“เชิญต่อได้เลยคุณประสงค์” คุณชายมหิศวรบอกทนายความเมื่อทุกคนไม่มีใครคัดค้าน
“ครับคุณชาย นี่เป็นพินัยกรรมอีกสามฉบับที่ท่านบุริศให้ผมเป็นตัวแทนมอบให้ทายาทของท่านครับ” ทนายความยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลทั้งสามซองมอบให้ทายาทของคุณบุริศตามรายชื่อที่ระบุไว้และส่งใบพินัยกรรมที่ถ่ายเอกสารให้ทุกคนและเก็บตัวจริงไว้เป็นหลักฐาน
สามพี่น้องทายาทผู้ได้รับมรดกก็แกะซองพินัยกรรมออกและอ่านกระดาษแผ่นแรกที่เขียนด้วยลายมือของพ่อที่บอกรายละเอียดว่าแต่ละคนได้อะไรจากท่านบ้างนอกเหนือจากดูแลผลประโยชน์ที่ได้รับก่อนหน้านั้น
“ทำไมถึงมีแค่นี้ล่ะคุณประสงค์ ทรัพย์สินของคุณพ่อมีมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ” ทัศนัยท้วงขึ้นเมื่ออ่านรายการทรัพย์สินมรดกที่พ่อมอบให้จบลง
“ทรัพย์สินของท่านบุริศมีมากจริงครับ มีรายละเอียดอยู่ในพินัยกรรมฉบับแรกคุณทัศนัยลองอ่านดูก่อนว่าครบถ้วนหรือไม่เพราะทรัพย์สินส่วนนี้คุณหญิงท่านเป็นผู้ดูแลครับ” ทนายความตอบลูกชายของเจ้านายที่ดูจะไม่พอใจในส่วนของตัวเอง
“แกไม่พอใจอะไรหรือตานัย” คุณหญิงมณีจันทร์ถามลูกชายที่ทำท่าไม่พอใจในส่วนที่ตัวเองได้
“เปล่าครับคุณแม่ แต่ผมอยากรู้ว่าพี่เพชรกับพี่มณีได้อะไรบ้างได้มั้ยคุณประสงค์” ทัศนัยมองพี่สาวทั้งสองที่นั่งเงียบทำให้เขาอยากรู้
“ได้ครับ ทายาททุกคนสามารถรับรู้พินัยกรรมของกันและกันครับ” ทนายประสงค์ตอบทัศนัยตามคำสั่งเสียของเจ้านายและคิดว่าไม่มีใครกล้าคัดค้านแม้แต่ทัศนัยหากรู้ว่าหลานชายได้โรงแรมที่เชียงใหม่
“คุณประสงค์จัดการตามความต้องการของคุณบุริศได้เลยค่ะ” คุณหญิงมณีจันทร์บอกทนายความให้ทำตามความต้องการของสามี
“เดี๋ยวครับคุณแม่ ทำไมลูกพี่มณีถึงได้โรงแรมที่เชียงใหม่แล้วคุณพ่อซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมผมไม่รู้ ทำไมถึงยกให้นายพิพต์กับพีบีคุณแม่กับพี่เพชรรู้เรื่องนี้ใช่มั้ยครับ” ทัศนัยพูดอย่างไม่พอใจมองครอบครัวพี่สาวคนรองที่มาชุบมือเปิบจนลืมไปว่าตัวเองก็ได้จากพ่อไปไม่ใช่น้อยเช่นกัน
“ใช่แม่รู้และเห็นด้วยที่พ่อของลูกทำแบบนี้ เงินที่ซื้อโรงแรมเป็นเงินในส่วนของแม่มณีไม่ใช่เงินกงสีหรือเงินส่วนตัวของพ่อกับแม่” คุณหญิงมณีบอกลูกชายตามตรงเพราะอย่างนี้ไงสามีของท่านถึงไม่อยากให้รู้
“พี่เพชรจะไม่พูดอะไรบ้างเหรอครับ หรือว่ารู้เห็นเป็นใจกับคุณพ่อ” ทัศนัยถามพี่สาวคนโตที่ไม่พูดอะไรเขารู้ว่าพี่สาวทั้งสองสนิทกันแม้จะอยู่คนละซีกโลกแต่เขาไม่ใช่และคิดว่าตัวเองทำงานหนักต้องได้มากกว่าใคร
“จะให้พี่พูดอะไรล่ะนัย คุณพ่อทำถูกต้องแล้วพี่เห็นด้วยที่ท่านทำแบบนี้นัยกับพี่ก็ได้มาเยอะและมันเป็นสิทธิ์ที่มณีควรจะได้ นัยก็เคารพการตัดสินใจของคุณพ่อด้วย” เพชรรัตน์พูดกับน้องชายอย่างใจเย็นเธอรู้มาตลอดว่าน้องชายคนเล็กไม่พอใจพี่สาวคนรองที่มีส่วนได้ผลประโยชน์จากโรแรม บริษัทและธุรกิจอื่นๆของตระกูลยกเว้นเงินกงสีที่ครอบครัวของเพชรมณีไม่ได้เหมือนครอบครัวของเธอกับน้องชาย
“ก็ได้ครับ” ทัศนัยจำต้องยอมเพราะเกรงใจญาติของพ่อที่มาเป็นพยาน
“นี่เอกสารทั้งหมดครับ” ทนายความยื่นเอกสารสิทธิ์ให้ทุกคนเป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์เมื่อไม่มีใครทักท้วงและเสร็จสิ้นการเปิดพินัยกรรมของคุณบุริศอย่างราบรื่นแม้ทัศนัยจะท้วงแต่ไม่ได้มีปัญหา
“ขอบคุณคุณชายคุณหญิงมากนะคะที่สละเวลามาร่วมเปิดพินัยกรรมของคุณบุริศค่ะ” คุณหญิงมณีมาศขอบคุณญาติผู้พี่ผู้น้องของสามี
“ไม่เป็นไรน่าคุณหญิงจันทร์ สมบัตินายริศมันเยอะจัดการให้ลูกหลานเรียบร้อยจะได้ไม่มีปัญหากันจริงมั้ยนายนัย” คุณชายเกษมสันต์พูดแล้วถามหลานชายที่ยิ้มให้ท่านแหยๆ
“ครับคุณน้า” ทัศนัยยิ้มให้คุณชายเกษม
“เชิญคุณลุงคุณน้ารับของว่างด้วยกันก่อนนะคะ” เพชรรัตน์บอกญาติผู้ใหญ่ของพ่อ
“เอาสิแม่เพชร น้าหิวแล้วเหมือนกันไปเถอะแม่มณีน้าอยากคุยกับเธอมากเลยหลานๆด้วยนะลูก” คุณหญิงแม้นมาศบอกหลานสาวและลูกๆ
“ค่ะคุณหญิงน้า” มณีจันทร์ยิ้มให้คุณหญิงแม้นมาศที่สมัยเด็กเธอไปวิ่งเล่นกับลูกสาวของท่านที่วังคุณทวดบ่อยๆจนโตก็เรียนโรงเรียนประจำกินนอนด้วยกันจนจบมอหกแล้วแยกย้ายกันไปเรียนตามที่ชอบแล้วเธอก็ไปต่อโทที่อเมริกาเจอกับสามี
เมื่อแขกผู้ใหญ่กลับไปแล้วก็เหลือแต่คนในครอบครัวที่ยังอยู่กันครบและบรรยากาศก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่เพราะทัศนัยยังไม่จบเรื่องโรงแรมที่เชียงใหม่
“มีอะไรหรือนัย”เพชรมณีถามน้องชายเธอก็ไม่อยากให้พี่น้องมีปัญหากัน
“ผมจะเข้าไปบริหารโรงแรมที่เชียงใหม่เอง”ทัศนัยแจ้งความประสงค์กับพี่สาว
“ไม่ได้/ไม่ได้..” คุณหญิงมณีจันทร์กับเพชรรัตน์แย้งขึ้นขณะที่ลูกเขยลูกสะใภ้และหลานๆไม่มีใครยุ่งเรื่องนี้
“ทำไมครับ โรงแรมที่กรุงเทพผมก็บริหารจะให้คนที่ไม่มีประสบการอย่างนายพิตต์มาบริหารเดี๋ยวก็เจ้งกันพอดีถ้าไม่อยากให้โรงแรมที่คุณพ่อสร้างมาเจ้งพี่มณีก็พาลูกๆกลับอเมริกาไปซะแล้วรอผลรับผลประโยชน์เหมือนที่ผ่านมาเถอะผมจะจัดการเอง” ทัศนัยบอกพี่สาวคนรองที่ยังนิ่ง
“หยุดนะตานัย แกจะทำเรื่องให้มันยุ่งยากทำไมกันโรงแรมที่เชียงใหม่เป็นสิทธิ์ขาดของนายพิตต์กับพีบี ไม่ว่าแกหรือแม่และทุกคนก็ไม่มีสิทธิ์เพราะไม่ใช่ทรัพย์สินของตระกูล พ่อกับแม่ไม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัวอยากได้ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเอง แกก็มีงานล้นมืออยู่แล้วรายได้แต่ละเดือนก็ไม่ใช่น้อยแล้วแกยังจะฮุบของหลานอีกเหรอ" คุณหญิงมณีจันทร์พูดแรงท่านรู้ว่านิสัยของลูกชายคนเล็กเป็นยังไงไม่มีสามีอยู่คนหนึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าที่โรงแรมจะเป็นยังไง
“คุณแม่” ทัศนัยมองแม่ด้วยความไม่พอใจที่ว่าเขาและยังเข้าข้างพี่สาวคนรอง
“พวกแกเห็นเงื่อนไขที่คุณพ่อเขียนไว้มั้ย ฉะนั้นอย่าพูดให้แม่ได้ยินอีกแต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีหากยังมีใครไม่ฟังแม่จะปลดออกจากตำแหน่งแล้วแต่งตั้งคนใหม่มาดูแลเข้าใจมั้ย” คุณหญิงมณีจันทร์พูดอย่างเด็ดขาดทำให้ลูกๆทั้งสามเงียบก่อนจะแยกย้ายกันไป
ทัศนัยกลับบ้านด้วยความหัวเสียและอิจฉาพี่สาวที่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าโรงแรมที่เขาบริหารไหนจะทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ต่างๆและเงินสดอีกรวมแล้วก็พันกว่าล้าน
“คุณพ่อทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ พวกเราทำงานแทบตายกลับไม่ให้บริหารโรงแรมที่เชียงใหม่มันหักหน้ากันชัดเลยนะคะ” ทิพย์ธิดา ภรรยาของทัศนัยพูดขึ้นเธอก็ไม่พอใจเหมือนกันที่พ่อสามีทำพินัยกรรมแบบนี้ทั้งที่คุณบุริศจัดสรรให้ลูกๆทั้งสามอย่างยุติธรรม แต่ด้วยความโลภจึงทำให้ไม่รู้จักพอทำให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเสมอ
“ใช่ครับคุณพ่อ ผมเห็นพี่พิตต์แล้วหมั่นไส้จริงๆ ทำเป็นไม่สนใจทั้งที่อยากได้แทบตายหากคุณปู่ไม่ให้ก็ไม่มีปัญญาซื้อหรอก” ธราเทพวัยยี่สิบสองปีลูกชายของทัศนัยกับทิพย์ธิดากำลังเรียนมหาลัยปีสุดท้ายที่พยายามให้จบเพื่อจะไปเรียนต่อเมืองนอกเหมือนเพื่อนๆและเอาแต่เที่ยวเตร่ไม่เป็นโล้เป็นพายและแอบมั่วสุมกับเพื่อนในสังคมเดียวกัน
“แกก็ตั้งเรียนให้จบเร็วๆจะได้มาช่วยพ่อ หากยังทำตัวแบบนี้ต่อไปพ่อจะไม่ช่วยแกอีกแล้วนะนายดาม” ทัศนัยว่าลูกชายที่ไม่ได้ดั่งใจและลืมไปว่าตัวเขาเองเป็นคนตามใจลูกจนทำให้ธราเทพไม่ฟังใครยิ่งคุณตาจากไปแบบนี้เด็กหนุ่มก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาดุมาว่า
“ผมจบแน่นอนครับ พ่ออย่าลืมสัญญาล่ะถ้าผมเรียนจบจะให้ไปต่อที่อังกฤษ” คนเป็นลูกทวงสัญญาจากพ่อ
“เออๆ, แกอย่าทำให้ฉันขายหน้าก็แล้วกัน” ทัศนัยพูดจบก็เดินไปที่ห้องทำงานเพื่อดูรายระเอียดของพินัยกรรมและเช็คข้อมูลโรงแรมที่เชียงใหม่ว่าตอนนี้ใครเป็นผู้ดูแลอยู่เขาจะได้ล็อคตัวไว้เป็นคนของเขาจะได้จัดการได้ง่ายๆ
บ้านหลังใหญ่ก็เหลือแต่ครอบครัวของเพชรรัตน์กับเพชรมณีที่ยังนั่งคุยกันถึงเรื่องพินัยกรรมที่สองพี่น้องยอมรับแต่พิตต์กับเบลินดาไม่ได้ตื่นเต้นที่ได้โรงแรมหรูเลยสักนิด
“แม่มณีกับพ่อเลน่อน ตาพิตต์ พีบีอยู่คุยกับยายก่อนลูก”
“ค่ะคุณแม่”
“พิตต์กับพีบีมาบริหารโรงแรมของเราที่เชียงใหม่นะลูก” คุณหญิงบอกหลานชายหลานสาว
“ผมมีงานที่โน่นครับคุณยาย” พิตต์ตอบยายแค่เห็นเงื่อนไขเขาก็ไม่อยากได้โรงแรมแล้วแต่พอมองหน้าแม่เขาก็พูดไม่ออก
“พีบีก็ต้องดูแลโรงแรมที่โน่นค่ะคุณยาย”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธยายสิลูก คุณตาท่านเทคโอเวอร์โรงแรมของนี้มาเพื่อหลานทั้งสองอยากให้พิตต์กับพีบีมาช่วยกันบริหารถึงโรงแรมจะไม่ใหญ่เท่ากรุงเทพแต่ในอนาคตเราสามารถทำได้นี่จริงมั้ย คุณตาตั้งความหวังไว้ที่พิตต์นะลูก”
“ผมไม่ถนัดงานบริหารครับ คุณยายก็ให้น้านัยเค้าบริหารสิครับ” พิตต์ตอบคุณยายเขาไม่อยากมาอยู่เมืองไทยแค่มาเที่ยวน่ะได้และเขาไม่ชอบงานนั่งโต้ะเขาชอบงานที่ทำอยู่มันท้าทายมากกว่า
“เดี๋ยวมณีจะคุยกับลูกเองค่ะคุณแม่” เพชรมณีคิดว่าพูดตอนนี้ลูกๆของเธอต่อต้านแน่เอาไว้เธอค่อยคุยกับลูกๆอีกครั้งและเธอจะไม่บังคับลูก
“ได้ลูก แล้วมณีจะอยู่ต่ออีกนานมั้ยลูก”
“มณีกับเลน่อนจะกลับสิ้นเดือนค่ะคุณแม่ แต่พิตต์กับพีบีจะกลับพรุ่งนี้เช้าค่ะ” เพชรมณีตอบแม่เบาๆแต่เธอวางแผนไว้ว่าจะกลับสิ้นเดือนแต่ตอนนี้อาจะรอเสร็จงานเปิดตัวโรงแรมก่อนเธอก็ยังไม่แน่ใจ
“งั้นไปพักกันเถอะลูก”
“ค่ะ/ครับคุณแม่”
“คะ/ครับคุณยาย”
ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกเดินออกจากห้องรับแขกขึ้นไปบนห้องพักเพราะพิตต์กับเบลินดาต้องเก็บของเตรียมตัวกลับอเมริกาเพราะมีงานรออยู่
“พี่พิตต์ไม่สนใจจะบริหารโรงแรมเหรอคะ” เบลินดานั่งลงบนโซฟาแล้วถามพี่ชาย
“ทำงานนั่งโต้ะมันน่าเบื่อ” พิตต์ตอบน้องสาวและเขายังไม่พร้อมจะมีเมียมีลูกตามพินัยกรรมของคุณตาแต่มรดกของท่านแม่มีสิทธิ์จะได้รับมัทำให้เขาลำบากใจ
“แต่ว่าแม่จะไม่ได้สมบัติของคุณตานะคะ” เบลินดาท้วงขึ้นหากพี่ชายไม่มาบริหารงานที่โรงแรมแม่ก็จะไม่ได้รับมรดกที่คุณตามอบให้แล้วทรัพย์สินทั้งหมดก็จะตกเป็นของมูลนิธิราชยานุกรมบวรที่คุณยายทวดก่อตั้งขึ้น และเงื่อนไขที่คุณตาตั้งไว้ว่าเมื่อพิตต์มาบริหารโรงแรมมรดกก็จะตกเป็นของเพชรมณีทันทีและชายหนุ่มจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงไทยและมีทายาทถึงจะเป็นเจ้าของโรงแรมอย่างสมบูรณ์
“แม่จะว่าไงถ้าผมไม่บริหารโรงแรมแล้วแม่ก็จะไม่ได้มรดกของคุณตา” พิตต์ถามแม่ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าท่านต้องตามใจเขาอยู่แล้วหากแม่เห็นแก่เงินคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูไฮโซไปแต่งงานกับพ่อของเขาหรอก
“แม่แล้วแต่พิตต์จะตัดสินใจ สำหรับแม่แค่นี้แม่ก็มีความสุขดีอยู่แล้วหากจะบริจาคมรดกทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากแม่ก็ยินดี” เพชรมณีตอบลูกชายแม้จะเสียดายมรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อมอบให้แต่เธอก็ไม่อยากบังคับลูก
“ขอบคุณครับแม่” พิตต์ขอบคุณแม่แต่ในใจครุ่นคิดในใจหาวิธีที่ทำให้แม่ได้รับมรดกชิ้นสุดท้ายของตาที่มีมูลค่ามหาศาลจนน้าชายของเขายังอิจฉา ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากได้มรดกของตาแต่เงื่อนไขที่ตาตั้งไว้นั่นต่างหากล่ะที่ทำให้เขาคิดหนัก
“ถ้าพี่พิตต์ปฏิเสธเท่ากับว่าเราสูญเสียไปเป็นพันล้านเลยนะคะ” เบลินดาพูดกับพี่ชายอย่างเสียดายมรดกของคุณตาที่มีมูลค่าเกินพันล้านแค่โรงแรมที่เดียวก็ห้าร้อยกว่าล้านแล้ว
“พีบีอยากได้เหรอ” พิตต์ถามน้องชาย
“ก็มันเป็นสิทธิ์ที่แม่จะได้ไม่ใช่เหรอคะ พี่พิตต์มาบริหารโรงแรมแล้วปั้มหลานให้คุณยายสักคนสองคนแค่นั้นเองค่ะ เป็นพีบีหน่อยไม่ได้จะมีหลานให้หัวปีท้ายปีเลย” เบลินดาพูดกระตุ้นพี่ชายแล้วยิ้ม
“ไม่ต้องมายุพี่หรอกพีบี เอาไว้พี่กลับไปทำภารกิจนี้ให้เสร็จก่อนละกันแล้วผมจะให้คำตอบแม่นะครับ” พิตต์บอกแม่ที่แววตาฉายชัดออกมาว่าดีใจหากเขาปฏิเสธแม่ต้องผิดหวังมากแน่ๆ
“แม่แล้วแต่พิตต์เลยลูก” เพชรมณีตอบลูกชายแล้วยิ้มให้
“งั้นผมไปเก็บกระเป๋าก่อนนะครับแม่”
“พีบีไปด้วยค่ะ”
“จ้ะลูก” เพชรมณีมองตาลูกชายลูกสาวเดินออกไปจากห้องนอนของเธอแล้วหันมายิ้มให้สามี
“ที่รักไม่เสียดายเหรอครับที่ไม่ได้มรดกของคุณพ่อ” เลน่อนถามภรรยาเบาๆ
“เลน่อนคิดว่ายังไงล่ะคะ” เพชรมณีเอนตัวพิงอกสามีที่ไม่เคยทำให้เธอเสียใจตั้งแต่แต่งงานกันมาเลน่อนดูแลเธอเป็นอย่างดีถึงเขาไม่ได้ร่ำรวยมหาศาลแต่ก็มีอันจะกินเพียงแต่ใช้ชีวิตสมถะเท่านั้น
“ผมคิดว่าที่รักสละได้ทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเราครับ” ภรรยาของเขาเธอเกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทองยังทิ้งความสุขสบายมาอยู่กับเขาได้เลย
“ใช่ค่ะที่รัก มณีคิดว่าลูกจะคิดได้เองค่ะ” เพชรมณีพูดกับสามีเธอเลี้ยงลูกมาด้วยตัวเองก็ย่อมรู้ใจว่าลูกทั้งสองจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
“ที่รักอยากกลับมาอยู่เมืองไทยมั้ยครับ” เลน่อนถามภรรยาตอนนี้เขาสร้างบ้านไว้พร้อมและวาแผนจะพาภรรยากลัยมาอยู่เมืองไทยหลังจากเขายื่นเรื่องขอมาทำงานที่เมืองไทยและได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้วแต่เขาไม่ได้บอกภรรยาเท่านั้นแล้วพ่อตาของเขาก็มาจากไปก่อน
“ทำไมถามแบบนี้คะ”
“ผมคิดว่ามณีอยากจะมาดูแลคุณแม่ครับ”
“ถ้ามณีมาอยู่เมืองไทยล่ะคะ ที่รักจะทำยังไงคะ”
“ผมก็จะตามมาอยู่กับมณีด้วย ส่วนงานของผมก็ย้ายมาทำที่กรุงเทพก็ได้ครับ” เลน่อนตอบภรรยาตอนนี้เขาไม่มีห่วงอะไรนอกจากแม่ที่ต้องดูแลท่านแล้วท่านก็จะมาอยู่เมืองไทยด้วยเพราะชอบธรรมชาติและอากาศที่เมืองไทย
“ขอบคุณค่ะที่รัก” เพชรมณีไม่เคยขอให้สามีมาอยู่เมืองไทยแต่เธอไม่รู้ว่าเลน่อนได้วางแผนไว้นานแล้วว่าจะพาภรรยาสุดที่รักมาอยู่ใกล้พ่อแม่แต่มันสายไปเพราะพ่อของภรรยาได้จากไปก่อนตอนนี้เขาไม่รอช้าที่จะจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด
วันรุ่งขึ้นเลน่อนกับเพชรมณีไปส่งลูกชายกับลูกสาวที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางกลับอเมริกา
“ดูแลตัวเองนะลูก”
“ครับแม่/ค่ะแม่” สองพี่น้องกอดและหอมแก้มแม่กับพ่อก่อนจะเดินเข้าเกทไป
สองสามีภรรยามองจนลูกชายเดินเข้าไปในเกทแล้วก็พากันกลับบ้านแต่เลน่อนบอกให้คนขับรถขับเลยซอยบ้านเดิมของภรรยาไปอีกสามซอยแล้วเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านใหญ่ที่มีบ้านเดี่ยวหลายขนาดตั้งแต่หลังเล็กไล่เข้าไปด้านในจถึงบ้านเดี่ยวหลังใหญ่มีบริเวรสี่ร้อยตารางวาปลูกเรียงรายกันหลากหลายแบบตามความชอบที่เจ้าของบ้านต้องการ
“บ้านใครคะ” เพชรมณีมองบ้านในฝันของเธอที่เคยบอกสามีตั้งแต่ท้องลูกชายคนแรกว่าอยากได้บ้านสองชั้นมีห้องนอนกว้างและด้านข้างทำเป็นห้องนั่งเล่นกระจกเพื่อให้ลูกๆพักผ่อนและสนามหญ้าให้ลูกๆวิ่งเล่นในตอนเย็น
“บ้านของเราครับที่รัก” เลน่อนลงจากรถแล้วรับมือภรรยาก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้วแล้วเข้าไปดูในบ้าน
“บ้านของเราจริงๆเหรอคะเลน่อน” เพชรมณีมองสามีแล้วยิ้มให้เขา
“ครับที่รักบ้านของเราจริงๆ ผมให้คุณชัยช่วยดูให้อยู่ใกล้ๆบ้านคุณพ่อคุณแม่ก็เลยได้ที่นี่ ผมก็ส่งแบบบ้านในฝันของที่รักมาให้เขาปลูกตามแบบและพร้อมเข้าอยู่ได้แล้วครับ” เลน่อนบอกภรรยาสุดที่รักที่ยอมสละทุกอย่างไปอยู่กับเขาที่อเมริกาทำไมเขาจะสละทุกอย่างที่อเมริกามาอยู่เมืองไทยกับเธอไม่ได้ล่ะตอนนี้เขาไม่มีอะไรต้องห่วงลูกๆก็โตกันหมดแล้วและแม่ของเขาก็พร้อมจะมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองไทยด้วยยกเว้นแต่ลูกๆและเขาก็ไม่บังคับ
“ขอบคุณค่ะเลน่อน” เพชรมณีกอดสามีด้วยความซาบซึ้งใจในความรักเอาใจใส่ดูแลที่เขามอบให้เธอ
“ที่รักอยากกลับมาอยู่เมืองไทยตอนนี้เลยก็ได้นะครับ ผมพร้อมทุกอย่าง” เลน่อนได้ยื่นเรื่องขอมาทำงานที่เมืองไทยในตำแหน่งไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นท่านทูตแล้วประจวบเหมาะกับท่านทูตคนเก่าจะหมดวาระในเดือนสิงหาคมเขาจึงได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่ท่านทูตประจำประเทศไทยแต่ยังไม่ได้บอกภรรยา
“แล้วมัมละคะที่รัก ท่านจะมาอยู่กับเรามั้ย” เพชรมณีเป็นห่วงแม่สามีที่รักเธอราวกับลูกแท้
“มัมก็จะมาอยู่กับเราด้วยครับ สเวนยังอยากมีบ้านที่เมืองไทยเลยผมเลยบอกว่าให้หาเมียคนไทยสิจะได้มาอยู่ด้วยกัน” เลน่อนพูดถึงพี่ชายที่ตกพุ่มหม้ายมาสิบกว่าปีแล้วหลังจากเลิกกับอดีตภรรยาก็ไม่มีใครอีกอยู่กับลูกชายสองคนแต่ก็มีผู้หญิงบ้างเป็นเรื่องธรรมดาและยังเป็นเพื่อนกับอดีตภรรยาที่เลิกกันด้วยดี
“มณีขอคิดดูก่อนนะคะ ยังไม่ได้คุยกับลูกเลยถ้าตาพิตต์ไม่มาบริหารโรงแรมมณีก็ไม่มีอะไรนอกจากเงินเดือนเงินปันผลเท่านั้น”
“ถึงผมไม่รวยเท่าที่รักแต่ผมก็เลี้ยงลูกกเมียให้อยู่สุขสบายได้ตลอดชีวิตครับ” เลน่อนพูดกับภรรยาอย่างอ่อนโยน
“มณีรู้ค่ะ แต่ก็อดเสียดายไม่ได้มันเป็นของชิ้นสุดท้ายที่คุณพ่อมอบให้มณีก็อยากเก็บไว้ให้ลูกให้หลานสืบไปแต่ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าทำบุญค่ะ” ถามว่าเสียดายก็เสียดายแต่จะให้บังคับลูกๆเธอก็ไม่ทำเหมือนกัน
“ยังมีเวลานี่ครับที่รัก โรงแรมจะเปิดตัวเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ ไม่แน่นะเมื่อถึงเวลานั้นพิตต์อาจจะยอมก็ได้เพราะลูกก็น่าจะคิดถึงความตั้งใจของคุณตาที่ทำให้ก็ได้” เลน่อนปลอบภรรยาเป็นใครก็ต้องเสียดายเงินเป็นพันล้านแต่เขาก็ไม่บังคับลูกเมียแน่นอนเพราะเขาสามารถดูแลทุกคนได้หากลูกสาวมาอยู่เมืองไทยด้วยเขาอาจจะขายบ้านและโรงแรมที่เวอร์จิเนียบีชซึ่งมูลค่าของมันก็ไม่น้อยและเพชรมณีก็รู้ดี
“มณีก็คิดแบบนั้นค่ะ มันติดที่พิตต์ต้องแต่งงานมีลูกกับผู้หญิงไทยนี่สิคะ”
“ไม่น่าจะมีปัญหามั้ง ลูกชายเรามันเนื้อหอมขี้คร้านสาวๆจะวิ่งเข้าใส่ หึหึๆ..”
“วิ่งหนีมากกว่าน่ะสิคะ” เพชรมณีค้อนสามีก็ลูกชายของเธอไม่ยอกโกนหนวดโนเครามานานเท่าไหร่จำไม่ได้แล้วแต่ผมยังตัดบ้าง
สองสามีภรรยาเดินดูรอบๆบ้านอย่างพึงพอใจก่อนจะกลับบ้านหลังใหญ่ที่ครอบครัวของพี่สาวอาศัยอยู่ส่วนน้องชายก็ไปปลูกบ้านแต่ต้องเรียกว่าคฤหาสน์ที่พ่อปลูกให้เป็นเรือนหออยู่ห่างจากบ้านเดิมไปประมาณสิบกิโลเมตรบนที่ดินห้าไร่ตกแต่งอย่างหรูหราและเธอไปนับครั้งได้
พิตต์กลับไปทำงานที่ซานดิเอโก้ขณะที่เบลินดาก็ดูแลงานที่โรงแรมพอกลับมาถึงก็เจอกับข่าวของเอ็ดดี้ควงสาวไปเล่นจ้ำจี้ที่โรงแรมและเพื่อนของเธอไปเจอพอดีแล้วก็เป็นข่าวเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังฐานะก็ระดับเดียวกันทำให้เบลินดาเสียความรู้สึกแต่ไม่ได้เสียใจเธอได้เผื่อใจไว้ตั้งแต่ตกลงคบกับเอ็ดดี้แล้ว
“ไฮพีบี” เอ็ดดี้ลงจากรถซุปเปอร์คาร์ของเขาก็เดินไปหาแฟนสาวที่นั่งดื่มกาแฟอยู่หน้าโรงแรมของเธอหลังจากเขารู้ว่าเธอกลับมาถึงบ้านเมื่อวานนี้
“ไฮเอ็ดดี้” เบลินดายกมือผลักอกของเอ็ดดี้ไม่ให้เขาเข้าใกล้มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าและรังเกียจความมักมากไม่รู้จักพอและอดทนอดกลั้นและครั้งนี้เธอไม่ได้เสียใจที่เอ็ดดี้มีผู้หญิงคนอื่นทั้งที่คบกับเธออยู่อาจจะเป็นเพราะเธอไม่เชื่อว่าคนเจ้าชู้อย่างเอ็ดดี้จะหยุดที่เธอได้จึงเผื่อใจไว้
“ทำไมอ่ะพีบี” เอ็ดดี้ถอยไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามแฟนสาวและคิดว่าเบลินดาต้องเห็นข่าวของเขา
“ฉันว่าเรากลับมาเป็นคนรู้จักกันเหมือนเดิมดีกว่านะเอ็ดดี้ เป็นแฟนกันมันไม่เวิร์คจริงๆ” เบลินดาพูดตรงๆตามนิสัยของเธอ