Ep.1: เฝ้ามองเธอห่าง ๆ

1234 คำ
“นายครับ เราจับตัวมันได้แล้วครับ” เสียงของไวท์ดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา เขาเดินยืนหยุดยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเลออน “...” เลออนเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร มองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเฉย ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ “นายจะไปดูใช่ไหมครับ” ไม่มีคำตอบจากปากเลออน มีเพียงฝีเท้าที่ก้าวผ่านหน้าไวท์ไปอย่างเงียบงัน หนักแน่น เยือกเย็น ทั้งห้องเงียบสงัดเหมือนอากาศกลั้นหายใจตามเขาไปด้วย ไวท์ขับรถพาเลออนไปยังอาคารด้านหลังโกดังเก็บสินค้า ซึ่งเป็นสถานที่ที่เฉพาะและไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ประตูเหล็กถูกผลักเปิดออก กลิ่นอับชื้นที่ผสมกับกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหงื่อลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ชายคนหนึ่งถูกมัดห้อยโยงไว้ใบหน้าบอบช้ำสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เลออนเดินเข้ามาเงียบ ๆ หยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่าย สายตาเย็นชามองนิ่งโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก่อนเขาจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้กลางห้อง โดยมีไวท์ยืนอยู่เบื้องหลังเงียบ ๆ ความเงียบของเลออนแค่ไม่กี่วินาทีกลับกดดันยิ่งกว่าคำขู่ใด ๆ จนคนทรยศตัวสั่น หายใจหอบถี่ แม้แต่เสียงที่พูดออกมาก็สั่นไม่ต่างกัน “ผม... ไม่ได้ทำอะไรเลย” เลออนยังคงนั่งนิ่ง สายตาที่มองมาไร้ความรู้สึกใด ๆ แต่มันกลับทำให้คนถูกมองขนลุกและหวาดกลัวจนแทบหายใจไม่ออก “มึงจะพูด... หรือจะให้กูเค้นคำตอบเอง??” ไวท์พูดเสียงเรียบแต่เยือกเย็นราวน้ำแข็ง ดวงตาไร้แววปราณี มองเหยื่อเหมือนสิ่งของไร้ค่าชายคนนั้นตัวสั่น กัดฟันแน่น ก่อนปฏิเสธเสียงแข็ง “ผมไม่ได้ทรยศจริง ๆ” ชายคนนั้นแย้งด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวแต่ยังดิ้นรน เลออนยืนนิ่งราวกับคำพูดนั้นไม่ทำให้เขาโกรธเลยสักนิด มีเพียงเสียงเค้นในลำคอที่เยือกเย็นจนน่ากลัว ก่อนเขาจะหันหน้าไปสบตากับไวท์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ผะ... ผมไม่ได้ทำ... ผมสาบาน!!” “มึงทำงานให้ใคร” ไวท์ถามซ้ำ ดวงตาคมกริบจับจ้องไม่วาง “ผมไม่ได้ทำ” ชายคนนั้นปฏิเสธเสียงหลง ความกลัวฉายชัดในน้ำเสียงที่พยายามควบคุม “งั้นกูถามอีกครั้ง… ใครส่งมึงมา” ไวท์ขยับเข้าใกล้ ก่อนจะกระชากหัวอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา น้ำเสียงของไวท์เย็นจัดเหมือนน้ำแข็งและคมกริบยิ่งกว่ามีดในมือที่เขาเพิ่งหยิบขึ้นมา ชายคนนั้นหอบหายใจถี่ เหงื่อแตกท่วมตัวทั้งที่อากาศในห้องเย็นจัด มือสองข้างที่ถูกมัดโยงไว้เหนือศีรษะสั่นจนเลือดไม่ไหลเวียน ไวท์โน้มตัวเข้าใกล้ กระซิบชิดใบหูอีกฝ่าย “ถ้าไม่พูดตอนนี้...มึงจะไม่มีลิ้นไว้พูดอีกเลย” “มะ... ไม่มีใครส่งผมมา... ผมแค่... ผมแค่... อยากได้เงิน” เสียงสั่นเทาโพล่งออกมาท่ามกลางเสียงหายใจรวยริน เลออนนิ่งไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย แต่เพียงคำว่า ‘อยากได้เงิน’ นั้นก็พอแล้ว ไวท์หันกลับไปมองเลออนทันที “เอายังไงดีครับ” เลออนลุกขึ้นช้า ๆ เดินตรงไปหาเหยื่อ เขาโน้มตัวลงช้า ๆ จนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน ดวงตาเย็นชาไร้ความรู้สึกแววสบเข้ากับดวงตาหวาดกลัวที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาเบื้องหน้า เสียงทุ้มต่ำหลุดออกมาจากริมฝีปากที่ไม่เคยพูดเกินจำเป็น “หึ เงินมันซื้อความกล้าของมึงได้ แต่ช่วยชีวิตมึงไม่ได้” พูดจบเลออนก็หันไปมองสบตากับไวท์ ก่อนเสียงปืนจะดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมลมหายใจสุดท้ายของชายที่ทรุดตัวลงจมกองเลือด เลออนยืนนิ่งดวงตาเย็นเยียบมองร่างไร้วิญญาณตรงหน้า ไร้ซึ่งความรู้สึกผิด ไร้แม้แต่คำพูด “มันตายแล้วครับ” เสียงของไวท์ดังขึ้นเรียบ ๆ สายตาเหยียดมองศพโดยไม่กระพริบ เลออนไม่พูดอะไร เพียงปรายตามองมือขวาคนสนิทเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวกลับ เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังก้องในห้องเงียบ ๆ เหมือนทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้วโดยไม่ต้องมีคำสั่ง “จัดการให้เรียบร้อย” ไวท์เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ สายตาไม่ต่างจากเจ้านายตัวเองแม้แต่น้อย ก่อนจะหันหลังเดินตามเลออนไปติด ๆ “ครับ/ครับ” เสียงลูกน้องขานรับพร้อมกันขณะที่ภาพความตายค่อย ๆ หายไปเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ เลออนไม่พูดอะไร เพียงปรายตามองไวท์หนึ่งครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังสะท้อนในความเงียบของห้องปิดตาย “จัดการให้เรียบร้อย” ไวท์พูดขึ้นเสียงเรียบก่อนจะเดินตามเจ้านายออกไปอีกคน “ครับ/ครับ” ลูกน้องขานรับพร้อมกัน ก่อนทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความเงียบ ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้น...ไม่เคยมีอยู่เลยตั้งแต่ต้น “ไปไหนครับนาย” “ที่เดิม” “ครับ” ไวท์พยักหน้ารับก่อนจะขับรถออกไปยังปลายทางที่เลออนต้องไปทุกวัน โดยไม่ได้คำถามออกมาแม้แต่คำเดียว เมื่อก่อนเขาเคยสงสัยแต่เมื่อเห็นแววตาอ่อนโยนของเลออนในวันแรกที่มาที่นี่ เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าบางความรู้สึกไม่ต้องพูดก็รู้ ว่ามันสำคัญแค่ไหน รถจอดนิ่งสนิท ณ สถานที่ที่ไม่ใช่สำนักงาน ไม่ใช่โกดัง หรือร้านอาหาร แต่เป็นสวนสาธารณะเล็ก ๆ ใกล้มหาวิทยาลัยของใครบางคน ม้านั่งตัวเดิมที่นั่นเธอมักจะมานั่งมองพระอาทิตย์ตกยามเย็น พอพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเธอก็จะลุกเดินออกจากจุดนั้นไปแบบนี้ทุกครั้ง เลออนยืนอยู่ตรงมุมเดิมแววตาเย็นชาคู่นั้นค่อย ๆ อ่อนลง เขามองเธอเงียบ ๆ มองแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งไม้ตัวเก่า มองดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินช้า ๆ วันนี้เธอก็นั่งคนเดียวเงียบ ๆ เหมือนทุกวัน และที่สำคัญเธอไม่รู้เลย... ว่ามีใครคนหนึ่งยืนมองเธออยู่ตรงนี้มาตลอดหลายปี ไวท์ยืนมองเลออนเห็นแววตาเจ้านายตัวเองแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาเคยเห็นเลออนยิงคนโดยไม่กะพริบตาแต่ไม่เคยเห็นเลออนเดินเข้าไปหาเธอคนนั้นแม้แต่ครั้งเดียว บางที... ความรัก สำหรับเลออน มันอาจหมายถึง การเฝ้ามองเธออยู่ห่าง ๆ ก็ได้ หลังพระอาทิตย์ตกดินหญิงสาวก็หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ขึ้นมาสะพาย ลุกขึ้นจากม้านั่งหันหลังเตรียมเดินออกจากสวนสาธารณะไป เลออนยังยืนนิ่ง... ไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา เขามองเธอเดินผ่านเขาไปโดยไม่รู้ตัว ระยะห่างแค่ไม่กี่เมตรแต่เหมือนมีทั้งโลกคั่นกลางระหว่างเขากับเธอ เลออนยืนนิ่งไม่แม้แต่จะเบือนหน้าหนี เพราะเขารู้ดีว่า เขาไม่ใช่คนที่ควรอยู่ในโลกของเธอ และเธอ... ก็ไม่ควรรู้เลยด้วยซ้ำว่า มีใครคนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนี้เสมอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม