ลินาที่กำลังเดินไปห้องเรียนก็รู้สึกเหมือนทุกสายตาหันมามองเธอเป็นจุดเดียวแต่สาเหตุที่มองไม่ใช่เพราะเธอมันเป็นเพราะผู้หญิงในสูทดำที่เดินตามหลังเธอหนึ่งก้าวอย่างนิ่งเฉยต่างหาก เรอาห์ก้าวเท้าเงียบ ๆ แต่มั่นคง สายตาเฉียบกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างประเมินความปลอดภัยเหมือนอยู่สนามรบ
“เรอาห์ไม่จำเป็นต้องเดินใกล้ขนาดนี้ก็ได้นะคะ” ลินากระซิบเขิน ๆ เพราะนักศึกษาหลายคนเริ่มซุบซิบนินทาแล้ว
“จำเป็นค่ะ” เรอาห์ตอบสั้น ๆ แต่หนักแน่นน้ำเสียงที่พูดออกมาไม่ได้ดุเหมือนประโยคนั้นซ่อนความเป็นห่วงที่รับรู้ได้
ลินาแอบถอนหายใจ แต่พอเดินไปสักพักเธอเริ่มเห็นประโยชน์ของการมีเงาดำคนนี้อยู่ข้างตัว ฝูงผู้ชายที่เคยแซวเธอตามทาง วันนี้หลบหายไปหมดเพื่อนผู้หญิงที่เคยชอบยืมของจากเธอหายเงียบเหมือนบินกลับดาวอื่น
เธอควรจะรู้สึกอึดอัดแต่แปลก… เธอกลับรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้ยุ่งยาก”
“คุณไม่ได้ยุ่งยากค่ะ” เรอาห์ตอบทันที “งานของฉันคือคุ้มกันคุณ ถ้าคุณปลอดภัยฉันก็ถือว่าทำงานตามที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ” คำตอบนั้นไม่ใช่เสียงของทหารรับจ้างทั่วไปแต่เหมือนเสียงของใครสักคนที่เชื่อว่าหน้าที่ของตนมีความหมายมากกว่าเงิน
“งั้นถือว่าเราเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ??” ลินาอมยิ้ม เรอาห์ชะงักเท้าไปหนึ่งคาบจังหวะเหมือนคำว่า เพื่อน เป็นสิ่งที่เธอไม่คุ้นเคยที่สุดในโลกนี้
“ถ้าเป็นคำสั่งของคุณ”
“ไม่ใช่คำสั่งค่ะ เป็นสิ่งที่ฉันถามในฐานะลินา งั้นต่อไปนี้ลินาเรียกพี่เรอาห์แล้วกันนะคะ” จบคำพูดของลินา บรรยากาศรอบข้างเหมือนเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเรอาห์จะตอบสั้น ๆ แผ่วเบากว่าทุกครั้งที่ลินาเคยได้ยิน
“ค่ะ” เรอาห์ไม่ได้ยิ้มแต่มุมปากของเรอาห์ขยับขึ้นในระดับที่ถ้ากะพริบตาครั้งเดียวอาจพลาดได้ แต่ลินาเห็น
และเธออบอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ลินามีงานถ่ายแบบให้แบรนด์เสื้อผ้างานที่ควรจะสนุกและเบาสมอง แต่บรรยากาศวันนี้กลับต่างออกไปทันทีที่มีสาวหนึ่งคนเดินตามลินาเข้ามาในสตูดิโอด้วยอีกคน
เรอาห์ในชุดสูทเข้ารูปสีดำผมยาวรวบตึงเรียบร้อย ดวงตาคมกริบไล่มองทุกซอกทุกมุมของสตูดิโอราวกับกำลังประเมินสนามรบไม่ใช่สถานที่ถ่ายงาน ช่างภาพกับสไตลิสต์หันมองเธอราวกับเห็นหน่วยลับพิเศษของรัฐบาลก่อนจะกระซิบกันเสียงเบา ๆ
“เอ่อ… คนนี้คือ??” ช่างภาพถามลินาเกือบจะกระซิบ เพียงเพราะเกรงใจสายตาดุดุของเรอาห์ที่มองมาทางลินาตลอดเวลา
“เพื่อนค่ะ” ลินาตอบทันทีก่อนที่เรอาห์จะตอบอะไรที่ทำให้ทุกคนกลัวไปมากกว่านี้
ซอลผู้จัดการส่วนตัวของลินาและเป็นสาวประเภทสองเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มสไตลิ่งในมือ หน้าเต็ม ผมหอม เดินสับส้นสูงมาด้วยออร่าผู้จัดการมือทอง
“ไหนคะ ไหน ใครคือคนที่ทำสตูฯ ลุกเป็นไฟตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้า??” ซอลถามเสียงสูงแบบพร้อมเผือกสุด ๆ พอเห็นเรอาห์เต็มตาเธอก็ผงะเล็กน้อย
“โอ้ยตายละ หน้าเขาตึงกว่าฟิลเลอร์ที่ฉันเพิ่งฉีดเมื่อวานอีกค่ะลูกสาว!!”
“พะ… พี่ซอล อย่าพูดแบบนั้นค่ะ” ลินาแทบสำลักน้ำลายตัวเอง ส่วนเรอาห์หันมามองซอลด้วยสีหน้าเรียบจนซอลยิ่งเบิกตากว้าง
“โอ๊ย!!! แต่สวยนะคะคุณคนนี้ สวยแบบฆ่าคนได้โดยไม่ต้องใช้ปืนเลยอ่ะ” ลินารีบกระแอมเบา ๆ
“พี่ซอล นี่เพื่อนหนูค่ะ ชื่อพี่เรอาห์” ซอลส่งยิ้มหวานแฉะให้เรอาห์เหมือนพยายามผูกไมตรี
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะซิส ถ้าอยู่กับลินานี่ต้องมีความอดทนสูงนะคะ น้องฉันเขาน่ารักแต่ขี้เกรงใจจนจะละลายหายไปเป็นไอน้ำได้ทุกเวลา”
“ค่ะ” เรอาห์กะพริบตาหนึ่งที
พอเริ่มถ่ายงานลินายืนหน้ากล้องแต่ความรู้สึกเหมือนมีเงาดำคอยจับตามองก็ทำให้เธอเผลอหันไปมองเรอาห์เป็นระยะ เรอาห์ยืนพิงผนัง แขนประสาน หน้าเรียบสนิท แต่ดวงตาคม ๆ จะกระตุกทุกครั้งที่มีใครเดินเข้าใกล้ลินาเกินหนึ่งเมตรจนช่างภาพอุทานเบา ๆ
“เพื่อนน้องนี่หน้าตาโหดนิด ๆ นะครับ”
“แต่เธอทำให้หนูรู้สึกปลอดภัยค่ะ” ลินาหัวเราะแห้ง ๆ
หลังจากถ่ายงานไปจนถึงเวลาเปลี่ยนชุดช่างภาพก็สั่งพักเบรก
“รับอะไรไหมคะ?? น้ำ กาแฟ ชา...” สไตลิสต์หยิบกาแฟยื่นให้เรอาห์
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เรอาห์ตอบสุภาพแต่ชัดเจนว่าไม่มีอะไรทะลุกำแพงความระแวดระวังของเธอได้ ลินานั่งพักไม่ถึงสิบวินาที เรอาห์เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ หยิบเสื้อคลุมจากเก้าอี้ก่อนคลุมไหล่ให้เธออย่างนุ่มนวลผิดวิสัย
“อากาศเย็นใส่ไว้เดี๋ยวไม่สบาย” เธอพูดเสียงเบาลงกว่าปกติ ลินากะพริบตาแล้วเงยหน้ามอง
“ขอบคุณนะคะ”
เรอาห์เมินหน้าหนีเล็กน้อยเหมือนไม่ชินกับคำว่าขอบคุณมากกว่าไม่ชินกับความเย็น ซอลที่ยืนกอดแฟ้มอยู่ไม่ไกลเห็นฉากทั้งหมดเข้าตาเต็ม ๆ เขาอ้าปากค้างแล้วกระซิบดังพอให้ลินาได้ยิน
“ตายแล้วลูกสาว นี่มันออร่าผัวหวงเมียชัด ๆ”
“พี่ซอล!! ไม่ใช่นะคะ!!” ลินารีบหันขวับหน้าแดงจนช่างแต่งหน้าต้องร้องห้ามไม่ให้หน้าเลอะ ซอลยิ่งยิ้มกริ่ม
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ค่ะ แต่สายตาเขามองหนูเหมือนของหายที่เพิ่งได้คืนเลยนะลูกสาว โอ๊ย!! ตื่นเต้นแทน” เรอาห์เหลือบตามองซอลนิดหนึ่ง แต่ซอลไม่สะเทือนกลับยิ้มหวานกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องมองแบบนั้นค่ะน้องเรอาห์ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด… แค่ชมผัวเอ๊ย!!เพื่อนของน้องลินาเฉย ๆ”
“พี่ซอล!!!” ลินาแทบจมลงพื้น แต่บรรยากาศในสตูดิโอที่ควรตึงเครียดเพราะเรอาห์ กลับกลายเป็นผ่อนคลายลง
เพราะซอลคนเดียวที่กล้าแซวทุกคนบนโลกรวมถึงบอดี้การ์ดสาวสุดโหดที่เอเดนส่งมาดูแลลินา
งานถ่ายแบบยังไม่จบ ลินาเพิ่งเปลี่ยนชุดกลับมานั่งพักได้ไม่นาน ซอลกำลังเช็กตารางงานของลินาส่วนเรอาห์ยืนประจำตำแหน่งเดิมพิงผนังแต่ตาไล่ตรวจทุกมุมเหมือนสตูดิโอราวมีกับดักระเบิดซ่อนอยู่จุดไหนสักแห่ง
ทันใดนั้น… เสียงประตูสตูดิโอเปิดแรงเกินปกติ ปรึ๊ง!! ทุกคนหันไปทันที เรอาห์เด้งตัวจากผนังแทบจะทันที สัญชาตญาณคุ้มกันติดตัวจนเธอขยับบังลินาโดยอัตโนมัติ แต่พอเห็นว่าเป็นนีโอเธอผ่อนท่าทางลง
“โอ๊ยตาย มีใครบุกมาเนี่ย!?” ซอลอุทาน แต่คนที่โผล่มากลับเป็นเด็กชายตัวเล็กในเสื้อยืดลายการ์ตูน นีโอลูกชายสุดรักสุดหวงของเอเดน เขายืนหอบแฮ่ก ๆ เหมือนวิ่งสุดชีวิตมาก่อนเข้ามา
“พี่ลินา!!” เสียงเล็ก ๆ สั่นนิด ๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกอดเธอแน่นราวกับกลัวว่าถ้าช้าอีกวินาที เธอจะหายไปจากสายตา ลินาตกใจ
“นีโอ!? มาทำอะไรที่นี่ครับ ทำไมไม่อยู่บ้าน??” นีโอซุกหน้าเข้ากับท้องเธอ เสียงอู้อี้ตอบ
“ผมคิดถึงพี่ลินา ลุงณัฐบอกว่าพี่ลินามาทำงานผมเลยมาหา” ช่างภาพกับทีมงานมองภาพนี้อึ้งกันทั้งสตูบางคนยิ้ม บางคนกระซิบเพราะท่าทางและความน่ารักน่าเอ็นดูของนีโอ
“โอ๊ยลูก!! นี่มันโมเมนต์ละลายใจแม่ค่ะ เด็กอะไรมุ้งมิ้งที่สุด!!” ซอลเดินเข้ามาพร้อมเสียงสูงลั่นสตู เรอาห์ที่ดูนิ่งมาตลอดขยับเข้ามาใกล้นีโออัตโนมัติ เหมือนถามว่า มีใครตามเข้ามาอีกหรือเปล่า? ลินาลูบหัวนีโอเบา ๆ
“ตายแล้ว เหนื่อยเลยสิครับ วิ่งมานี่”
“ครับ ผมรีบมา ผมคิดถึงอยากเจอพี่ลินาเร็ว ๆ”
“โอ๊ย!! ถ้าฉันตายตอนนี้ ฝากบอกหลวงพ่อด้วยว่าฉันตายเพราะความน่ารักของเด็กคนนี้ค่ะ!!” ซอลกุมอกอย่างเว่อร์สุดชีวิต ทีมงานหัวเราะกันทั้งสตู แม้แต่เรอาห์ยังหลบสายตาเล็กน้อยเหมือนกลั้นขำไม่อยู่ลินาย่อตัวลงเช็ดเหงื่อให้นีโอ
“งั้นเดี๋ยวพี่ถ่ายเสร็จเราจะกลับบ้านด้วยกันนะครับ” นีโอพยักหน้าแรงจนผมฟู จับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวว่าเธอจะเดินหลุดออกจากโลกของเขาไปอีกครั้งและทั้งสตูดิโอก็กลายเป็นสนามเด็กเล่นที่อบอุ่นขึ้นมาในทันที เพราะเด็กชายที่รักลินาอย่างจริงใจที่สุด