พิตต์ทราบข่าวก็บินกลับบ้านทันทีเพราะเขามีเพื่อนร่วมทีมอีกสามคนจึงปลีกตัวกลับมาได้เร็วและผู้ก่อการร้ายเพิ่งเดินทาทางออกจากฮาวายเข้าแม็กซิโกทางเรือขนส่งสินค้าในฐานะกะลาสีซึ่งรูปปะพันสันฐานตรงกับที่หน่วยสืบข่าวลงพื้นที่สืบข่าวมาได้ทำให้เขาต้องมาตั้งหลักรอที่ซานดิเอโกเขตชายแดนติดต่อกับแม็กซิโกเพื่อดักผู้กอการร้ายกลุ่มนี้ แต่ตอนนี้เขาต้องกลับไปทำธุระส่วนตัวก่อนซึ่งทางหน่วยก็อนุญาต
พิตต์ใช้เวลาเดินทางเจ็ดชั่วโมงจากซานดิเอโกมาถึงนอร์ฟอล์กก็เช้าพอดีและเข้าไปที่สำนักงานก่อนเพื่อคุยกับเดอะคิงส์แจ้งเรื่องงานและขอหยุดงานจนกว่าจะเสร็จธุระซึ่งก็ได้รับการอนุมัติเพราะเขาทำงานดีมาตลอดและอีกอย่างลุงของเขาเป็นถึงเดอะคิงก็ได้สิทธิพิเศษนิดหน่อยใช้เวลลาครึ่งวันครอบครัวคอร์ราดส์ก็ได้เดินไปเมืองไทยอย่างเร่งด่วนในวันนี้เวลาสิบสามนาฬิกาด้วยความช่วยเหลือจากสเวนอำนวยความสะดวกให้ครอบครัวของน้องชาเดินทางได้อย่างรวดเร็วและถึงเมืองไทยเวลายี่สิบนาฬิกาของวันถัดมา
ชลธิชา พรประภัทร์ ลูกสาวคนเล็กของเพชรรัตน์กับชัยพลนักธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรูเป็นผู้มารับครอบครัวของน้าสาวที่เธอสนิทสนมกับทุกคนเป็นอย่างดี ชลธิชาไปเรียนที่แคลิฟอร์เนียรัฐเดียวกับพิตต์แต่คนละมหาลัยจึงไปเทียวที่บ้านน้าสาวที่เวอร์จิเนียร์บ่อย
“ทางนี้ค่ะน้ามณี น้าเลน่อนสวัสดีค่ะ” ชลธิชาโบกมือให้น้าสาวและครอบครัวเดินออกมาพอดีและยกมือไหว้ทุกคน
“สวัสดีจ้ะน้องยุ้ย ขอบใจมากนะลูกที่มารับน้า” เพชรมณีรับไหว้หลานสาวแล้วกอดร่างเล็กของหลานสาวอย่างรักใคร่เมื่อสองเดือนก่อนชลธิชาเพิ่งแวะไปเยี่ยมเธอที่เวอร์จิเนีย
“สวัสดียุ้ย/สวัสดีจ้ะยุ้ย” สองพี่น้องคอร์ราดส์รับไหว้น้องสาวแล้วสวมกอดเอาแก้มแตะกันเบาๆ
“ไปกันเถอะค่ะ” ชลธิชาเดินนำทุกคนไปที่รถตู้หรูที่คนขับช่วยเจ้านายยกกระเป๋าขึ้นรถแล้วขับออกไปจากสนามบิน
“คุณยายเป็นยังไงบ้างจ้ะน้องยุ้ย” เพชรมณีถามหลานสาวเบาๆ
“คุณยายท่านเสียใจมากค่ะ ท่านไม่ได้พูมฟายแต่จะนั่งซึมแล้วน้ำตาไหลค่ะ” ทุกคนรู้ว่าท่านเสียใจมากจึงช่วยกันปลอบใจและท่านก็เข้มแข็งสั่งการเรื่องจัดงานศพของคุณตาอย่างสมเกียรติ
“ใช่,ทุกคนเสียใจมากลูก” เพชรมณีพูดน้ำตาคลอด้วยความเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลพ่อในวาระสุดท้าย
จากนั้นชลธิชาก็คุยกันเรื่องงานพิธีศพของคุณตาให้น้าสาวและครอบครัวฟังรายละเอียดทั้งหมดว่ามีอะไรยังไงจัดกี่วันและเผาวันไหนจนถึงบ้านที่อยู่กันพร้อมหน้าเพราะทำพิธีสวดที่วัดเสร็จก็กลับบ้านกันพอดี
“สวัสดีค่ะ/ครับคุณแม่/สวัสดีครับ/ค่ะคุณยาย”
“สวัสดีลูก” คุณหญิงมณีจันทร์รับไหว้ลูกสาวแล้วกอดกันร้องไห้ ส่วนทุกคนก็ทักทายกันเบาๆ
“เดินทางมากันเหนื่อยๆมณีพาเลน่อนไปพักก่อนเถอะ เด็กๆด้วยลูกพรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้จ้ะ” เพชรรัตน์บอกน้องสาวกับสามีและหลานทั้งสองที่เพิ่งเดินทางมาถึง
“นั่นสิลูก มณีพาเลน่อนไปพักเถอะลูก พิตต์กับพีบีด้วยนะลูก” คุณหญิงมณีจันทร์บอกลูกสาวและทุกคนอีกครั้งแค่เห็นลูกมาท่านก็ดีใจแล้ว จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะดึกแล้ว
เวลาผ่านไปจนถึงคืนที่เก้าที่คุณบุริศเสียชีวิตและคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่มีพิธีสวดอภิธรรมศพของคุณบุริศจึงมีญาติพี่น้องและเพื่อนๆ นักธุรกิจและพนักงานมาร่วมงานสวดในคืนสุดท้ายกันอย่างมากมายจนเจ้าภาพต้อนรับไม่ทั่วถึงดีที่มีพนักงานมาช่วยต้อนรับแขกและเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟของว่างให้แขกทุกท่านรวมทั้งบัวชมพูกับเครือวัลย์ก็ไม่พลาดมาช่วยงานเป็นธุระให้ทุกคืน
“ใยบัวไปพักบ้างเถอะ” ชลธิชาบอกผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทคนโปรดของตายายและแม่รวมเธอด้วยและสนิทกันดี
“บัวไม่เหนื่อยหรอกค่ะคุณยุ้ย” แค่นี้เธอไม่เหนื่อยหรอกมันยังน้อยไปด้วยซ้ำหากเทียบกับโอกาสและความไววางใจและความเมตตาที่คุณบุริศมอบให้เธอจึงอยากทำเพื่อท่านเป็นครั้งสุดท้ายให้ดีที่สุด
“ขอบใจมากนะใยบัว งั้นยุ้ยขอน้ำหวานสองแก้วนะเอาไปให้พี่พิตต์กับพี่พีบี” ชลธิชาบอกบัวชมพูแล้วหยิบแก้วน้ำหวานไปให้พี่ชายกับพี่สาวที่นั่งเป็นเพื่อนคุณยายอยู่ที่หน้าโลงศพของคุณตาเพราะทั้งสองไม่รู้จักใครยกเว้นคนในครอบครัวเท่านั้นจึงมีหน้าที่คอยดูแลคุณยายที่นั่งคุยกับญาติผู้ใหญ่
บัวชมพูมองตามชลธิชาถือแก้วน้ำหวานไปให้ญาติผู้พี่ทั้งสองเธอเห็นหลานชายหลานสาวของคุณบุริศกับคุณหญิงมณีจันทร์ในงานงานวันเกิดของพวกท่านเมื่อปีก่อนแว้บๆพอเสร็จงานพวกเขาก็ไปเที่ยวแต่เธอรู้จักแม่ของพวกเขา ครั้งนี้เป็นการสูญเสียคุณตาของพวกเขาจึงอยู่นานเธอจึงเห็นว่าเขาหล่อมากทีเดียว ดูดิบๆเถื่อนๆแม้จะมีหนวดเคราและผมยาวแต่เขาก็ดูแลมัดไว้เรียบร้อยแต่ตัวด้วยชุดสีดำเสื้อเชิ้ตแขนยาวกางเกงสแล็คเรียบร้อยถ้าใส่สูททับอีกก็เหมือนพระเอกมาเฟียในหนังฮอลลีวู้ดที่เธอชอบดูอีกด้วย เมื่อเสร็จพิธีสวดอภิธรรมทุกคนก็กลับไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพคุณบุริศ
7พ.ค. 62
วันนี้เป็นวันพระราชาชทานเพลิงศพของนายบุริศ วุฒิกานต์ ซึ่งภรรยาและลูกหลานจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ รอบบริเวณงานและบนเมรุตกแต่งประดับประดาดอกไม้อย่างสวยงามมีแขกมามายรวมถึงญาติสนิทที่ยังมียศถาบรรดาศักดิ์แม้จะเป็นรุ่นสุดท้ายแต่ก็ยังมีคำนำหน้าว่าหม่อมเจ้าและม.ร.ว.มาร่วมไว้อาลัยกันเป็นครั้งสุดท้ายอย่างพร้อมหน้า
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยครับใยบัว” ชยาถามผู้จัดการฝ่ายตลาดของบริษัทที่มาช่วยงานตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้ายและยังเป็นลูกสาวเลขาคนสนิทของยายกับแม่จึงรู้จักมักคุ้นสนิทสนมกันดีครอบครัวของเธอก็รักและเคารพตากับยายของเขามาก
“เรียบร้อยค่ะคุณยอร์ท พนักงานของเราจัดการเสิร์ฟเครื่องดื่มและดอกไม้จันทน์ให้แขกแล้วค่ะ แล้วของที่ระลึกบัวก็จัดไว้พร้อมค่ะ” บัวชมพูตอบลูกชายเจ้านายอย่างนอบน้อม
“ขอบใจมากนะบัว” ชยามองผู้หญิงที่เขารักแม้จะไม่ได้ครองคู่แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกดีๆให้ทำใจยอมรับกับตำแหน่งพี่ชายที่เธอมอบให้อย่างจำใจและตอนนี้เขาก็มีครอบครัวแล้วจึงได้แต่มองบัวชมพูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง
“คุณยอร์ชคะไปรับแขกทางโน้นเถอะอย่าไปรบกวนเวลาคุณบัวเธอทำงานเลยค่ะ” งามศิริเดินมาหาสามีแล้วมองบัวชมพูด้วยสายตาไม่พอใจที่สามีมาคุยกับหญิงสาว
“ผมฝากด้วยนะบัว” ชยายิ้มให้บัวชมพูแล้วเดินไปตามแรงดึงของภรรยา
บัชมพูมองตามคู่สามีภรรยาแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินไปดูความเรียบร้อยที่โต้ะของที่ระลึกเป็นหนังสือชีวประวัติของตระกูลราชยานุกรมบวร ตั้งแต่ต้นตระกูลจนถึงรุ่นของคุณบุริศวางเรียงกันในกล่องและบนโต้ะน่าจะเพียงพอจะมอบให้แขกทุกท่านที่มาร่วมส่งคุณบุริศขึ้นสวรรค์ในครั้งสุดท้าย
“แม่ไปพักเถอะค่ะเดี๋ยวบัวช่วยดูให้เอง” หญิงสาวบอกแม่ที่ช่วยพนักงานเตรียมเครื่องดื่มไปเสิร์ฟแขก
“ไม่เป็นไรลูกแม่อยากทำเพื่อนท่านเต็มที่เป็นครั้งสุดท้ายจ้ะ” เครือวัลย์ยิ้มให้ลูกสาวเพราะคุณบุริศกับคุณหญิงมีบุญคุณกับเธอและครอบครัวมาก
“งั้นบัวช่วยค่ะ” บัวชมพูช่วยงานอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยและได้ยินเสียงพนักงานซุบซิบถึงหลานคุณหญิง
“หนุ่มฝรั่งนั่นใช่หลานของท่านบุริศหรือเปล่าเธอ”
“ใช่แล้วเธอ ลูกของคุณมณีที่แต่งงานกับฝรั่งน่ะ หล่อได้ใจจริงๆเลยนะเธอ”
“ผมยาว หน้าดุหล่อเข้มเถื่อนๆแบบนี้สเปคฉันเลยนะเธอ”
“แต่ดูว่าเธอจะไม่ใช่สเปคของเขานะฉันเห็นเขานั่งนิ่งไม่สนใจใครเลย”
“แหมเธอ นี่งานศพตาของเขานะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำไปเสิร์ฟเขาดีกว่า” พนักงานสาวพูดจบก็ถือถาดน้ำส้มน้ำเปล่าเย็นเจี้ยบไปเสิร์ฟให้หนุ่มยาวมัดรวบไว้เรียบร้อยใบหน้าหล่อดุเคราครึ้มสวมแว่นตาดำใส่สูทสีดำราวกับมาเฟีย
บัวชมพูมองตามพนักงานตั้งแต่วันแรกที่มางานชายหนุ่มจะนั่งนิ่งและคุยกับชยา ชลธิชา น้องสาวพ่อแม่ป้าและยายของเขาเท่านั้นไม่เห็นเขาจะคุยกับคนอื่น
“มีอะไรลูก” เครือวัลย์เห็นลูกสาวมองเหม่อมองจึงถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ เดี๋ยวบัวขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” บัวชมพูบอกแม่เพราะใกล้เวลาขบวนไฟพระราชทานมาถึงแล้วเธอจึงเตรียมพร้อมรอต้อนรับ
“รีบไปรีบมานะลูก” เครือวัลย์บอกลูกสาวเบาๆ
“ค่ะแม่” บัวชมพูก็เดินอ้อมไปด้านหลังศาลาที่เงียบเพื่อเข้าห้องน้ำและมอว้ายมองขวาก็ไม่เห็นใครจึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเพราะมีผู้คนเยอะแยะอยู่ที่ศาลา
พิตต์มองหยิงสาวหน้าตาดีมาเสิร์ฟเครื่องดื่มส่ายหน้าไม่รับก่อนจะลุกขึ้นเดินไปด้านข้างศาลาเพื่อสูบบุหรี่ก็เห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางอรชรในชุดดำเรียบร้อยเกล้าผมไว้ด้านหลังเดินนำหน้าเขาไปทางห้องน้ำซึ่งไม่มีผู้คนทำให้ชายหนุ่มเดินตามไปดูและคิดว่าไม่น่าจะปลอดภัยเขาเห็นว่าเธอมาช่วยงานทุกวันและดูจะสนิทกับชยาและชลธิชา ร่างสูงยืนพ่นควันขึ้นอย่างผ่อนคลายถึงนานๆจะเจอตาแต่เขาก็รักท่านและท่านก็รักเขากับน้องเหมือนหลานๆทุกคนและไม่คิดว่าท่านจะจากไปเร็วแบบนี้แต่เขาผูกพันกับปู่ย่ามากกว่า
“ว้ายย!! แกเป็นใคร” เสียงร้องตกใจของบัวชมพูดังมาจากห้องน้ำทำให้ร่างสูงดีดบุหรี่ทิ้งแล้วก้าวยาวพรวดพราดก็ถึงห้องน้ำ
“เป็นอะไรครับคุณ” พิตต์ถามหญิงสาวหน้าตาตื่นตกใจยืนสั่นหน้าห้องน้ำรัวภาษาบ้านเกิดใส่อย่างรวดเร็ว
“มะ มีคนแอบมองอยู่หลังห้องน้ำค่ะ” หญิงสาวตอบเขาปากคอสั่นด้วยความตกใจหลังจากปลดเบาเสร็จลุกขึ้นหันไปจะกดน้ำก็เห็นดวงตาหื่นแดงก่ำของคนร้ายมองอยู่ตรงช่องหลังคาหลังห้องน้ำทำเอาหัวใจของเธอตกไปอยู่ตาตุ่ม
พิตต์เดินอ้อมไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วมองไปทั่วบริเวณก็ไม่เห็นใครแล้วจึงเดินกลับมาหาหญิงสาวที่ยังตกใจหน้าซีดยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“มันหนีไปแล้วล่ะ ว่าแต่คุณเห็นหน้ามันชัดมั้ย”
“มะ ไม่ชัดค่ะ” บัวชมพูมองหน้าชายหนุ่มที่มีหนวดเคราปกคลุมครึ่งหน้าดูดิบเถื่อนเหมือนพวกพนักงานว่าจริงๆ เสียอย่างเดียวเขาสวมแว่นตาดำแม้จะดูน่ากลัวแต่หญิงสาวกลับไม่กลัวเพราะรู้ว่าชายหนุ่มเป็นหลานชายคุณหญิงมณีจันทร์จึงเผลอมองใบหน้าหล่อจมูกโด่งริมฝีปากสีชมพูน่าจูบ เฮ้ย บัวชมพูตกใจความคิดของตัวเองแต่แสดงความคิดของเธอออกทางสายตาให้พิตต์อ่านออกไปเรียบร้อย
“งั้นไปเถอะมันคงไม่กล้าแล้วล่ะเดี๋ยวผมจะบอกชยาให้คนมาดูแถวนี้เผื่อแขกมาเข้าห้องน้ำ” พิตต์พูดกับหญิงสาวที่มองเขาอย่างเคลิ้มฝันแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนว่าอยากกินเขาและเขาก็สังเกตุหญิงสาวผ่านแว่นตาดำที่สวมมองใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลาปากนิดจมูกหน่อยแต่ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“เอ่อ,คุณอย่าบอกใครนะคะ ฉันไม่อยากให้แขกแตกตื่น” บัวชมพูหลบสายตาของพิตต์มองแค่ปลายคางแต่ไม่รู้ว่าตัวเองหน้าแดงซ่านด้วยความอายกับความคิดของตัวเอง
“โอเค เชิญครับ” พิตต์ผายมือให้หญิงสาวเดินนำไปที่ศาลาและเขาเดินตามไปห่างๆเมื่อเห็นหญิงสาวเดินไปในซุ้มก็แยกไปหาชยาเพื่อบอกให้ญาติผู้น้องจัดคนไปดูแลทางห้องน้ำ
“มีอะไรครับพี่พิตต์”
“พี่ว่าทางห้องน้ำมันเปลี่ยวนายให้คนดูแลหน่อยเดี๋ยวแขกจะไม่กล้าเข้าห้องน้ำ” พิตต์บอกน้องชายและพูดถึงเรื่องที่หญิงสาวถูกไอ้โรคจิตแอบมอง
“ได้ครับผมจะจัดการให้” ชยาก็เดินไปจัดการตามที่พี่ชายบอกทันที่เขาให้รปภ.ของบริษัทที่ให้มาดูความเรียบร้อยที่วัดไปประจำจุดใกล้ห้องน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกให้แขก
พิตต์เดินไปนั่งกับน้องสาวที่วันนี้แต่งชุดไทยผ้าไหมสีดำตัวเรียบร้อยเหมือนทุกคนในครอบครัวส่วนผู้ชายทุกคนก็ใส่สูทสีดำส่วนญาติของตาก็ใส่ชุดสีขาวประดับเครื่องยศประจำตัวเอง
“มีอะไรคะพี่พิตต์” เบลินดาถามพี่ชายเบาๆ
“ไม่มีอะไร”
จากนั้นทุกคนก็ไปยืนเรียงแถวรับขบวนไฟพระราชทานเพลิงศพของคุณบุริศและทำพิธีตามศาสนาจนเสร็จสิ้นส่งคุณบุริศไปสูภพภูมิที่ดีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แม้จะเสียใจเมื่อคนที่รักจากไปแต่คนที่เหลืออยู่ก็ต้องดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่กันต่อไป
“ขอบใจมากนะ เครือวัลย์ หนูใยบัว” คุณหญิงมณีจันทร์ขอบใจอดีตเลขาของท่านที่ส่งต่อให้ไปช่วยงานลูกสาว
“เครือกับลูกเต็มใจรับใช้คุณหญิงกับท่านบุริศค่ะ” เครือวัลย์ยิ้มให้อดีตเจ้านายผู้ให้โอกาสกับผู้หญิงที่กำลังตั้งท้องและตกงานได้มีงานทำมีบ้านมีรถขับส่งเสียลูกสาวได้เรียนสูงและมีงานทำที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้
คุณหญิงมณีจันทร์และลูกหลานทุกคนก็ขอบคุณพนักงานทุกคนที่มาช่วยงานกันอย่างเต็มที่ก่อนจะกลับบ้านเพื่อพักผ่อนหลังจากเสร็จงานและรอเก็บกระดูกไปลอยอังคาร
บัวชมพูแอบมองหลานชายของเจ้านายไม่ว่ารูปร่างหน้าตาของเขามันผู้ชายในฝันของเธอชัดๆหลังจากที่เจอพิตต์ที่หน้าห้องน้ำตอนนั้นเธอมัวแต่ตกใจมองแต่หน้าเขาก็ทำอะไรไม่ถูกจนลืมขอบคุณเขาและไม่ทันได้สังเกตุเขาทั้งตัวเหมือนตอนนี้แต่รู้ว่าชายหนุ่มชื่อพิตต์
“ใยบัวจะกลับเลยหรือเปล่าเดี๋ยวผมจะแวะไปส่งที่บ้าน” ชยาถามหญิงสาวที่ช่วยงานศพของคุณตาจนเสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณค่ะคุณยอร์ช เดี๋ยวบัวจะต้องช่วยพวกพี่ๆเค้าเก็บของด้วยค่ะ”
“ก็ให้พวกเขาทำกันเองละกัน ใยบัวทำมาเยอะแล้วไปพักเถอะ” ชยาพูดด้วยความเป็นห่วงบัวชมพูที่ช่วยงานทุกวัน
“คุณยอร์ชคะ คุณใยบัวบอกแล้วไงว่าเธอจะอยู่ช่วยพวกเค้ามันเป็นหน้าที่ของพนักงานก็ปล่อยให้เธอทำสิคะ” งามศิริพูดกับสามีและเกาะแขนไว้ด้วยความหึงหวง
“งั้นผมกลับก่อนนะใยบัว ไปเถอะครับพี่พิตต์”
“สวัสดีค่ะ” ใยบัวยกมือไหว้ชยา พิตต์และเบลินดาแต่กับงามศิริเธอแค่ยิ้มให้มองทุกคนเดินจากไปแล้วก็เดินไปที่พนักงานกำลังเก็บของจึงช่วยพวกเขาเพื่อจะได้เสร็จเร็วๆ
พิตต์รู้ว่าตัวเองถูกบัวชมพูแอบมองแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจเขาถูกฝึกมาทำงานด้านนี้และเขาก็ใส่แว่นตาดำจึงสังเกตุได้ง่ายว่าแต่ละคนเป็นยังไงและบัวชมพูก็ถูกเขาจับได้อย่างง่ายดาย
“พี่พิตต์จะอยู่ต่ออีกนานมั้ยครับ” ชยาถามพี่ชายเมื่อขึ้นรถแล้วปกติพิตต์จะอยู่เมืองไทยไม่นาน
“คุณยายให้อยู่จนกว่าจะเปิดพินัยกรรมของคุณตาน่ะ นายมีอะไรหรือเปล่ายอร์ช” พิตต์ตอบน้องชายเบาๆ
“ถ้าพี่พิตต์กับพีบีอยู่ต่อผมจะได้พาไปเที่ยวเกาะของเพื่อนที่สุราษฏร์ฯครับ” ชยาตอบพี่ชายเพราะเพื่อนเขามีเกาะส่วนตัวให้เฉพาะเพื่อนฝูงเข้าไปเที่ยวชมธรรมชาติเพราะเป็นแหล่งเก็บรังนกจึงเป็นเกาะปิด
“เสียดายจังเอาไว้ครั้งหน้าละกันนะยอร์ช” พิตต์ตอบน้องชายเพราะเขาชอบธรรมชาติแต่ติดภารกิจที่ต้องไปทำต่อให้จบซึ่งเขาจะบินตรงไปซานดิเอโก้เลย
“พีบีก็อยากไปนะยอร์ช แต่ทิ้งงานให้ย่าดูนานแล้วคงต้องกลับ ว่างแล้วจะมาเที่ยวนะ” เบลินดาบอกญาติหนุ่มที่อายุเท่ากัน
“ได้เลยพีบี จะมาเมื่อไหร่ก็บอกละกันจะได้บอกเพื่อนไว้ล่วงหน้า”
“งามอยากเห็นคุณยอร์ชพาไปเที่ยวหน่อยสิคะ” งามศิริบอกสามีที่ตั้งแต่มีลูกสาวก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเธอต้องคอยดูแลลูกเลี้ยงลูกแต่ก็มีพี่เลี้ยงช่วย
“ให้ลูกโตกว่านี้ก่อนเถอะงาม แล้วค่อยไปเที่ยวด้วยกัน” ชยาบอกภรรยาที่หน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ
“ทุกทีเลย” งามตาพูดอย่างไม่พอใจสามีทีคนอื่นจะพาไปเที่ยวแต่เธอเป็นเมียกลับไม่สนใจ
ชยาคุยกับพิตต์และเบลินดาไปจนถึงบ้านแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนหลังจากจัดงานศพของตามาสิบวันทุกคนก็เหนื่อยแต่ไม่มีใครบ่นและช่วยจัดงานอย่างสมเกียรติทายาทของหม่อมราชวงค์บุษบาบัน ราชยานุกรมบวร
เวลาสิบกว่าวันที่ผ่านมาหลังจากที่คุณบุริศได้จากไปอย่างสงบและจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติไปเมื่อสองวันก่อนและเมื่อวานก็ไปลอยอังคารที่สัตหีบก็เสร็จพิธีเรียบร้อย วันนี้จึงเป็นอีกวันที่ลูกหลานและญาติผู้ใหญ่ของคุณบุริศมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อเป็นสักขีพยานเปิดพินัยกรรรม
“สวัสดีครับทุกท่านผมได้รับมอบหมายจากท่านบุริศให้เป็นผู้ปิดพินัยกรรมในวันนี้ตามคำสั่งของท่านบุริศโดมีคุณชายมหิศร คุณหญิงแม้นมาศ คุณชายเกษมสันต์ ราชยานุกรมบวร เป็นพยานรับรู้เรื่องพินัยกรรมทั้งสี่ฉบับนี้ในขณะที่ท่านบุริศมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ทุกประการ มีท่านใดขัดข้องหรือในการเปิดพินัยกรรมครั้งนี้มั้ยครับ” ทนายความประจำตระกูลพูดจบก็มองทุกคนที่นั่งอยู่ในห้อง
“ทำไมพินัยกรรมมีเพิ่มเป็นสี่ฉบับล่ะครับคุณประสงค์” ทัศนัยถามทนายความประจำตระกูล
“เรื่องนี้ลุงตอบหลานเองดีกว่าทัศนัย นายบุริศเพิ่งทำขึ้นเมื่อสี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง และลุงกับคุณหญิงแม้น คุณชายสันต์เป็นพยานรับรู้เรื่องนี้ด้วยลุงรับรองว่าไม่ใช่พินัยกรรมปลอมแน่นอน” คุณชายมหิศวรญาติผู้พี่ของคุณบริศผู้ล่วงลับที่สนิทสนมกันดีและเป็นพยานในพินัยกรรมที่คุณบุริศได้ทำไว้ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อห้าปีก่อนและมีเพิ่มเติมเมื่อสี่เดือนก่อนทำเพิ่มอีกหนึ่งฉบับ
“ผมแค่แปลกใจที่คุณพ่อไม่พูดถึงเท่านั้นเองครับคุณลุง” ทัศนัยตอบคุณชายมหิศวรอย่างนอบน้อมที่ถูกท่านพูดดักคอ
“คุณพ่อบอกเรื่องนี้กับแม่แล้วล่ะว่าท่านทำพินัยกรรเพิ่มอีกหนึ่งฉบับแม่หวังว่าลูกๆทุกคนจะเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อนะ” คุณหญิงมณีจันทร์พูดกับลูกหลานทุกคนและมองร่างสูงผมยาวปะบ่าถูกรวบมัดไว้เรียบร้อยหนวดเคราถูกตัดเล็มให้ดูดีแต่ไม่สามารถกลบความหล่อของหลานชายได้เลย ก่อนจะถอนหายใจท่าทีไม่เฉยเมยของหลานชายคนโต
“ค่ะ/ค่ะ/ครับคุณแม่”
“เชิญค่ะคุณประสงค์”
“ครับคุณหญิง ผมของเริ่มเปิดพินัยกรรมฉบับแรกเลยนะครับ ข้าพเจ้านายบุริศ วุฒิกานต์ เขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาในขณะที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์เพื่อจัดสรรเรื่องทรัพย์สินทั้งหมดของข้าพเจ้าที่จะมอบให้ลูกหลานได้ดูแลสืบสานธุรกิจที่ข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นมามีดังนี้ 1.โรงแรมวังเจ้าพระยา ริเวอร์ไซด์ ข้าพเจ้ามอบหมายให้นายทัศนัย วุฒิกานต์ เป็นประธารบริหารมีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียวมีนางเพชรรัตน์ พรประภัทร์ นางเพชรมณี คอร์ราดส์ เป็นรองประธานบริหารและจัดสรรผลประกอบการกำไรให้ทุกคนเหมือนเดิมทุกประการหากมีทายาทเพิ่มก็มอบให้ตามสัดส่วนเท่ากันทุกคน 2.บริษัทบีบี เฮลธ์เมดดิคอล ข้าพเจ้ามอบหมายให้นางเพชรรัตน์ พรประภัทร์ เป็นประธานบริษัทมีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว โดยมีนางเพชรมณี คอร์ราดส์ นายทัศนัย วุฒิกานต์ เป็นรองประทาน และจัดสรรผลประกอบการกำไรให้ทุกคนเหมือนเดิมทุกประการ หากมีทายาทของวุฒิกานต์เพิ่มก็มอบให้ตามสัดส่วนเท่ากันทุกคน 3.คลีนิกเสริมความงาม มณีจันทร์คลีนิก ที่ดิน อสังหาริมทัพย์และทรัพย์สินทั้งหมดของข้าพเจ้ามอบหมายให้นางมณีจันทร์ วุฒิกานต์ภรรยาของข้าพเจ้าเป็นผู้ดูแลทั้งหมดรวมทั้งบ้านหลังนี้ทายาทของข้าพเจ้าทุกคนมีสิทธิ์อยู่อาศัยเท่าเทียมกัน ส่วนทรัพทย์สินที่เป็นเงินสดข้าพเจ้าได้จัดการมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรไว้เรียบร้อยและเรื่องเงินกงสีทายาทของข้าพเจ้ามีสิทธิ์ได้รับเท่าเทียมกันทุกคนไม่มีข้อยกเว้นตามรายชื่อที่ข้าพเจ้าได้ระบุไว้ข้างต้นหากมีทายาทเพิ่มก็มอบให้เท่าเทียมกันทุกคนขอให้ทุกคนปฏิบัติตามพินัยกรรมของข้าพเจ้า หากมีปัญหาใดๆหรือมีใครคัดค้าน คุณประสงค์สามารถยกพินัยกรรมฉบับนั้นมอบให้มูลนิธิราชยานุกรมบวรได้ทันที ข้าพเจ้าหวังว่าทายาททุกคนจะเห็นชอบกับข้าพเจ้าทุกประการ.
นายบุริศ วุฒิกานต์
12/12/58
พยาน ม.ร.ว. มหิศร ราชยานุกรม
พยาน ม.ร.ว. แม้นศรี ราชยานุกรม
พยาน ม.ร.ว. เกษม ราชยานุกรม
มีใครสงสัยหรือคัดค้านมั้ยครับ ถ้าไม่มีผมจะได้ดำเนินการต่อไปครับ”ทนายความพูดจบมองทุกคนที่นั่งนิ่งเงียบ.