หลังจากเดินผ่านร่างของลีน่ามาโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง ฟรานเชสโกก็มุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัวที่จอดรออยู่ทันที อันโตนิโอเดินตามหลังมาอย่างเงียบเชียบ หลังจากจัดการสั่งให้ลูกน้องนำตัวลีน่าออกไปจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายในลิฟต์ที่เคลื่อนตัวลงสู่ชั้นล่างสุดซึ่งเป็นลานจอดรถส่วนตัว ความเงียบเข้าปกคลุม มีเพียงเสียงการทำงานของลิฟต์ที่ดังเบาๆ
ฟรานเชสโกยืนพิงผนังลิฟต์ เอนศีรษะไปด้านหลังแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่ความเหนื่อยทางกาย แต่เป็นความเหนื่อยใจกับเรื่องไร้สาระเมื่อครู่
อันโตนิโอซึ่งยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆ ชำเลืองมองเจ้านายของตน พ่อเขารับใช้ตระกูลเด ลูคามาตั้งแต่รุ่นพ่อของฟรานเชสโก เรียกได้ว่าโตมาไล่เลี่ยกันเห็นฟรานเชสโกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน จนกระทั่งเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำที่น่าเกรงขามและเยือกเย็นอย่างทุกวันนี้ เขารู้จักนิสัยของเจ้านายดีกว่าใครทั้งหมด
ฟรานเชสโกไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แต่ก็ไม่ใช่คนใจดี เขาเด็ดขาด มีเหตุผล และไม่เคยปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน การกระทำของเขาในวันนี้... ทั้งการปฏิเสธโฮสเตสอย่างเด็ดขาด และการประกาศกร้าวเรื่อง "ผู้หญิงของผม" ต่อหน้าเหล่าหุ้นส่วน... มันเป็นสิ่งที่อันโตนิโอไม่เคยเห็นมาก่อน
"นายครับ" อันโตนิโอเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
"มีอะไร" ฟรานเชสโกตอบโดยที่ยังไม่ลืมตา
"เรื่องเมื่อครู่... ผมทำเกินกว่าเหตุไปหรือเปล่าครับ" เขาหมายถึงการลงไม้ลงมือกับลีน่า
"ไม่" ฟรานเชสโกตอบเสียงเรียบ "เธอสมควรโดน... ถือว่านายช่วยประหยัดแรงฉันไปได้เยอะ"
อันโตนิโอพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา "นายครับ... ผู้หญิงที่เพนท์เฮาส์... 'คุณพริกหวาน' ...เธอคือ..."
เขาเว้นจังหวะไปเล็กน้อย "เธอคือ 'ว่าที่นายหญิง' ของพวกเรา... ใช่ไหมครับ"
คำถามที่ตรงไปตรงมานั้น ทำให้ฟรานเชสโกลืมตาขึ้นทันที เขามองหน้าลูกน้องคนสนิทที่อยู่กับเขามานานหลายปีผ่านเงาสะท้อนของผนังลิฟต์ที่เป็นกระจก
ปกติแล้ว... หากมีใครมายุ่งหรือตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขามากเกินไป เขาจะแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าหรือน้ำเสียงทันที
แต่ครั้งนี้... เขากลับนิ่งเงียบไปชั่วครู่...
ภาพของพริกหวานฉายชัดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง... ภาพที่เธอยืนรอเขาด้วยความเป็นห่วง... ภาพที่เธอเข้าครัวทำอาหารให้เขาทาน... ภาพรอยยิ้มและอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเธอ...
และโดยไม่รู้ตัว... มุมปากของฟรานเชสโกก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ...
มันไม่ใช่รอยยิ้มเย้ยหยันหรือรอยยิ้มที่เสแสร้ง... แต่เป็นรอยยิ้มจางๆ ที่ออกมาจากใจ... รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและความสุขอย่างแท้จริง
อันโตนิโอที่เห็นภาพนั้นถึงกับเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ... เขาทำงานกับฟรานเชสโกมาเกินสิบปี จำนวนครั้งที่เขาเห็นเจ้านายยิ้มแบบนี้... เขาสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว! ปกติแล้วฟรานเชสโกแทบจะไม่ยิ้มเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าของเขามักจะเรียบเฉย เย็นชา และอ่านไม่ออกอยู่เสมอ รอยยิ้มที่หลุดออกมาแต่ละครั้งจึงเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากยิ่ง
ฟรานเชสโกไม่ได้ตอบคำถามของอันโตนิโอเป็นคำพูด... แต่รอยยิ้มนั้น... มันคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว
"กลับเพนท์เฮาส์" เขาสั่งเสียงที่ฟังดูผ่อนคลายลงกว่าเดิมมาก "ขับให้เร็วกว่าปกติ"
"ครับนาย!" อันโตนิโอรับคำสั่งเสียงดังฟังชัด ในใจของเขาก็ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วเช่นกัน
ดูเหมือนว่า... อาณาจักรเด ลูคา... กำลังจะได้ต้อนรับ 'นายหญิง' คนใหม่ในอีกไม่ช้า... และการมาถึงของเธอ... ก็ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงหัวใจที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของราชา...ให้เริ่มหลอมละลายลงแล้วจริงๆ