มิลลีจอดรถมินิคูเปอร์สีเหลืองไว้ภายในโรงจอดรถของบ้านสองชั้นสไตล์ยุโรป เธอเปิดประตูลงจากรถแล้วคว้าถุงขนมปังอบที่เพิ่งแวะซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ต ผมสีน้ำตาลเข้มดัดลอนสวยงามลู่ไปตามลมหนาวที่พัดพากลิ่นอายของดอกไอริสโชยมาแตะจมูก
แพทย์นิติเวชพาร่างสูงเพรียว บอบบาง แต่แข็งแรงไปที่ประตูบ้าน เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งอย่างที่ชอบทำเป็นประจำในช่วงหลังมานี้ มีศพอีกมากมายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเหล็กในแผนกนิติเวชประจำซัฟฟอล์ก เคาน์ตี เพื่อรอคอยการทวงคืนความยุติธรรม ซึ่งนั่นหมายถึง ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของเธอกำลังจะถูกกลืนหายไป
มิลลีไขประตูบ้านเข้าไปก่อนจะนำถุงขนมปังไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ภายในห้องครัว บ้านทั้งหลังเงียบเหงาและว่างเปล่าเกินไปสำหรับหญิงสาวหน้าตาสะสวยวัย 32 ปี
โรซี่มักบอกเสมอว่า เธอควรหาใครสักคนไว้คอยปกป้องดูแล ซึ่งนั่นอาจจะรวมไปถึงสารวัตรเลฟตี้ ผู้เป็นหัวหน้าของนักสืบสาวด้วย
แต่ความคิดนั้นมันดูแย่สุดๆ ไปเลย
มิลลีเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วมองหาอโวคาโดในช่องผัก
เพล้ง !
เสียงกระจกแตกดังแว่วมาจากทางหลังบ้าน มิลลีชะงักก่อนจะปิดตู้เย็นไว้อย่างเก่า เธอเหลียวมองรอบตัวก่อนคว้ามีดทำครัวขึ้นมาถือไว้แล้วกำมันแน่น
เพล้ง!
เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง
มิลลีใจคอไม่ดี เธอไม่แน่ใจว่าเสียงดังมาจากทางประตูหลังบ้านของเธอเอง หรือว่าบ้านของครอบครัวอีเตอร์ที่ชอบทะเลาะกันบ่อยๆ ในช่วงหัวค่ำกันแน่ เธอภาวนาให้เป็นอย่างหลัง
มิลลีเดินไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายไหล่สีดำที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ เธอปลดล็อคหน้าจอแล้วกดเบอร์โทรนักสืบโรซี่
'' ถ้ามีอะไรผิดปกติหมอต้องรีบโทรบอกฉันทันทีรู้ไหม '' มิลลีนึกถึงคำพูดของโรซี่ที่มักบอกเธอเสมอ
ทันใดนั้นเองไฟทั้งบ้านก็ดับพรึบลง พร้อมกันกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่ก้าวเข้ามาในห้องครัว
มิลลีกำมีดและโทรศัพท์ในมือแน่นขณะตวัดสายตาไปทางประตู เงาดำทะมึนสูงโปร่งใหญ่โตปรากฏอยู่ตรงบานประตู
หัวใจเธอหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม
กรี๊ด!
มิลลีกรีดร้องสุดเสียงเมื่อร่างนั้นพุ่งตรงเข้ามาใกล้ เธอปาโทรศัพท์มือถือไปโดนแผงอกกำยำนั่นก่อนจะจ้วงแทงมีดที่ถืออยู่ในมือไม่ยั้ง ทว่า คมมีดกลับไม่สัมผัสโดนผิวหนังของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
กรี๊ด!
มิลลีกรีดร้องอีกครั้งเมื่อแขนของเธอถูกล็อคไว้จากทางด้านหลัง ใครคนนั้นสะบัดมีดที่อยู่ในมือเธอหล่นลงพื้น เขากดใบหน้าหนวดเคราลงที่ข้างกกหูเธอแล้วกรอกเสียงเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
'' สวัสดีเหยื่อรายต่อไป ''
มิลลีรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับความมืดมิดภายใต้ผืนผ้า เธอเหลียวมองรอบตัวตามสัญชาตญาณทั้งๆ ที่มองเห็นเพียงความดำมืด กลิ่นอับชื้นระคนกลิ่นสารเคมีคละคลุ้งจนแสบจมูก บรรยากาศภายในนี้หนาวจัดแต่มิลลีกลับเหงื่อตก ความเจ็บแล่นแปรบที่ข้อมือตอนที่เธอขยับตัว
'' บ้าเอ๊ย '' เธอสบถเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองถูกพันธนาการ
มิลลีสูดลมหายใจเข้าอย่างพยายามตั้งสติ เธอหวาดกลัวสุดขีดแต่พยายามเก็บอาการและแสดงผ่านออกมาพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกไม่เป็นปกติ
ตึง !
เสียงวัตถุหนักๆ กระทบพื้น
มิลลีสะดุ้งสุดตัว
'' แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก ''
เสียงประหลาดดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
'' โอ้พระเจ้า '' เธอกลัวจนใจจะขาด
เสียงนั้นหยุดลงตรงหน้าเธอพร้อมกันกับที่ฝ่ามือหยาบกร้านของใครบางคนลูบไล้ไปตามใบหน้าขาวเนียนที่ตอนนี้กำลังเปียกปอนไปด้วยหยดน้ำตา
มิลลีเนื้อตัวสั่นเทาขณะกลั้นเสียงสะอื้นและข่มความหวาดกลัวภายในจิตใจ
'' อย่าทำอะไรฉันเลย '' เสียงเธอแทบกลืนหายไปในลำคอ
มือที่เคยไล้วนอยู่ตามใบหน้าเลื่อนลงมาจับที่ปลายคางของเธอให้เชิดขึ้น
'' กลัวงั้นเหรอ '' เสียงเขาเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
มิลลีไม่ตอบแต่ปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้
'' อย่าทำอะไรฉันเลยนะ '' เธออ้อนวอน
แต่เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะน่ากลัวออกมาดังลั่น มันสะท้อนความเยือกเย็นกลับไปกลับมา มิลลีเดาว่าตอนนี้เธอคงอยู่ในห้องใต้ดินของที่ไหนสักแห่งในบอสตัน
'' ทำไมพวกเธอชอบพูดแต่ประโยคนี้กัน '' เขาสะบัดมือออกจากคางเธอ
มิลลีกัดปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นดังเล็ดลอดให้เขาได้ยิน
'' จะร้องทำไม!! '' เขาคำรามใส่หน้าเธอ
มิลลีสะดุ้งสุดตัว คางเธอถูกฝ่ามือหนาของเขาจับให้เชิดขึ้นอีกครั้ง น้ำหนักมือที่กดลงมาทำให้รู้สึกเจ็บ เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่รินรดลงบนพวงแก้มและซอกคอขาวละเอียด
กรี๊ด !
มิลลีกรีดร้องเมื่อเขากัดลำคอของเธอ เธอดิ้นขลุกขลักขณะส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด เธอกลัว กลัวเหลือเกิน....
เขาปล่อยลำคอเธอให้เป็นอิสระ '' เจ็บงั้นเหรอ ''
มิลลีไม่ตอบ เธอได้แต่พยามยามกระถดตัวหนีไปทางด้านหลัง ก่อนจะส่งเสียงโอดครวญเมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับสิ่งของบางอย่าง เธอไม่มีหนทางหลีกหนีไปจากเขาได้แล้วสินะ
กรี๊ด !
ขาเธอถูกกระชากด้วยความรุนแรง
ใครคนนั้นลากเธอไปกับพื้นซีเมนต์เย็นเฉียบอย่างใจเย็น มิลลีมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิดที่น่ากลัวยิ่งกว่านรก เธอภาวนาขอให้นี่เป็นเพียงแค่ความฝัน ฝันร้ายที่เธอจะตื่นขึ้นพาพร้อมกับเสียงของนาฬิกาปลุก
แต่ความเจ็บที่ข้อเท้ากลับตอกย้ำว่าทั้งหมดนี้มันคือความจริง
'' ฮือออออ '' มิลลีร้องไห้สะอึกสะอื้น
เธอนึกถึงอาหารมือค่ำที่กำลังจะลงมือทำ นึกถึงศพของเด็กสาวชาวแคนาดาที่ต้องทำการชันสูตรพลิกศพตอนสิบโมงเช้าในวันรุ่งขึ้น นึกถึงสีหน้าสุดเหวี่ยงของนักสืบโรซี่ตอนที่ออมเล็ตสุดอร่อยในร้านเรริกาหมดเกลี้ยง และนึกถึงแววตาอ่อนโยนภายใต้รอยยิ้มแข็งกระด้างของเจสัน แกมเมอร์
เธอกำลังจะตาย....
'' อ๊ะ โอ๊ย ''
ร่างบอบบางของมิลลีกระแทกลงบนพื้นแข็งๆ ความเจ็บแล่นปราดไปตามสะโพกและบั้นท้าย มิลลีพลิกตัวอย่างทุลักทุเลขณะพยายามกระเสือกกระสนหนีไปอีกทาง ทางที่มีเพียงความมืดดำอันว่างเปล่า
'' กรี๊ด ''
ร่างเธอลอยขึ้นจากพื้น
ใครคนนั้นช้อนเธอขึ้นพาดบ่าแล้วโยนเธอลงบนอะไรสักอย่างที่แข็งจนรู้สึกเจ็บ เธอไม่แน่ใจว่ามันคือที่นอนหรือว่าอะไรกันแน่
'' ได้โปรด…ปล่อยฉันไปเถอะ '' มิลลีอ้อนวอนทั้งน้ำตา
เธอสัมผัสได้ว่าผืนผ้าที่เขาใช้มันปิดตาเธอไว้กำลังเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัว
'' โอ๊ย '' มิลลีร้องด้วยความเจ็บ
เขากระชากผมเธออย่างแรงจนศีรษะลอยขึ้นมาจากพื้นอะไรสักอย่างที่มีลักษณะแข็ง
'' ขอร้องสิ อ้อนวอนให้ฉันใจอ่อน ''
มิลลีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
'' ได้โปรด….'' เสียงเธอขาดหาย
'' ได้โปรด…ส่งเธอไปลงนรกเร็วๆ ใช่ไหม '' เขาถาม
มิลลีส่ายหน้า
'' ไม่….ปล่อยฉันไปเถอะ…ได้โปรด ''
เขาคลายฝ่ามือจากผมเธอแล้วเปลี่ยนไปลูบพวงแก้มเปียกปอน
'' เพราะอะไรฉันถึงจะต้องปล่อยเธอ ''
'' ฉัน…กลัว '' มิลลีบอกทั้งน้ำตา
เขาหัวเราะเยือกเย็น '' ฉันชอบที่เธอกลัว ''
มิลลีส่ายหน้า '' ได้โปรด…เมตตาฉันเถอะ ''
ความเงียบครอบงำอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่เขาจะระบายลมหายใจร้อนผ่าวรดหน้าผากของเธอ มิลลีตัวเกร็งอย่างหวาดกลัว
'' อยากเห็นหน้าฉันก่อนตายไหม '' เขาถามเสียงไร้ความรู้สึก
มิลลีไม่ตอบนอกจากสะอึกสะอื้นจนตัวโยน
'' หยุดร้องเดี๋ยวนี้ก่อนที่ฉันจะตัดลิ้นเธอ! '' เขาตวาด
มิลลีสะดุ้งสุดตัวก่อนปิดปากเงียบทันทีโดยอัตโนมัติ ทว่า หยดน้ำตากลับยังคงรินไหลออกมาไม่ขาดสาย เธออยากกลั้นใจตายเสียแต่ตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด มิลลีจินตนาการสภาพศพของตัวเองที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงชันสูตร จินตนาการถึงสายตาของบรรดาเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่กำลังจ้องมองมายังร่างไร้วิญญาณของตัวเอง แค่คิดหัวใจของเธอก็แทบแหลกสลาย
เธอยังไม่อยากตาย…..เสียงในหัวร้องบอกแต่อย่างนั้น แต่เธอกำลังจะตาย....
'' ฉันจะให้เธอเลือกวิธีตาย '' เขาบอกขณะสัมผัสริมฝีปากเธอแผ่วเบา '' ระหว่างโดนชำแหระเหมือนกวางกับ…. ''
มิลลีไม่ปล่อยให้เขาพูดจนจบประโยค '' ไม่....ฉันยังไม่อยากตาย ''
มิลลีสะดุ้งเมื่อเขาลูบไล้ฝ่ามือไปตามหัวไหล่ ตอนนั้นเองที่เธอตระหนักได้ว่าแจ็คเก็ตหนังสีเลือดหมูไม่ได้อยู่บนตัวเธออีกต่อไปแล้ว
'' โอ๊ย เจ็บ '' เธอร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเขาขบฟันลงบนหัวไหล่
ความหวาดกลัวทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนมิลลีอยากจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง เธอเกลียดกลัวความมืดมิดที่มองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ บนโลกใบนี้
ฉับพลันนั้นเอง ผ้าที่ปิดตาเธออยู่ก็ถูกกระชากออก
มิลลีสะบัดหน้าและหรี่ตาลง '' โอ้พระเจ้า ''
คมมีดเงาวับในมือเขาสะท้อนแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนส์บนเพดานห้อง
มิลลีตวัดสายไปยังเจ้าของร่างกำยำที่กำลังขึ้นทาบทับอยู่บนตัวเธอ
ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบจ้องมองมาด้วยแววตาไร้หัวใจ
'' จำหน้าฉันไว้ให้ขึ้นใจ ''