หลิวซูมี่เดินวนไปวนมาภายในห้องนอนกว้างอย่างคิดไม่ตก ผ่านไปเกือบสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่วันที่พบกับองค์หญิงลี่อินครั้งแรก แต่กลับไม่มีสิ่งใดคืบหน้า ทางด้านกุ้ยเฟยเมื่อได้ยินข่าวลือว่าเซียนอ๋องไปร่วมแจกจ่ายของที่วัดไท่ซาน และมีพฤติกรรมวิกลจริตต่อหน้าชาวบ้านมากมาย ดูแล้วเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงสั่งห้ามลู่หลานเฟินออกจากตำหนักโดยไม่มีเหตุจำเป็นโดยเด็ดขาด ส่วนทางด้านคุณหนูตระกูลใหญ่หลายคนที่เคย
ปลาบปลื้มต้องการเสนอชื่อเข้าเป็นชายาจวนอ๋องล้วนพากันถอยทัพหนี
ก็ใครจะอยากได้คนสติไม่ดีมาเป็นผัว ! ตลาดปั่นป่วนก็เพราะสินค้าอย่างเซียนอ๋องไร้คุณภาพ !
" คุณหนูหยุดเดินเถิดเจ้าค่ะ "
" ดูท่าเซียนอ๋องคงไม่มีสตรีใดมาออกเรือนด้วยแล้ว "
สองสาวใช้ที่เห็นนายหญิงเดินไปเดินมาจนเวียนหัวเอ่ยขึ้น ชาวบ้าน
ต่างพากันลือไปทั่วเมืองหลวง หนักข้อถึงขนาดให้จะถวายฏีฏาให้ทาง
วังหลวงพิจารณาตำแหน่งเหอซั่วชินหวังเสียใหม่ ยังมีโอรสในหวงตี้อีกหลายพระองค์ที่เก่งกาจเหมาะสม อีกทั้งยังสติปัญญาสมประกอบดี
" ได้อย่างไรเล่า ! "
"..."
" เราต้องหาทางแก้ข่าว หรือไม่ก็สร้างข่าวอื่นขึ้นมากลบข่าวเซียนอ๋องซะ "
เรื่องซุบซินนินทาร้านตลาดทำไมหลิวซูมี่จะไม่รู้ บ้านเก่าของเธอ
เป็นร้านหมั่นโถวดั้งเดิมขายในตลาดชุมชนใหญ่ใจกลางปักกิ่ง ลูกหลานใครแต่งงานกับใคร แม้แต่เรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปล้วนถูกนินทาผ่านหูบรรดาแม่ค้าทั้งสิ้น เรื่องเก่าไปเรื่องใหม่ก็มาไม่เคยขาดสาย อีกทั้งเมื่อสมัยทำงานการตลาด เธอเคยถูกคู่แข่งวางยาหาหน้าม้ามาโพสรีวิวลงโซเชี่ยลมีเดียว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ จนผู้คนแห่พากันเลิกซื้อของเหล่านั้นอยู่
พักใหญ่ แต่ด้วยความจัดเจนในตลาดหลิวซูมี่ก็พาบริษัทในความดูแล
ของเธอรอดพ้นวิกฤตมาได้ทุกครั้ง
" แก้ข่าว..หรือเจ้าคะ ? "
" เจ้าสองคนน่ะ ไปนำเสื้อผ้าเปื้อนถ่านมาสวมใส่อีกครั้ง ออกไปร่วม
วงสนทนาในตลาด บอกกล่าวแก่ผู้คนว่าในวังหลวงเกิดข่าวลือการ
หมั้นหมายระหว่างคุณหนูลู่และเซียนอ๋อง "
" หา ! ตายแล้ว จะให้โกหกหรือเจ้าคะ "
" ยังไงพวกเขาก็ต้องคู่กัน เราก็กำลังช่วยอยู่นี่ไง เอาล่ะพูดไปตามนี้..เพราะเซียนอ๋องแอบหลงรักคุณหนูลู่ เมื่อพบเจอหน้าจึงเกิดอาการตื่นเต้นประหม่าจนทำตัวไม่ถูกก็เท่านั้น ! "
สองสาวใช้มองหน้ากันเลิกลั่ก เมื่อเห็นสายตากดดันจากหลิวซูมี่จึง
จำใจยอมถอยออกไปเพื่อดำเนินตามคำสั่งแต่โดยดี หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเตียงกว้าง แม้จะมีผู้คนนับร้อยได้เห็นพฤติกรรมของ
เซียนอ๋องวันนั้น แต่ก็ถูกเล่าต่อ ๆ กันไปถึงผู้คนอีกนับพัน ไม่แปลกที่จะ
มีการเล่าผิดเพี้ยนกันไปบ้างมากน้อย ดังนั้นเธอจึงให้สาวใช้นำข่าว
ในรูปแบบใหม่ของเหตุการณ์เดิมออกไปเล่า โดยให้ยืนยันชัดว่าเห็นมา
กับตาเพราะอยู่ในเหตุการณ์ ในยุคสมัยนี้ไม่ได้มีกล้องถ่ายภาพเหตุการณ์จริงเอาไว้ ใครได้ฟังอะไรมาก็ล้วนจินตนาการตามเรื่อยเปื่อยได้ไม่ยาก
แก๊กกกก
เสียงนกเหยี่ยวหิมะหวีดร้องแหลม ปีกใหญ่สยายบินวนไปมา
เหนือตำหนักเหอซั่วชินหวัง ก่อนร่อนลงเกาะแท่นไม้ไผ่ใหญ่เพื่อรับรางวัลเป็นเนื้ออกไก่สดสองชิ้นจากมือผู้เป็นเจ้าของ เซียนอ๋องบรรจงแกะเอาม้วนกระดาษเซวี่ยนที่ติดมากับขาเล็กออก เมื่อแกะอ่านเนื้อหาภายในถึงกับ
นิ่วหน้าคิ้วหนาขมวดยุ่ง
" ข้าเนี่ยหรือตกหลุมรักลู่หลานเฟิน เขินอายจนทำตัวไม่ถูกยามพบหน้านาง ! "
ใบหน้าอ๋องหนุ่มรูปงามครึ้มลงแปดส่วน ฝ่ามือหนาฉีกทำลายกระดาษส่งข่าวจากนอกรั้ววังทิ้ง ก่อนจะโยนเข้าไปในคบไฟข้างเสาไม้ใหญ่
นึกไม่ถึงว่าหลิวซูมี่จะกล้าหาญถึงขนาดสร้างเรื่องเท็จออกเผยแพร่ นาง
จงใจเปลี่ยนเนื้อหาของเรื่อง จากที่เขาตะโกนโวยวายคล้ายคนวิกลจริต
ให้กลายเป็นเขาเขินอายลู่หลานเฟิน จนทำตัวไม่ถูกหนีขึ้นรถม้าไปเสียได้ ผู้คนทั่วเมืองหลวงต่างหัวเราะเอ็นดูให้กับความไม่ประสีประสาความรักของเขาแทน จากตอนแรกที่พากันเป็นกังวลในตำแหน่งอันสูงส่งของเขา
ผู้หญิงคนนี้ช่างเจ้าแผนการเกินไป !
" หลิวซูมี่เป็นใครกันแน่ ? "
" ทูลท่านอ๋อง เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเจ้ากรมโยธาพะย่ะค่ะ
ปีนี้อายุเข้าสิบแปดปี "
" พ้นวัยปักปิ่นมาแล้วแทนที่จะหาคู่ครองของตนเอง ดันมาจุ้นจ้านวุ่นวายเรื่องของข้า "
ชายหนุ่มร่างสูงสะบัดชายเสื้ออย่างเอาแต่ใจ ในเวลานี้เขาไม่ต้องการยศฐาบรรดาศักดิ์มากมายในราชวัง แม้มีมารดาเป็นถึงฮองเฮา อีกทั้งยัง
ไม่ต้องการร่วมหอกับหญิงชนชั้นสูงใด ๆ ในเมื่อบิดาทรงมีพระประสงค์
ให้เขาเป็นเพียงเงาขององค์ชายรัชทายาท เขาก็จะอยู่เงียบ ๆ ไม่มีปากเสียง แม้องค์หญิงลี่อินจะมีความเห็นขัดแย้งว่าเขาควรรีบทวงความเป็นธรรมต่อตำแหน่งที่ควรจะเป็นก็ตาม
ทุกอย่างย่อมต้องรอคอยอย่างใจเย็น...
“ องค์หญิงลี่อินทรงมีพระประสงค์ให้หงเหนียนผู้นั้น จับคู่ท่านอ๋องและแม่นางลู่หลานเฟินหลานสาวใกล้ชิดในพระชายาเอกกุ้ยเฟย เห็นทีอาจมีแผนการในใจก็เป็นได้ "
อู๋กงกงกล่าวทูลในสิ่งที่ใจเป็นกังวล ผู้คนททั่วไปอาจมองว่าทั้งสองฝ่ายต้องการผู้มิตรไมตรีกันเพื่อร่วมเคียงบัลลังค์อย่างราบรื่นในภายภาคหน้า หากแต่แท้จริงแล้วในใจขององค์หญิงลี่อินนั้นโกรธแค้นเสมอมาที่โอรสและธิดาในพระชายาเอกกุ้ยเฟย ล้วนเทียบเท่าหรือได้ดีกว่าตนและน้องชาย
" เช่นนั้นแล้วข้าควรจะหลีกหนีจากลู่หลานเฟิน หรือเข้าหาตามความต้องการขององค์หญิงลี่อินดี ? "
" กระหม่อมมิอาจทราบ จะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ใช่ "
" ลู่หลานเฟินเป็นหลานสาวกุ้ยเฟยก็จริง แต่ไม่สามารถคานอำนาจใดในวังหลังได้ ข้าไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะใกล้ชิดนาง "
นอกเสียจากว่าจะมีความสำคัญใดบางอย่างในตัวนางที่องค์หญิงลี่อินอาจจะรู้ แต่เขาไม่รู้ ชายหนุ่มยื่นมือไปลูบไล้ขนขาวของเหยี่ยวรักแผ่วเบาพลางครุ่นคิดถึงใบหน้าหวานของลู่หลานเฟิน กิริยามารยาทที่อ่อนน้อม
นิ่มนวลราวเทพเซียนจากสวรรค์ลงมาจุติ งดงามเช่นนั้นกุ้ยเฟยจะยอมยกนางให้เขาหรือ ไม่สู้เก็บไว้ให้องค์ชายรัชทายาทเสียยังดีกว่า ภรรยาที่ดี
ย่อมเกื้อหนุนสามีอยู่แล้ว
" หม่อมฉันก็เห็นเป็นเช่นนั้น นอกจากความงามและความอ่อนช้อยของนาง ทักษะอื่นหรือชาติกำเนิดไม่อาจสนับสนุนอันใดได้ อย่างมากก็ช่วยดูแลสามีได้ดีเท่านั้น "
ใบหน้าคมพยักหน้าตามความเห็นของอู๋กงกง เขามันเป็นพวก
ไร้ความรู้สึกที่จะรักใครเพราะเบื่อหน่ายในชีวิตเสียเหลือเกิน วัน ๆ คิดหาเพียงหนทางอยู่รอดปลอดภัยอย่างสุขสงบในรั้ววังก็เหนื่อยแทบตายแล้ว หากจะมีคู่ครองสักคน สตรีผู้นั้นย่อมต้องมีอำนาจต่อรองในราชสำนักให้เขาได้ แทนที่จะเป็นสตรีงามเพียงอย่างเดียว
" เช่นนั้น...ช่วยส่งทองหนึ่งพันชั่ง และผ้าแพรสามม้วน รวมถึงเครื่องหยก "
"..."
" ส่งตรงไปที่จวนของเสนาบดีเจ้ากรมโยธา ว่าข้าต้องการหมั้นหมายคุณหนูหลิวซูมี่ "
" อะ..อะไรนะพะย่ะค่ะ "
อ๋องหนุ่มเผยยิ้ม...ก็นี่ยังไงเล่า สตรีที่มีชาติตระกูลเกื้อหนุนเขาได้ อีกทั้งยังมีบิดาที่กว้างขวางเป็นที่นับหน้าถือตาในราชสำนัก บรรดาเสนาบดี
คนอื่น ๆ ต่างเกรงใจเจ้ากรมโยธาแทบทั้งนั้น แม้แต่แม่ทัพใหญ่หน้าด่าน
ที่คุมกองกำลังกว่าห้าแสนนายอย่างแม่ทัพหยาง คุณสมบัติว่าที่พ่อตาเพรียบพร้อมเช่นนี้เขายังจะต้องรออะไรอยู่อีก
" ข้าควรจะต้องรับหลิวซูมี่เข้าวังต่างหากเล่า ! "