เพราะก่อนมาคนของเขาย้ำนักย้ำหนากับป้าว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะสินค้าของเขา และเธอไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขั้นไม่รู้ว่าป้าใจร้ายขายเธอให้ตกเป็นทาสอารมณ์ของพวกมหาเศรษฐี ชีวิตหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดวงชะตาและฟ้ากำหนด หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาของเขา อยู่ที่ว่าผู้ชายคนนี้จะมีความเมตตามากน้อยแค่ไหน
“ฉันอยากจะขอร้องคุณค่ะ” นัยน์ตาหวานอมทุกข์คู่นั้นตราตรึงจนเขาไม่อยากทอดมองไปทางอื่น
“ว่ามาสิ” ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะร้องขออะไรจากเขากันนะ ชักน่าตื่นเต้นเสียแล้วสิ
“ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรก็ได้ แต่ขอร้องคุณอย่าขายฉันให้ใครเลยนะคะ” เพราะคำว่า สินค้า ทำให้เธอคิดไปไกลว่าเขาจะขายเธอให้กับคนอื่น
“อา…” แมทธิวเอนกายพิงพนักเก้าอี้เงยหน้าหัวเราะในลำคอ หางตาชำเลืองมองร่างบางที่นั่งตัวสั่นหงก ลูกนกที่ว่าอ่อนแอยามมันพลัดหลงจากอ้อมอกแม่ยังไม่หวาดหวั่นโลกภายนอกเท่านี้เลยจริงๆ
“คิดว่าฉันจะขายเธอ?”
แมทธิวเอ่ยถามจริงจัง นิฐามาศพยักหน้ารับ
“อย่างเธอ… คิดว่าจะขายได้สักเท่าไรกันเชียว”
เขาแสร้งว่า หวังเห็นปฏิกิริยาโกรธเคืองของสาวน้อย ซึ่งเธอก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง คำถามคล้ายกับตีค่าความเป็นคนผ่านตัวเลขส่งผลให้สองมือเล็กกุมกำปั้นเข้าหากันแน่น
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดจาดูถูกฉันแบบนี้นะ”
นิฐามาศไม่พอใจ อยากกระโจนใช้เล็บข่วนใบหน้าหล่อเหลาให้หายแค้น ซื้อเธอมาโดยไม่สนความสมัครใจว่าเลวแล้ว ยังกล้าใช้วาจาลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นคนของเธออีก แบบนี้ใช้ได้เสียที่ไหน ท่าทางก็ดูดีมีชาติตระกูล แต่ทำตัวเหมือนพวกคนรวยไร้จิตสำนึก
แต่จะว่าไปผู้ชายคนนี้ก็ดูน่ากลัวพิลึก
จำนวนบอดี้การ์ดที่ยืนรายล้อมรอบคฤหาสาน์นั่นเล่า คนดีๆ ที่ไหนจะมีคนคุ้มกันเยอะขนาดนี้ เว้นเสียแต่ว่าผู้ว่าจ้างเคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายมาก่อน จึงต้องพึ่งระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
“ฉันไม่ได้ดูถูกสาวน้อย ฉันก็แค่อยากรู้ว่าในสายตาของเธอ คิดว่าตัวเองจะมีราคาค่างวดสักเท่าไรกัน”
“คุณ!” คำพูดของเขายิ่งตอกย้ำว่าเธอหมดคุณค่าความเป็นคน ไม่เหลือความภาคภูมิใจใดๆ อีกต่อไป นิฐามาศสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับความโกรธแล้วใช้สติคิดว่าเธอควรทำเช่นไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเช่นนี้
“ฉันรู้ว่าคุณซื้อฉันมาแบบไม่ค่อยดีนัก แต่ฉันอยากให้คุณรู้เอาไว้ว่าฉันไม่ได้เต็มใจถูกขาย ป้าบังคับฉัน ฉันถึงต้องมาอยู่ตรงนี้”
“แล้วยังไง จะให้ฉันปล่อยเธอไป?” เขาเลิ่กคิ้วมองเธออย่างตั้งคำถาม นิฐามาศส่ายหน้ายอมจำนน
“ฉันไม่กล้าหวังให้คุณปล่อยฉันไปหรอกค่ะ เงินที่คุณจ่ายให้ป้าของฉันมีค่ามหาศาลนัก ฉันคงไม่มีปัญญาหามาใช้คืนคุณ”
ต่อให้ชาตินี้ทำงานตัวเป็นเกลียวทั้งชาติ ก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาหาเงินก้อนนั้นมาไถ่ตัวเองคืนจากเขาได้หรือเปล่า
“แล้วเธอต้องการอะไรจากฉัน”
ไม่บ่อยนักที่คนอย่างแมทธิวจะยอมนั่งฟังคำร้องขอของผู้อื่น แต่ไม่รู้ทำไมพอได้พูดคุยกับหญิงสาวหน้าหวาน เขากลับรู้สึกสนุกเพลิดเพลิน อยากฟังเสียงเล็กเจื้อยแจ้วพร่ำพรรณาไปเรื่อย
“ขอแค่คุณไม่ขายฉันให้คนอื่น”
“มีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ”
“ฉันทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ถ้าคุณจะกรุณา… ระหว่างอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ทำตัวไร้ประโยชน์”
ฟังจบแมทธิวก็หัวเราะร่วนออกมาทันที
นี่หล่อนคิดว่าเขาให้หล่อนมาอยู่ที่นี่เพื่อต้องการแม่บ้านเพิ่มงั้นหรือ ให้ตายเถอะ! ท่าทางของเขาเหมือนคนเปิดรับสมัครพนักงานดูแลบ้านหรือไง
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้ให้เธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่บ้านหรือคนรักษาความสะอาดซะหน่อย ตำแหน่งพวกนั้นฉันมีจนล้นบ้านแล้ว” นัยน์ตาคมเข้มพราวระยับ สอดประสานนิ้วมือรองใต้คางมองใบหน้าหวานอย่างมีเลศนัย
“แล้วคุณให้ฉันมาอยู่ที่นี่ เอ่อ ในฐานะอะไรคะ”
นิฐามาศไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้ความนัยที่เขาต้องการจะสื่อ เพียงเอ่ยถามออกไปเพื่อความแน่ใจ และหวังว่าคำตอบที่ได้รับจะต่างออกไปจากที่คิด
“ของเล่น”
ต่างจริงด้วย… ไม่ใช่สินค้าอย่างที่เข้าใจ
“อะไรนะคะ”
ของเล่นงั้นหรือ? หมายความว่า เธอเป็นได้เพียงของเล่นของเขาสินะ
“ฉันเห็นเธอจากงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนฉันคราวก่อน เธอคงไม่ทันสังเกตว่าฉันคอยมองเธออยู่ตลอดเวลา”
ที่งานเลี้ยงวันเกิด เซลิโน่ เพื่อนสนิทของเขาเมื่อสองเดือนที่แล้ว แมทธิวลอบมองผู้หญิงตัวเล็กหน้าหวานคอยทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มให้แขกในงานด้วยความตั้งใจขะมักเขม้น หล่อนสวยทุกอิริยาบถ แม้สวมชุดยูนิฟอร์มธรรมดาก็ยังสวยสง่า น่ารักน่าทะนุถนอม น่าจับมาใส่กรงขังไว้ดูเล่นให้เพลินตา
แต่ไม่สิ สำหรับแมทธิวคงไม่คิดจะจับผู้หญิงที่ตนถูกใจตั้งแต่แรกพบมาขังไว้ดูเล่นอย่างเดียวหรอก เขาต้องการทำอะไรๆ ที่มันพิเศษมากกว่านั้น
อย่างเช่น…
มีตุ๊กตาบาร์บี้แสนสวยตกอยู่ในมือทั้งที ถ้าไม่จับแก้ผ้า จับแต่งตัวให้พริ้มเพรามากยิ่งขึ้น แล้วเขาจะเสียเวลาทุ่มเม็ดเงินมหาศาลซื้อตุ๊กตาตัวนี้มาเพื่ออะไร จริงไหม?
“ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ ฉันเป็นคน”
นิฐามาศโกรธควันออกหู ถ้าทำได้เธออยากตะกุยหน้าหล่อๆ ให้ยับเยินด้วยมือของเธอนักเชียว
“แล้วของเล่นมันต่างจากสินค้าตรงไหน” แมทธิวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองมือสอดพักในกระเป๋ากางเกง ดวงตาเฉียบคมส่งให้เขาเป็นผู้ชายที่ดูน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น
“อา… จะว่าไปก็ต่างนะ เพราะถ้าเป็นของเล่นเธอจะได้อยู่กับฉัน แต่ถ้าเป็นสินค้า ฉันอาจจะขายเธอให้คนอื่น”
เขายิ้มยียวน นัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นพกความเจ้าเล่ห์เอาไว้เต็มเปี่ยม นิฐามาศกัดริมฝีปากห้อเลือด สองมือกำหมัดแน่น
“แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าของเล่นชิ้นนี้ทำตัวไม่น่ารัก ทำตัวไม่ดี บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจส่งขายต่างแดนก็ได้”
แมทธิวจงใจพูดข่มขวัญให้อีกฝ่ายตื่นกลัว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ดีเกินคาด ใบหน้าหวานตื่นตระหนก นิฐามาศตัวเย็นเฉียบ
“เจอดีเจอร้ายก็แล้วแต่ดวง ส่วนมากก็…”
“…”
“เจอแต่พวกกุลีขาโหดที่ชอบจับผู้หญิงไปทรมาน”
“ไม่นะคะ!”
ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป นิฐามาศนั่งคุกเข่าขอร้องเขาทั้งน้ำตา
“อย่าส่งฉันไปขายต่างแดนเลยนะคะ ฮึก ฉันยอมเป็นของเล่นของคุณ ขอเพียงคุณเมตตาอย่าทำลายชีวิตฉันไปมากกว่านี้ แล้วฉันจะยอมคุณทุกอย่าง”
เพียงคิดว่าถูกส่งไปขายต่างแดนแล้วต้องเสี่ยงกับโชคชะตาแสนโหดร้าย หัวใจพลันร้อนรนราวกับตกนรกขุมที่ลึกที่สุด ถ้าชีวิตต้องหักเหไปถึงขั้นนั้นจริง ๆ
เธอยอมตายเสียดีกว่า!
แมทธิวแอบอมยิ้มที่คำขู่ของเขาได้ผล มือหนาจับไหล่มนดึงร่างบางลุกขึ้น รับรู้ได้ถึงแรงสั่นผวาที่แผ่ซ่านออกมาจากกายเล็ก เธอดูกลัวมากจริงๆ แบบนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกหลงใหล อยากครอบครองมากขึ้นไปอีก
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะให้เวลาเธอเตรียมตัวสักหนึ่งอาทิตย์ เห็นทีคงรอไม่ไหวแล้วล่ะ” แมทธิวกระตุกยิ้ม
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
นิฐามาศสบตาเขาอย่างไม่เข้าใจ แมทธิวไม่ตอบข้อสงสัยนั้น เขาเดินไปหยิบมือถือกดโทร.หาเบอร์แม่บ้านด้านล่าง และคำตอบที่นิฐามาศต้องการรู้ก็ได้กระจ่างแจ้งในบัดดล
“ช่วยจัดห้องใหญ่ให้ที”
“…”
“คืนนี้” หางตาคมเหลือบมองร่างบางพร้อมยกยิ้มมุมปาก
“ฉันจะนอนกับของเล่น”