“คุณทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไงคะเกริก”
“ผม..” เกริกพูดไม่ออกมองภรรยาด้วยความเสียใจที่ทำผิดต่อเธอ
“คุณมีผู้หญิงคนนี้นานเท่าไหร่แล้ว ถ้าวันนี้ฉันไม่เสียมารยาทดูก็คนไม่รู้ใช่มั้ยว่าคุณสวมเขาให้ฉันมานานแค่ไหนแล้ว” เครือวัลย์มองสามีด้วยความเจ็บช้ำ
“ผมขอโทษนะเครือ ผมผิดไปแล้ว” เกริกมองภรรยาที่ตาแดงก่ำด้วยความรู้สึกผิดเพราะเขายังไม่กล้าบอกภรรยาไม่รู้ว่าจะเรื่มต้นยังไงเพราะรำพันโทรมาหาเขาตอนเข้าห้องน้ำหลายครั้งเครือวัลย์ก็เลยเรียกเขาออกมารับและนั่งมองเขาอย่างสงสัยชื่อผู้หญิงที่โทรมาหาทั้งที่ปกติเธอไม่ได้สนใจเขาก็ไม่โทรกลับและปิดเครื่อง
“ฉันถามว่าคุณมีผู้หญิงคนนี้นานแค่ไหนแล้ว” เครือวัลย์ถามเสียงดังด้วยความโกรธและเสียใจที่ถูกสามีทรยศกับความไว้ใจของเธอมีผู้หญิงคนอื่น
“เอ่อ,สะ สิบกว่าปีแล้ว”
“สิบกว่าปีเหรอ ตั้งสิบกว่าปีเลยเหรอที่ฉันโง่ให้คุณสนตะพายมา สิบกว่าปีที่คุณสวมเขาให้ฉัน” เครือวัลย์พูดเสียงดังความโกรธเวลานานขนาดนี้เขาทำได้ยังไง “คุณทำได้ไงเกริก ไอ้ผู้ชายเฮงซวยฉันจะหย่ากับคุณออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” เครือวัลย์พูดเสียงกร้าวมองสามีตัวเท่ามดอยากจะเหยียบให้จมดินหรือไม่ก็ฆ่ามันให้ตายด้วยความแค้นเคืองใจแต่เธอคิดถึงลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของเธอ
“ไม่นะเครือ ผมไม่หย่าเป็นตายยังไงผมไม่อย่ากับคุณผมรักคุณนะเครือ” เกริกละล่ำละลักบอกภรรยายังไงเขาก็ไม่หย่ากับเครือวัลย์
“ก็เอาสิถ้าไม่หย่าฉันจะฟ้องหย่าแล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ส่วนบ้านนี้ฉันจะยกให้ใยบัว” เครือวัลย์พูดจบก็หันหลังเดินไปที่บันได
“ไม่นะเครือผมรักเครือกับลูกนะผมขอโทษ” เกริกถลาไปสวมกอดภรรยาทางด้านหลังและยืนยันว่ารักครอบครัว
“เก็บคำพูดของคุณไปหลอกเด็กเถอะเกริก ฉันจะไม่ยอมเป็นควายให้คุณจูงจมูกอีกต่อไปแล้วไสหัวออกไปให้พ้นบ้านฉันไปอยู่กับนังเมียน้อยของคุณเลยไป้ ปล่อย” เครือวัลย์ตวาดใส่สามีเสียงดังน้ำตาเริ่มปริออกมากลบดวงตาของเธอโดยที่เกริกไม่เห็น
“เครือ”
“เพี้ยะๆๆ..”
เกริกหน้าหันเมื่อภรรยาแกะมืออกแล้วหันมาฟาดฝ่ามือบนหน้าเขาสองครั้งอย่างแรงแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองสามีที่กำลังจะเป็นอดีตของเธอด้ายความเจ็บช้ำจนชาไปทั้งหัวใจ
“เครือ” เกริกเรียกภรรยาแล้วทรุดลงนั่งคุกเข่าตรงเชิงบันไดร้องไห้ด้วยความเสียใจที่เขาทำผิดต่อภรรยาเขาก็เสียใจไม่แพ้ภรรยาที่เป็นแบบนี้แต่เขาพลาดไปแล้วจะให้ทิ้งลูกคนไหนคนหนึ่งไม่ได้
บัวชมพูยืนพิงข้างประตูบ้านน้ำตาไหลเป็นทางด้วยความสงสารแม่และโกรธพ่อแต่ยังไงพ่อก็เป็นพ่อและเธอเลือกอยู่ข้างแม่จึงเช็ดน้ำตาแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“ใยบัว” เกริกเห็นลูกสาวเดินผ่านเขาจะขึ้นบันไดไปชั้นสองจึงลุกขึ้นเช็ดน้ำตาและเรียกลูกสาวไว้
“บัวยังไม่อยากคุยกับพ่อค่ะ” บัวชมพูพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไปทันที
“ใยบัว” เกริกยื่นมือไปเก้อเมื่อลูกสาวไม่แม้จะหันมามองทำให้หนุ่มใหญ่คอตกเดินกระปลกกระเปลี้ยไปนั่งที่โซฟาเพราะหาทางออกไม่เจอแต่จะอยู่ที่นี่คงไม่ได้ภรรยาของเขาคงไม่ยอม
“ตุ๊บ ๆๆ..”
เสียงของหนักตกกระทบพื้นปูนทำให้เกริกเงยหน้ามองก็เห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตกลงมากองอยู่เชิงบันไดสองใบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของส่วนตัวของเขาที่ภรรยาเก็บโยนลงมาให้เขาจึงลุกขึ้นไปเก็บแล้วมองไปชั้นสองก็ไม่เห็นใครจึงลากกระเป๋าไปใส่รถคืนนี้เขาต้องหาที่นอนก่อนและคงไม่พ้นบ้านของรำพันที่โทรมาหาเขาแล้วเขายังไม่ได้รับสายเพราะภรรยายืนประจันหน้าอยู่เขาจึงปิดเครื่องทำให้ภรรยาจับพิรุธได้จนความลับที่เก็บงำมาสิบกว่าปีแตกไม่มีชิ้นดี
บัวชมพูนั่งมองแม่เก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ของพ่อยัดใส่กระเป๋าจนเต็มทั้งสองใบแล้วปล่อยมันตกบันไดไปทีละคั่นก่อนจะมานั่งนิ่งตาแดงก่ำมองเธอ
“แม่คะ”
“ใยบัว ฮืออๆๆ..” เครือวัลย์ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจหัวใจของเธอแหลกสลายไม่มีชิ้นดีตอนนี้ก็เหลือแต่ลูกสาวคนเดียวที่เธอรัก “ทำไมเขาทำกับแม่แบบนี้ ไอ้คนเฮงซวยไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งมักมาก ฮืออๆๆ..”
“แม่คะ” บัวชมพูกอดแม่ไว้น้ำตาไหลด้วยความเสียใจไม่แพ้กันวันนี้เธอเจอปัญหาของเพื่อนเธอกลับช่วยแก้ปัญหาจนคลี่คลายแต่ปัญหาของครอบครัวตัวเองกับหาทางออกไม่เจอหากแม่ตัดสินใจยังไงเธอจะยอมรับทุกอย่าง
“แม่โง่มากใช่มั้ยบัว แม่โง่ใช่มั้ย”
“แม่ไม่ได้โง่หรอกค่ะ ไม่ว่าแม่จะทำอะไรจะตัดสินใจยังไงบัวก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างแม่ตลอดไปค่ะ”
“ขอบใจมากลูก ขอบใจลูกรักของแม่ ฮืออๆๆ” เครือวัลย์ร้องไห้แล้วมันก็หยุดไม่ได้สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อยู่นานจนเครือวัลย์หายสะอึกสะอื้น
“แม่ไปอาบน้ำก่อนนะคะจะได้สดชื่นและอย่าคิดมากในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราต้องสู้ค่ะ” บัวชมพูบอกให้แม่ไปอาบน้ำเพื่อชะล้างความเหนื่อยล้าของร่างกายแล้วมาเพิ่มพลังด้วยอาหารค่ำซึ่งไม่รู้ว่าจะกินลงกันหรือเปล่า
“ขอบใจมากลูก แม่รักบัวนะลูกต่อไปเราจะอยู่กันสองคนแม่ลูกนะลูก” เครือวัลย์พูดกับลูกสาวลูบศีรษะเบาๆ
“ค่ะแม่ เราจะอยู่กันสองคนตลอดไปค่ะ” บัวชมพูดตอบแม่ก่อนที่เครือวัลย์จะลุกไปอาบบน้ำ
บัวชมพูก็กลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองเสร็จแล้วก็โทรสั่งอาหารร้านหน้าปากซอยให้เอามาส่งที่บ้านแม่คงไม่มีกระจิตกระใจจะทำอาหาร จากนั้นสองแม่ลูกก็กินข้าวด้วยกันอย่างเงียบๆก่อนจะเข้านอนและคืนนี้บัวชมพูมานอนกับแม่
เช้าวันถัดมาบัวชมพูตื่นมาพร้อมกับแม่เพื่ออาบน้ำไปทำงานแต่พอเห็นสภาพของแม่แล้วทำให้เธอโทรไปลางานที่บริษัทและโทรลางานให้แม่เพราะสภาพของแม่ตาบวมเป่งต่อให้โบ้ะหน้าหนาแค่ไหนก็กลบไม่มิด
“แม่คะ”
“แม่ไม่เป็นไรลูก แค่วันนี้เท่านั้นแม่ขอแค่วันเดียวลูก” เครือวัลบอกลูกสาวแล้วยิ้มให้ทั้งน้ำตาก่อนจะลงไปทำอาหารกินกันสองคนแม่ลูกแล้วขึ้นมาช่วยกันเก็บกวาดห้องนอนของพ่อกับแม่แล้วย้ายของแม่ทั้งหมดไปอีกห้องหนึ่งส่วนของพ่อก็เก็บใส่กล่องไว้รอเจ้าของมาเอาแล้วปิดห้องนี้ไว้เป็นห้องพักแขกกว่าจะเสร็จก็บ่ายสามโมงทำเอาสองแม่ลูกถึงกับหมดแรง
“เฮ้อ,เหนื่อยจังเลยลูก”
“ใช่ค่ะแม่ บัวไม่รู้ว่าแค่ย้ายของมันจะเหนื่อยขนาดนี้” บัวชมพูพูดจบก็มองหน้าแม่แล้วยิ้มให้กัน
“งั้นเย็นนี้เรามาฉลองกันหน่อยนะลูก”
“ได้ค่ะแม่” คนเป็นลูกไม่ขัดแม่หญิงสาวตามใจแม่ทุกอย่างไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็พร้อมจะทำเพื่อให้แม่สบายใจไม่คิดมาก
“งั้นเราไปอาบน้ำกันดีกว่าลูก” เครือวัลย์ทำใจได้นิดหน่อยแต่เธอพยายามจะไม่คิดถึงสามีปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้วหากเขาหายไปเลยมันก็คงไม่แปลกและเธอจะอยู่อย่างมีความสุขกับลูกสาวสองคน
เมื่อคืนสองแม่ลูกกินข้าวและดื่มไวน์ด้วยกันหมดไปสองขวดจนมึนก่อนจะเข้านอนพอเช้าามานาฬิกาปลุกก็ตื่นพร้อมกันอย่างสะโหลสะเหลทั้งแม่ทั้งลูก
“คริๆๆ/คิกก..”
สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วหัวเราะสภาพของกันและกันอย่างขำๆก่อนจะแยกกันไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
“เช้านี้กินขนมปังปิ้งกับกาแฟก่อนนะลูก” ปกติเครือวัลย์จะเตรียมของสดไว้ในตอนเย็นของทุกวันเพื่อทำอาหารเช้าง่ายๆสำหรับเธอกับลูกบางทีก็ไปหากินที่ทำงานแต่เมื่อวานไม่ได้คิดเพราะมัวแต่เสียใจจึงดื่มกันสองคนแม่ลูกเช้ามาก็สะโหลสะเหลไม่พร้อมจะไปทำงานเลยสักนิดแต่ต้องไป
“บัวยังไงก็ได้ค่ะแม่” บัวชมพูวางกระเป๋าสะพายแล้วหยิบขนมปังมาทาแยมส้มแล้วกินสลับกับดื่มกาแฟไปด้วย
เมื่ออิ่มแล้วก็ไปทำงานโดยบัวชมพูเป็นคนขับรถเมื่อถึงบริษัทก็แยกกันไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง
“สวัสดีค่ะพี่เครือดีขึ้นแล้วเหรอคะ อัมว่าหน้ายังซีดๆอยู่น่าจะพักต่ออีกสักวันนะคะ” อัมราผู้ช่วยเลขาของเครือวัลย์ทักรุ่นพี่เพราะรู้จากบัวชมพูโทรมาลางานว่าแม่ไม่สบาย
“พี่ดีขึ้นแล้วล่ะอัม ขอบใจมากว่าแต่เจ้านายได้สั่งอะไรไว้หรือเปล่าจ้ะ” เรื่องงานของเธอสำคัญกว่าเรื่องสามีเฮงซวยนั่น
“ก็มีแค่สินค้าเข้ามาใหม่ค่ะเรื่องอื่นอัมจัดการแล้วค่ะ”
“ขอบใจมากนะอัม” เครือวลัย์ขอบใจจสาวรุ่นน้องที่ทำงานร่วมกับเธอเข้าขากันเป็นอย่างดีช่วยเหลืองานทุกอย่างไม่มีบ่นและเรียนรู้งานได้เร็วจนตอนนี้สามารถทำงานแทนเธอได้ดีหากวันหนึ่งเธอลาออกจากงานก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีใครช่วยงานคุณเพชรรัตน์กับคุณชลธิชา
จากนั้นเครือวัลย์ก็เช็คงานของเจ้านายวันนี้ว่ามีอะไรบ้างแล้วบันทึกลงในสมุดเพื่อแจ้งเจ้านายว่ามีใครมาติดต่องานบ้าง
“สวัสดีค่ะคุณเพชร”
“สวัสดีคุณเครือ หน้ายังซีดๆอยู่น่าจะพักต่อให้หายดีก่อนแล้วค่อยมาทำงานนะคะ” เจ้านายพูดเลขาคนสนิทด้วยความเป็นห่วง
“เครือดีขึ้นแล้ว่ะ ขอบคุณคุณเพชรมากนะคะที่เป็นห่วง” เครือวัลย์ยกมือไหว้ขอบคุณเจ้านายที่เป็นห่างเธอ
“เดี๋ยวใยบัวจะมาว่าฉันได้ว่าใช้งานแม่ของเธอหนักจนล้มป่วยน่ะสิ ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพักนะคุณเครือ” เพชรรัตน์พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วทุกคนก็เข้าสู่โหมดมนุษย์ทำงาน
ฝ่ายบัวชมพูก็ทำงานตามปกติเพราะเธอลางานบอกว่าดูแลแม่ที่ไม่สบายทุกคนจึงถามถึงคุณเลขาด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้จักมักคุ้นกันดีเมื่อรู้ว่าดีขึ้นทุกคนก็โล่งใจจึงทำงานกันต่อ
เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์บัวชมพูก็ไปส่งแม่ที่ว่าการเขตตามที่แม่ได้นัดพ่อมาเพื่อหย่าเพราะไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตด้วยกันได้อีกเธอจึงไม่ห้ามแม่สิ่งไหนที่แม่ทำแล้วมีความสุขเธอก็พร้อมจะสนับสนุนแม้แต่เรื่องหย่ากับพ่อเธอก็เลือกจะไม่พูดให้พ่อกับแม่ตัดสินใจกันเอง
“คุณเกริกกับคุณเครือวัลย์มั่นใจแล้วเหรอครับที่จะหย่ากัน ผมว่าทบทวนกันอีกครั้งดีมั้ยครับยังไงก็อยู่ด้วยกันมามีลูกจนโตเป็นสาวสวยน่ารักขนาดนี้แล้ว มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะครับ” เจ้าหน้าที่นายทะเบียนพูดจารอมชอมให้สองสามีภรรยาพูดคุยกันก่อน
“ฉันต้องการหย่าค่ะ” เครือวัลย์ยืนยันอย่างหนักแน่นไม่มองหน้าสามีแม้แต่น้อยเธอนั่งหน้าตรงมองเจ้าหน้าที่เขตที่ทำหน้าที่จดทะเบียนหย่า
“ผม..” เกริกจุกเขามาเพื่อจะพูดคุยกับภรรยาไม่ได้มาเพื่อหย่าแต่ฟังน้ำเสียงของภรรยาแล้วถ้าเขาไม่หย่าเครือวัลย์ฟ้องหย่าเขาแน่
“ท่านทำตามหน้าที่เถอะค่ะ พอดีดิฉันต้องรีบกลับไปทำงานค่ะ” เครือวัลย์เร่งเจ้าหน้าที่เขตให้จัดการเรื่องหย่ากับสามีเพราะเธอหมดสิ้นความไว้ใจแล้วและจะไม่กลับไปใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาอีกต่อไป
“งั้นเซ็นตรงนี้ครับ” เจ้าหน้าที่เขตบอกสองสามีภรรยาที่กำลังจะสิ้นสุดความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาที่เขาไม่สามารถพูดรอมชอมให้ทั้งสองหันหน้ามาคุยกันได้จึงทำตามหน้าที่ “คุณเกริกกับคุณเครือวัลย์ได้ทำการหย่าเสร็จสมบูรณ์ตามกฏหมายแล้วครับ” เจ้าหน้าที่เขตยื่นเอกสารการหย่าให้อดีตสองสามีภรรยาคนละฉบับ
“ขอบคุณค่ะท่าน ดิฉันขอตัวนะคะ” เครือวัลย์ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่เขตแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องพร้อมกับลูกสาวที่ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่และยิ้มให้เขา
“ขอบคุณมากครับท่าน ผมขอตัวนะครับ” เกริกมองตามหลังภรรยากับลูกสาวตาแดงก่ำ
“ผมไม่รู้ว่าคุณเกริกกับคุณเครือวัลย์มีปัญหาอะไรกันหากพูดคุยกันด้วยเหตุและผลอย่าใช้อารมณ์ก็อาจจะทำให้ครอบครัวกลับมาเหมือนเดิมได้นะครับ” เจ้าหน้าที่เขตแนะนำเกริกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขายังรักอดีตภรรยาแล้วหันมายิ้มให้เขาอย่างฝืดเฝื่อน
“มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วครับ ขอบคุณมากครับท่านผมขอตัวนะครับ” เกริกพูดจบก็เดินออกไปจากห้องของเจ้าหน้าที่เขตที่ทำหน้าที่หย่าให้เขากับอดีตภรรยา
สองแม่ลูกเดินไปถึงรถกำลังจะขึ้นรถ
“เครือ ใยบัว” เกริวิ่งกระหืดกระหอบมาหาอย่างรวดเร็ว
เครือวัลย์ไม่สนใจเธอเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งรอลูกสาวในรถตอนนี้เธอไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าอดีตสามีมันทำให้เธอเห็นความโง่ของตัวเองและความเห็นแก่ตัวของสามีที่ปกปิดมาสิบกว่าปีแต่ยังไม่รู้ว่ามีลูกด้วยกัน
“ค่ะพ่อ” บัวชมพูมองพ่อว่าจะพูดอะไร
“พ่ออยากคุยกับแม่ของลูก”
“บัวว่าอย่าเพิ่งเลยค่ะพ่อ สิ่งที่พ่อทำไม่มีผู้หญิงคนไหนรับได้หรอกแม้แต่บัวเอง พ่อปิดบังแม่มาสิบกว่าปีเลยนะคะ เอาไว้แม่ทำใจได้ก่อนค่ะแต่บัวไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่แล้วบัวจะโทรหาพ่อ สวัสดีค่ะพ่อดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
“ใยบัว” เกริกเรียกลูกสาวเสียงสั่นเครือและเสียใจมากที่สุดในชีวิตที่ทำร้ายภรรยาและลูกสาวเขาน่าจะหยุดตั้งแต่ผิดครั้งแรกแล้วแต่หลงระเริงไปจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนถึงทุกวันนี้ก็สมแล้วที่ถูกภรรยาขอหย่าแล้วยืนมองจนรถของลูกสาวลับตาไปจึงเดินไปขึ้นรถ “โธ่เว้ย..”
บัวชมพูขับรถออกจาที่ว่าการเขตมองทางกระจกหลังเห็นพ่อยังยืนนิ่งลูกนั่งในรถเงียบๆไปจนถึงบริษัท
“แม่ไม่เป็นไรนะคะ” คนเป็นลูกก็ห่วงแม่เพราะท่านเงียบมาตั้งแต่ออกจากสำนักงานเขต
“แม่สบายใจโล่งใจมากเลยลูก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองและมองกลับกันแม่ก็มีส่วนผิดด้วยที่ไม่สามารถทำให้ครอบครัวของเรามีความสุข” เธอก็บกพร่องเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาแต่เธอก็ทำเพื่อครอบครัวมาตลอดและคิดว่าสามีก็ตั้งใจทำงานไม่คิดว่ามันจะเกิดช่องว่างให้เขาเผลอไผลไปกับคนอื่นจนกลายเป็นปัญหาครอบครัวเธอจึงตัดสินใจหย่าเพราะไม่สามารถอยู่ร่วมกับอดีตสามีได้อีก
“แม่อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ ยังไงแม่ก็ยังมีบัวนะคะ” บัวชมพูยิ้มให้แม่
“ขอบใจจ้ะลูก ไปทำงานกันดีกว่า” เครือวัลย์ยิ้มให้ลูกสาวแล้วเดินลงจากรถเข้าไปในบริษัทพร้อมกบลูกสาวและแยกกันไปทำงาน
เวลาผ่านไปสองเดือนที่พ่อแม่หย่ากันและเธอก็ทุ่มเวลาให้กับแม่และมีแต่เพื่อนๆเท่านนั้นที่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอหย่ากันคนในบริษัทยังไม่มีใครรู้แม้แต่เจ้านาย บัวชมพูก็ช่วยงานคุณบุริศตามที่ท่านขอจนทุกอย่างใกล้เสร็จเรียบร้อยเพื่อจะเปิดตัวโรงแรม ริมปิง ริเวอร์ไซด์ แอนด์ รีสอร์ท ในวันเกิดของคุณบุริศที่จะถึงในวันที่ 12เดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งเหลือเวลาอีกเดือนครึ่ง
ณ.รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอมริกา
27 เมษายน 2019 บ้านคอร์ราดส์
เลน่อน เพชรมณีและเฮเลนกำลังกินอาหารค่ำกันแค่สามคนพิตต์ไปทำงานที่ซานดิเอโกส่วนเบลินดาก็อยู่ที่โรงแรมทั้งสามก็กินข้าวและคุยกันไปเบาๆก่อนเสียงโทรศัพท์บ้านจะดังขึ้น
“เดี๋ยวฉันไปรับเองค่ะ” เพชรมณีบอกทุกคนแล้วลุกไปรับโทรศัพท์บ้านที่ดังกังวานไม่หยุด “สวัสดีค่ะ บ้านคอร์ราดส์ค่ะ”
“ขอสายเพรชมณีหน่อยค่ะ”
“มณีพูดอยู่ค่ะพี่เพชร มีอะไรหรือเปล่าคะ” แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยแต่เพชรมณีกับเพชรรัตน์สองพี่น้องก็รักใคร่กันดีต่างจากน้องชายคนเล็กที่ไม่พอใจพี่สาวคนกลางแต่งงานมีสามีอยู่อเมริกาไม่ได้ช่วยงานของครอบครัวกลับได้รับส่วนแบ่งเท่ากับพวกเขาที่ทำงานกันแม้พ่อแม่จะบอกว่ามันเป็นส่วนของเพชรมณีสมควรได้ ส่วนพวกเขาก็ได้ทั้งเงินเดือนและเงินปันผลและทุกคนในครอบครัวได้เงินเดือนจากกงสีอีกซึ่งเพชรมณีไม่ได้ใช้เงินส่วนนี้ด้วย
“มณีทำใจดีๆนะ คุณพ่อจากเราไปแล้วท่านเพิ่งเสียเมื่อกี้นี่เอง” เพชรรัตน์บอกน้องสาวที่นิ่งเงียบไป
“คุณพ่อ” เพรชมณีตกใจและเสียใจจนช็อกโทรศัพท์ร่วงหลุดมือไปไม่รู้ตัว
“มณี มณี ได้ยินพี่มั้ย” คนเป็นพี่เรียกน้องสาวเสียงดังเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับเพราะเจ้าตัวเป็นลมทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
“มาดามคะ” แม่บ้านสาวใหญ่เรียกเจ้านายอย่างตกใจทำให้เลน่อนลุกมาดู
“ที่รัก” ร่างสูงเห็นภรรยาสุดที่รักล้มอยู่บนพื้นจึงวิ่งเข้าไปอุ้มขึ้นอย่างตกใจพาไปนอนที่โซฟาส่วนแม่บ้านก็กุลีกุจอหายามาให้และโทรตามหมอด้วยความเป็นห่วง
“มาร์นี่เป็นอะไรเลน่อน” เฮเลนถามลูกชายเมื่อเห็นลูกสะใภ้นอนหน้าซีดอยู่บนโซฟา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับมัม โซเฟียบอกว่ามาร์นี่รับโทรศัพท์แล้วล้มลงไปเลยครับ ใช่แล้วโทรศัพท์ใครโทรมาไม่รู้มัมดูมาร์นี่ก่อนนะครับ” เลน่อนบอกแม่แล้วเดินไปที่โทรศัพท์หยิบหูฟังที่ห้อยต่องแต่งขึ้นมาฟังก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจึงกดเช็คเบอร์โทรเข้าก็เห็นระหัสคุ้นตาว่ามาจากเมืองไทยจึงกดโทรกลับ
“ตู้ดดๆๆ.”
เลน่อนรอสายไม่ถึงสามสิบวินาทีก็มีคนรับสาย
“มณีใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ครับผมเลน่อนครับ”
“เลน่อนเหรอ พี่เพชรนะคะมณีล่ะ” เพชรรัตน์ถามหาน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“มณีเป็นลมครับ ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไรจึงโทรกับมาหาพี่เพชรครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เลน่อนถามพี่สาวภรรยา
“คุณพ่อท่านจากพวกเราไปแล้วค่ะ”
“คุณพ่อ, ท่านจากไปเมื่อไหร่ครับ” เลน่อนถามด้วยความตกใจ
“เมื่อตอนตีห้าค่ะ ท่านบ่นว่าแน่นหน้าอกคุณแม่ก็โทรตามหมอมาดูอาการแต่ไม่ทันท่านหัวใจล้มเหลวแล้วท่านก็จากพวกเราไปอย่างสงบค่ะ” เพชรรัตน์พูดเสียงสั่นเครือเพราะตื่นมาก็เจอข่าวร้าย
“ผมเสียใจด้วยครับพี่เพชร ผมจะรีบจัดการตั๋วให้พามณีกับลูกไปเมืองไทยให้เร็วที่สุดครับ” เลน่อนบอกพี่สาวภรรยา
“ขอบใจมากเลน่อน ดูแลมณีด้วยนะ”
“ครับพี่เพชร” เลน่อนพูดภาษาไทยแปร่งๆกับพี่สาวภรรยาก่อนจะวางสายแล้วเดินดูภรรยารู้สาเหตุที่ทำให้เธอตกใจจนเป็นลมแล้ว
“เลน่อน” เพชรมณีรู้สึกตัวแล้วเรียกสามีน้ำตาลพรากด้วยความเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูใจพ่อเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ยังได้คุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ท่านโทรมาคุยเรื่องจะให้ลูกชายของเธอไปบริหารโรงแรมที่เชียงใหม่ที่ท่านเทคโอเวอร์จากเพื่อนนักธุรกิจที่ประสบสภาวะขาดทุนท่านจึงซื้อไว้และกำลังปรับปรุงเพื่อให้ลูกๆของเธอบริหารแต่ท่านก็มาจากไปก่อนทั้งที่วางแผนว่าจะเปิดตัวโรงแรมในวันเกิดของท่าน
“ไม่เป็นไรที่รัก ไม่เป็นไรคุณพ่อท่านไปสบายแล้วครับ” เลน่อนปลอบภรรยาเบาๆตอนที่เขาเสียพ่อก็มีภรรยาอยู่เคียงข้าง
“มณีต้องกลับเมืองไทยค่ะ” เพชรมณีบอกสามีเสียงสั่น
“ได้สิที่รัก ผมจะให้เพื่อนที่สถานทูตจัดการเรื่องเอกสารกับตั๋วเครื่องบินให้ด่วนครับ” เลน่อนบอกภรรยาแล้วโทรหาเพื่อนที่ทำงานสถานทูตจัดการเรื่องเอกสารและตั๋วเครื่องบินให้เขากับภรรยาและลูกๆเดินทางไปเมืองไทยให้เร็วที่สุดและติดต่อลูกชายแจ้งให้รู้ว่าคุณตาเสียและต้องไปเมืองไทยด่วนที่สุด......