ฉันอยากรีดร้องดังๆคนเดียวแต่มันทำไม่ได้ ทำได้แค่ทนเก็บความอัดอั้นไว้ในใจแล้วรีบหาทางหนีออกไประบายข้างนอก พี่ติวเตอร์ชอบหาเรื่องมาทำให้ฉันสติหลุดควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าฉันจะพยายามทำหน้านิ่งนับหนึ่งถึงร้อยในใจแต่มันไม่เคยไปถึงจุดนั้นได้สักที คำพูด ท่าทาง การแสดงออกของพี่ติวเตอร์ทำให้ฉันหลุดโฟกัสระบายอารมณ์อีกมุมของฉันออกมาทุกครั้ง การทำหน้านิ่งเฉยชาไม่เคยเอาชนะพี่ติวเตอร์ได้เลย แล้วเพื่อนๆของฉันทั้งสองคนดันชิ่งหนีเอาตัวรอดไปดื้อๆทิ้งให้ฉันอยู่เผชิญหน้ากับพี่เขาเพียงลำพัง เมื่อหาทางเลี่ยงเดินออกมาจากร้านอาหารได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าฉันกับเพื่อนยังไม่ได้จ่ายค่าอาหาร รอยยิ้มร้ายกาจปรากฎบนใบหน้าของฉันพร้อมกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาดังๆคนเดียวด้วยความสะใจ ถือว่าครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายชนะน็อคพี่ติวเตอร์ได้โดยที่ฉันไม่ได้ลงแรงอะไรเพราะพี่เขาออกจากร้านเป็นคนสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นผู้ประสบภัยไปในทันทีเสียเงินจ่ายค่าอาหารของคนอื่นกินไว้อย่างงงๆ
"ดีสมน้ำหน้า อยากยั่วโมโหกวนใจดีนักคราวนี้กรรมคงตามสนองทันตาเห็น" ฉันเดินบ่นคนเดียวเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสพอนึกถึงใบหน้าบอกบุญไม่รับของพี่ติวเตอร์ตอนกำลังควักเงินจ่ายอย่างหัวเสีย ฉันรู้สึกว่าวันนี้มันเป็นวันที่ดีทำให้ฉันมีรอยยิ้มอย่างมีความสุขบอกไม่ถูก
"พวกแกเสาร์นี้ว่างไหมไปดูฉันซ้อมรถที่สนามแข่งกันฉันได้ข่าวว่ามีตัวตึงมาอวดเบ่งที่สนามอยากไปลองพิสูจน์ความตึงสักหน่อยว่าฝีมือจะสักเท่าไหร่กัน" ฉันโทรไปชวนเพื่อนๆเพื่อไปดูฉันฝึกซ้อมไม่ให้ฝีมือของตัวเองตก อยากไปแข่งวัดกันเล่นๆไม่ได้คิดเอาจริงเอาจังแต่อย่างใด อีกหนึ่งเหตุผลฉันอยากไปกำราบพวกอวดเบ่งในสนามแข่งของพี่ธามถือว่าเป็นการซ้อมแข่งจริงไปในตัวด้วย เพื่อนๆฉันตอบตกลงไปดูเพราะคิดว่ามันเป็นแค่การซ้อมไม่ได้แข่งจริงพี่ธามคงไม่โผล่หน้าไปที่สนามให้ข้าวปุ้นมันหวาดระแวงแล้ววิ่งหลบหน้าพี่ธามเหมือนทุกที เรื่องอื่นข้าวปุ้นเก่งทุกอย่างแต่พอเอ่ยชื่อหรือพูดถึงพี่ธามทีไร
ข้าวปุ้นก็ฝ่อทุกที ฉันอยากให้เพื่อนกล้าเผชิญหน้ากับพี่ธามเหมือนกันเพราะมันจะได้ใช้ชีวิตปกติไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ เรื่องที่พี่ฉันแหกหน้ามันต่อหน้าทุกคนก็ผ่านมาแล้วถึงสองปีทุกคนคงลืมเรื่องนี้กันไปหมด แม้แต่พี่ธามเองตอนนี้ก็ไม่ได้ถามหาหรือสืบข่าวข้าวปุ้นจากฉันอีกเพราะฉันรูดซิบปากสนิทไม่ได้เล่าเรื่องของข้าวปุ้นให้พี่ธามฟัง พี่ธามคงถอดใจเรื่องข้าวปุ้นไปหาคนอื่นๆเห็นควงสาวไม่ซ้ำหน้าแล้วเพื่อนๆในกลุ่มก็เป็นเหมือนกันทุกคน พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไรหัวใจมันเจ็บจี๊ดแทนผู้หญิงหลายคนที่เข้ามาพัวพันกับกลุ่มพี่ชายของฉัน
"หญ้าหวานแกแน่ใจนะว่าพี่ชายแกไม่มาจริงๆ" ฉันกำลังนั่งคุยกับข้าวปุ้นและกวินท์ในห้องพัก VIP เพื่อรอเปลี่ยนชุดแข่งและทีมช่างมาเตรียมความพร้อม ระหว่างนั่งรอข้าวปุ้นมันก็คอยมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลาคงกลัวว่าจะเจอกับพี่ชายของฉัน ซึ่งตัวฉันเองค่อนข้างแน่ใจมากๆว่าพี่ธามกับเพื่อนๆจะไม่โผล่มาที่สนามแน่ๆเห็นชวนกันออกไปไหนก็ไม่รู้ ฉันเองก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่ต้องเจอหน้าพี่ติวเตอร์คนซึนคอยก่อกวนประสาทฉันทุกที่ทุกเวลา ไม่รู้ว่าจะขยันก่อกวนและชอบชวนคุยอะไรกันนักกันหน้า ตั้งแต่จำความและพูดได้ฉันก็เห็นพี่ติวเตอร์ชอบมาหาเรื่องชวนคุยอยู่ตลอดเวลา พอไม่คุยด้วยก็แกล้งดึงผมเปียฉันให้หลุดลุ่ย ยิ่งฉันทำเป็นไม่สนใจก็จะคอยเดินตามแล้วพูดจากวนๆอยู่เสมอจนบางครั้งฉันเผลอแอบคิดในใจว่าพี่ติวเตอร์เป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น แต่ก็ไม่น่าใช่พ่อต้ากับแม่ลูกอมก็ดูรักพี่ติวเตอร์มาก บางทีฉันคิดว่าพี่ติวเตอร์เป็นเด็กขี้อิจฉาพอเห็นพวกเพื่อนๆของตัวเองคอยเอาอกเอาใจคอยดูแลตามฉันตลอดจึงเกิดความอิจฉาแล้วมาคอยแกล้งฉันให้อารมณ์เสียได้ทั้งวันจนฉันไม่อยากเจอหน้า
"พี่ธามกับเพื่อนไม่มากันหรอกฉันมั่นใจ ฉันได้ยินพวกพี่ธามนัดกันออกไปข้างนอกไม่รู้ว่าชวนกันไปไหน" ฉันเล่าสิ่งที่ฉันแอบได้ยินพี่ธามโทรคุยกับเพื่อนๆให้ข้าวปุ้นฟัง แล้วฉันก็มั่นใจมากๆว่าไม่มีทางได้เจอกันที่สนามแข่ง
เพราะพี่ธามกับเพื่อนๆจะมาที่สนามตอนมีแมทแข่งสำคัญๆเท่านั้น และที่สำคัญไปกว่านั้นพวกพี่เขาแทบไม่ได้มาฝึกซ้อมในสนาม ถึงไม่มาฝึกซ้อมพี่เขายังเอาชนะคู่แข่งเก่งๆได้สบายหรือแค่ฟลุคแต่คนอะไรจะดวงดีฟลุกชนะได้ทุกครั้ง ฉันเจ็บใจเรื่องนี้มากฉันขยันฝึกซ้อมเทคนิคต่างๆมากมายยังเอาชนะพี่ติวเตอร์ไม่ได้สักครั้ง
"ฉันคิดว่าคงจะมีอยู่เรื่องเดียวหนีไม่พ้นนัดสาวๆไปเที่ยวนั่นแหละพวกพี่เขาไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยกันบ้างเลย" ข้าวปุ้นทำหน้าหงอยคงกำลังนอยพี่ธาม แม้คำพูดของ
ข้าวปุ้นบอกว่าตัดใจจากพี่ชายของฉันได้แต่เวลาผ่านมา
สองปีในสายตาของข้าวปุ้นก็ยังเป็นพี่ธามอยู่เสมอ ฉันเองก็อยากดัดนิสัยชายเจ้าชู้ของพี่ธามอยู่เหมือนกัน อยากให้ข้าวปุ้นเรียกความมั่นใจกลับมาแล้วลุกขึ้นมาสู้กับพี่ชายของฉันทำให้เสียดายที่ไม่เลือกเพื่อนที่จริงใจของฉัน ถ้าข้าวปุ้นสู้ฉันพร้อมสนับสนุนเพื่อนรักของฉันอย่างเต็มที่ ถึงจะพี่ชายก็เหอะอยากทำให้เพื่อนฉันเสียใจดีนัก เมื่อเวลานั้นมาถึงฉันจะยุข้าวปุ้นเอาคืนให้สาสม
"เมื่อไหร่แกจะเลิกกลัวพี่เขาสักทีแกไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยแกจะหลบหน้าพี่เขาทำไมกัน" กวินท์นั่งนิ่งฟังพวกฉันสองคนคุยกันมานานเลยอยากออกความคิดเห็นบ้าง มันก็จริงอย่างที่กวินท์พูดทุกอย่างข้าวปุ้นไม่จำเป็นต้องหลบหน้าพี่ชายของฉัน
"ก็ฉันอายนี่นาใครจะกล้าสู้หน้าพี่ธามได้ล่ะเดี๋ยวเขาก็หัวเราะเยาะและคิดว่าฉันจะวิ่งตามพี่เขาอีก" ข้าวปุ้นดูหมดความมั่นใจในตัวเองไปเยอะตั้งแต่พี่ฉันหักอกต่อหน้านักเรียนทุกคนเป็นฉันก็อายโดนฉีกหน้าต่อสาธารณชน
"เอาน่าเรื่องนั้นค่อยว่ากันยังไงแกก็เลี่ยงไม่เจอกับพี่ธามไม่ได้หรอกเรียนมหาลัยเดียวกันยังไงก็ต้องมีโอกาสเดินสวนกันบ้างล่ะ ฉันไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวลงซ้อมดีกว่า วันนี้เด็กที่สนามมาบอกฉันว่าไอ้คนขี้อวดก็มาฝึกซ้อมที่สนามด้วยฉันอยากไปวัดฝีมือสักตั้งอยากรู้ว่าเก่งแค่ไหน" ฉันอยากเห็นฝีมือคนอวดเบ่งอยู่เหมือนกัน ฉันจึงไปที่ห้องเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปที่ PIT
"เออแล้วเจอกันแกก็ระวังตัวด้วยนะอย่าประมาทพวกฉันเชียร์แกเต็มที่" กวินท์เตือนฉันให้มีสติในการแข่งรถอย่าประมาทฝีมือคู่แข่งพร้อมกับเอ่ยปากให้กำลังใจทั้ง
ข้าวปุ้นและกวินท์
ฉันแต่งชุดนักแข่งเสร็จก็เดินออกจากห้อง VIPไปหาทีมช่างที่ PIT เพื่อเช็คความเรียบร้อยของรถซุปเปอร์คาร์สีขาวคาดแดงที่เป็นรถคู่ใจของฉัน จริงๆฉันมีรถแข่งหลายคันจะหมุนเวียนสลับกันลงสนาม โค้ชที่ควบคุมการฝึกสอนได้แนะนำเทคนิคเพิ่มเติมโดยเอาข้อผิดพลาดของการแข่งรอบที่แล้วเป็นบทเรียนปิดจุดที่ผิดพลาด และแก้เกมส์นักแข่งในสนามที่โค้ชฉันรวบรวมไว้เอามาปรับแก้เพิ่มเทคนิคที่เหนือชั้นเข้าไป ฉันเชื่อมั่นว่าฉันจะไม่มีวันแพ้ยกถ้วยแห่งชัยชนะให้ใครอีกเด็ดขาดแม้กระทั่งพี่ติวเตอร์ แล้ววันนี้ฉันจะใช้เทคนิคที่มีการปรับแก้จากโค้ชเอาชนะคนที่มาอวดเบ่งในสนามของฉัน เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมฉันเตรียมขึ้นรถพร้อมสวมอุปกรณ์เซฟตี้ร่างกาย แล้วพารถคู่ใจทะยานออกสู่สนามเพื่อฝึกซ้อมท้าทายคู่แข่งอย่างไม่เกรงกลัว
"น้องหญ้าหวานนี่ฝีมือไม่เบาเลยนะ" เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่เด็กๆรายงานว่ามาอวดเบ่งในสนาม ถึงมันจะเป็นแค่การฝึกซ้อมฉันก็ไม่ผ่อนปรนให้ผู้ชายคนนั้น การท้าประลองเป็นไปอย่างสูสีกันมากก่อนฉันจะเป็นฝ่ายเบียดแซงเข้าเส้นชัยชนะไปได้อย่างฉิวเฉียด เทคนิคการขับรถและฝีมือของผู้ชายคนนั้นถือว่าดีมากเพียงแต่ฉันใช้ความฉลาดกว่าพลิกเกมส์เล็กน้อย ฉันลงจากรถผู้ชายคนนั้นก็เดินตามเข้ามาทักทายฉันถึงใน PITทำตัวเหมือนคนรู้จักคุ้นเคยกับฉันเป็นอย่างดี ฉันยืนนิ่งจ้องหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไรออกไปตามนิสัยเฉยชาของฉันเองนั่นแหละ ฉันมักใช้วิธีนี้เป็นกำแพงหนาเพื่อป้องกันคนเข้าหา
"พี่ชื่อมาร์กครับได้ยินว่ามีนักแข่งหญิงที่เก่งที่สุดมาฝึกซ้อมอยู่ที่นี่ พี่จึงมาตามหาที่สนามแข่งแล้วก็ได้เจอน้องหญ้าหวานคนสวยอยู่ที่นี่จริงๆ ได้เห็นตัวจริงสมคำล่ำลือทั้งเก่งทัั้งสวย" ผู้ชายคนนั้นคงทนความนิ่งแสนจะเย็นชาของฉันไม่ไหวรีบแทรกพูดแนะนำตัวเองขึ้นมาเสียก่อนเพราะฉันกำลังตั้งท่าจะเดินหนี ฉันยืนฟังผู้ชายคนนั้นพูดไปเรื่อยอย่างไม่ใส่ใจที่จะฟัง เพราะฉันไม่อยากจะรู้จักหรือพูดคุยกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันเตรียมเดินหนีออกไปและแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายชัดเจนไม่ปิดบังแต่อย่างใด
"น้องหญ้าหวานจะกลับแล้วเหรอครับ งั้นไว้เจอกันที่มหาลัยตอนเปิดเทอมนะครับ เราคงได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้และได้เจอกันบ่อยขึ้น" ฉันทำหน้าเซ็งอย่างบอกไม่ถูกรำคาญผู้ชายคนนี้เอามากๆพูดมากอยู่ได้ใครอยากเจอกันอีกที่มหาลัย ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นรุ่นพี่คณะไหนคณะหนึ่งแอบสืบประวัติฉันมาแล้วเป็นอย่างดี ฉันเดินหนีโดยไม่หันกลับไปมองคนพูดมากน่ารำคาญคนนั้น
"มึงไม่ต้องเสือกมาเจอคนของกูอีกหรอก อยู่ห่างๆไว้ไม่ต้องเข้าใกล้ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน" เสียงอันคุ้นหูทำให้ฉันต้องหยุดชะงักนิ่งกับที่ฉันจำเจ้าของเสียงนั้นได้ดีว่าเป็นใคร เสียงเข้มของพี่ติวเตอร์เต็มไปด้วยความดุดันไม่เหมือนผู้ชายที่ชอบพูดเล่นยียวนกวนประสาทฉันคนเดิมเลยสักนิด น้ำเสียงขึงขันเหมือนน้ำร้อนที่เดือดปุดๆฟังแล้วน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ฉันรู้ได้ทันทีว่าพี่เขาไม่ได้ขู่เล่นๆคงทำจริงอย่างที่พูด ฉันหันหลังกลับมาเห็นสายตานิ่งดุดันของพี่เตอร์มองไปยังหน้าผู้ชายคนนั้น พี่ติวเตอร์ยืนนิ่งไม่ไหวติงบรรยากาศมาครุ
"ถ้ากูจะอยากเสือกอยากไปเจอน้องหญ้าหวานคนสวยมึงห้ามกูไม่ได้หรอก" ฉันรู้สึกถึงไอสังหารรุนแรงปะทุออกมาจากตัวพี่ตอร์มันมีพลังรุนแรง ฉันต้องรีบห้ามทัพ
"มึงอยากลองดีก็ลองดูใครกล้ายุ่งกับคนของกูมันจบไม่สวยสักราย" วันนี้พี่ติวเตอร์ดูโหดและเอาจริงกว่าทุกครั้ง
"หึ.หึ.กูอยากลองว่ะ...แล้วเจอกันใหม่นะครับน้องหญ้าหวาน" ผู้ชายคนนั้นจงใจยั่วโมโหพี่ติวเตอร์ก่อนจะเดินออกไปจาก PIT ฝั่งของฉัน ฉันจึงรีบรั้งแขนพี่เตอร์ไว้ไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นในสนามแห่งนึ้มันคงไม่เป็นผลดีกับใคร